xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

"4 อดีตบิ๊กตำรวจ" สุดทน ออกโรงหวด“โจ๊กหวานเจี๊ยบ”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

 พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบก. 191
ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -อากาศที่ว่าร้อนอบอ้าวในช่วงนี้ยังน้อยกว่าบรรยากาศของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกองบัญชาการตำรวจนครบาล เพราะตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา กำลังทหาร สนธิกับตำรวจ (เขาว่างั้น) บุกทะลายบ่อนการพนันหลายแห่ง

ประเดิมรายแรกบ่อน สก.อ้วน บางนา ตั้งอยู่ซอยแบริ่ง 13 ได้ผู้ต้องหาชาย-หญิง 45 คน งานนั้นไม่มีปัญหาเพราะ “ข่าววงใน”ระบุว่า ระดับกองบังคับการ เขาไม่เล่นด้วย ส่ง “ใบเหลือง”ให้โรงพักคืนตั๋ว จะด้วยเหตุผลกลใดไม่ทราบ แต่ยังทำมึน เมื่อเกิดเรื่องงามหน้ากลายเป็นข่าวครึกโครมก็ต้องยอมรับชะตากรรม

พล.ต.ต.ชวลิต ประสบศิลป์ ผบก.น.5 ลงนามคำสั่งเอง เด้ง 5 เสือพ้นจากโรงพัก ถือเป็นการต้อนรับน้องใหม่ตำรวจบ้านนอกที่เพิ่งเข้ามาชิมลางในเมืองหลวงปลายเดือนเดียวกัน ทหารบุกจับบ่อนพนันคืนเดียว 3 รายรวด คือบ่อนป็อกแปด-เก้าในซอยพลโยธิน 50 สน.บางเขน ได้ผู้ต้องหา 24 คน บ่อนซอยนวลจันทร์ 16 สน.โคกคราม และ บ่อนซอยลาดพร้าว 128/2 สน.ลาดพร้าว กระทั่งสายวันที่ 26 กุมภาพันธ์

กองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้ออกคำสั่งเด้ง 5 เสือ 3 โรงพัก และ พล.ต.ต.ก่อเกียรติ วงศ์สุเมธ ผบก.น.2 กับ พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ปิงเมือง ผบก.น.4

ถัดไปอีกไม่กี่ชั่วโมง กำลังทหารก็บุกจู่โจมบ่อนพนันเตาปูน กลางวันแสกๆ มีการต่อต้านจากชาวบ้านอย่างประปราย กว่าจะเข้าไปถึงตัวบ่อนบรรดานักพนันก็เผ่นหายไปหมด แต่ทหารก็ยังยึดอุปกรณ์สำหรับเล่นการพนันจำนวนมาก พร้อมอาวุธปืนพกอีก 2-3 กระบอก

เฉพาะการบุกทะลายบ่อนเตาปูนกลายเป็นจุดสนใจของสังคมไทยเป็นอย่างยิ่ง โดยก่อนหน้า พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ผบ.ตร. ออกมาตอบโต้ พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ อดีต รองผกก.สันติบาล จอมแฉอบายมุข ทำนองว่าบ่อนเตาปูนปิดตัวไปนานแล้ว ตำรวจนครบาลรายงานว่ามี แต่หยากไย่ กับฝุ่นจับเขอะ แต่การเข้าปฏิบัติการของฝ่ายทหาร และข้อมูลที่ได้ในภายหลังกลับตรงกันข้าม อย่างสิ้นเชิง

ผบ.ตร. จึงออกคำสั่งย้าย 5 เสือเตาปูน ส่วน พล.ต.ต.ก่อเกียรติ วงศ์สุเมธ ผบก.น. 2 ที่โดนย้ายไปก่อน ต้องมาติดร่างแหกรณีบ่อนเตาปูนซ้ำอีกดอก ซึ่งในส่วนนี้ถือว่าเป็นการออกคำสั่งโดย ผบ.ตร.

ผ่านไปเพียง 2 วัน วันที่ 28 กุมภาพันธ์ บรรดา 5 เสือจาก สน.บางเขน -โคกคราม -ลาดพร้าว และเตาปูน รวมทั้ง 2 ผู้บังคับการ ย้ายกลับทำงานในหน้าที่เดิม ด้วยเหตุผลที่ว่าผลการสอบสวนไม่พบความบกพร่อง เพราะการจับกุมทหารและตำรวจช่วยกันทำงาน ส่วนกรณีบ่อนเตาปูน พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพรหมณกุล ผบช.น. ออกมาแก้ต่างกับนักข่าวหลายรอบ สรุปได้ว่า บ่อนเตาปูนไม่ได้มีการเปิดเล่น ฝ่ายทหารยืนยันว่า พบของกลางในห้องขนาดเล็ก "ต้องแยกแยะว่า ระหว่างบ่อนการพนัน และการลักลอบเล่นการพนันมีความแตกต่างกัน วิญญูชนก็ทราบ ของกลางที่พบเป็นโพยเก่าที่เล่นพนันกันมาตั้งแต่ปี 2555 "
 
กองบัญชาการตำรวจนครบาล ยืนยันหนักแน่นอย่างนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ในฐานะผู้บังคับบัญชาสูงสุด ท่านว่าไง.... ผบ.ตร.บอกว่า กรณีที่สังคมเกิดความสงสัยว่าผู้บังคับบัญชาจะมีคำสั่งย้าย 5 เสือจากโรงพักต่างๆ ที่มีปัญหาขณะนี้กลับภายในวันเดียว ก็เป็นอำนาจโดยชอบธรรมของผู้บังคับบัญชา ถ้าตรวจสอบแล้วพบว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือได้รับผลประโยชน์จากบ่อน

ดังนั้นตำรวจนายใดไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ก็ไม่ต้องกังวล ยืนยันว่าคำสั่งของ ตร.ทำไปตามขั้นตอน และให้ความเป็นธรรม....ทั้งนี้ในส่วนของพล.ต.ต.ก่อเกียรติ วงศ์สุเมธ ผบก.น.2 และ พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ปิงเมือง ผบก.น.4 มีคำสั่งให้ พล.ต.ท.อนันต์ ศรีหิรัญ จเรตำรวจ (สบ.8) เป็นประธานในการตรวจสอบข้อเท็จจริง เนื่องจากบ่อนเตาปูน เป็นบ่อนขนาดใหญ่ที่ได้รับการร้องเรียนบ่อยครั้ง และการจับกุมก็ทำได้ยาก การตรวจสอบต้องใช้เวลาสักระยะ
 
แปลไทยเป็นไทยว่า บช.น. จะการันตีอย่างไรก็ว่าไป แต่การสอบสวนของ ตร. โดยจเรตำรวจยังคงอยู่ และคำสั่งให้มาประจำศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน หรือเข้าใจง่ายๆก็คือ ยังไม่คืนตัวให้ว่างั้นเหอะ

ผิดหรือถูกประการใด จึงขึ้นกับผลการสอบสวนของจเรตำรวจ ถ้าผิดจะผิดขนาดไหน บกพร่อง ปล่อยปละละเลยหรือรู้เห็นเป็นใจก็ต้องว่ากันตามข้อเท็จจริง อย่างไรก็ตามปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น ทางหนึ่ง พล.ต.ท.ศรีวราห์ อาจจะได้ใจลูกน้องโดยเฉพาะบรรดาเสือๆ ทั้งหลายที่มีบ่อนในพื้นที่รับผิดชอบ และแน่นอนว่ารวมทั้ง ผบก.น. 2 และ 4 ที่รีบแอ่นอกปกป้องอย่างทันทีทันควัน จนลืมไปว่าอีกทางหนึ่งใช่สังคมจะไม่ประสีประสาโดยเฉพาะในแวดวงสีกากี สีเทา ต่างก็พอจะรู้กันว่าก่อนหน้าทหารเข้าทะลายบ่อนเตาปูน เขามีกิจกรรมอะไรกันที่นั่น

และที่สำคัญสายสัมพันธ์ที่มีต่อ พล.ต.ต.ก่อเกียรติ วงศ์สุเมธ ผบก.น. 2 คงไม่ใช่แค่เพื่อนร่วมรุ่น นรต.35 เพียงอย่างเดียว ยังมีเหตุผลอื่นที่ลึกซึ้งถึงขั้นเกี่ยวดองเป็นญาติ ส่วนจะลำดับกันอย่างไร เขาก็ว่ามันเป็นเพียงอดีต ปัจจุบัน พล.ต.ท.ศรีวราห์ เป็นน้องเขยนายสุชาติ ตันเจริญ อดีตนักการเมืองดังแต่เพียงผู้เดียว

 จุดนี้จึงมีคนตั้งข้อสังเกต เพราะถือว่าแท้จริงแล้ว ผบก.น.2 ก็คือคนใก้ลตัวของ น.1 นั่นเอง !!??

แต่อะไรไม่เท่ากับการออกคำสั่งกองบัญชาการ ทับคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อันเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุด ขนาดว่าแวดวงตำรวจทั้งจ่ายันนายพล ต่างพูดเป็นเสียงเดียวหันว่า “เก่งเล็ก- ปูเกียว” กำลังสวมวิญญาณ “ปาเกียว” โคตรมวยชาวตากาล็อก โดดชกข้ามรุ่นกับ “บิ๊กอ๊อด”เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างสนุกปาก แถมยังให้ราคากับ “ปูเกียว” เป็นต่อเนื่องจากเป็นมวยมีโปรโมเตอร์ ต่างจาก“เก่งใหญ่”ที่กำลังนับเวลาถอยหลัง

ว่ากันขนาดนี้ ถ้า ผบ.ตร.ไม่คงคำสั่งโดยต้องผ่านการตรวจสอบจากจเรตำรวจเสียก่อน ก็จบเห่ไปได้เลย เพราะไม่ว่าแต่สังคมตำรวจจะมองกันอยู่เท่านั้น วงการสื่อหรือแม้แต่ชาวบ้านที่เขาสนใจข่าวคราวนี้ ก็ยังรอดูว่าผลจะออกมาในรูปแบบใด

พฤติการณ์อย่างนี้เห็นมีแต่สมัย พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีต ผบช.น. กับ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงห์แก้ว อดีตผบ.ตร เท่านั้น

ไม่นึกว่าจะมีบุญตาได้เห็นในยุคปฏิรูป งัดกันไปงัดกันมา แถลงข่าววันละรอบสองรอบ

ถ้ามันยากที่จะพิสูจน์กรณีบ่อนเตาปูน ก็ขอให้ลองไปสืบสวนเบื้องหน้าเบื้องหลังทหารจับบ่อนในพื้นที่ สน.บางเขน ก็ได้ พื้นที่ บก.น.2 เหมือนกันของกลางครบครัน ผู้ต้องหาอีก 24 คน ถือว่าไม่น้อยภายใต้สถานการณ์กฎอัยการศึก ที่บ่อนพนันเป็นของต้องห้ามอย่างเด็ดขาด

ข้อสังเกตประการที่ 1 บ่อนการพนันจะไม่สามารถเปิดได้เลยหากไม่มีตำรวจที่มีหน้าที่รับผิดชอบเปิดไฟเขียวให้ เหตุผลเป็นที่ทราบโดยทั่วกันว่า เพราะผีพนัน เซียนพนันเขาก็กลัวถูกทหาร-ตำรวจจับ มันต้องมีการตกปากรับคำกัน และที่ได้ยินได้ฟังมากที่สุดก็คือ การอ้างว่าสามารถเคลียร์กับทหารได้เรียบร้อยแล้ว ผู้ประกอบการที่หน้ามืด ไม่เท่าทันก็โจนเข้าไป จ่ายเงินตำรวจบางคนที่มีหน้าเสื่อไปติดต่อ เปิดเล่นได้วันสองวันก็ถูกจับ

ข้อสังเกตประการที่ 2 การสนธิกำลังทหาร-ตำรวจ มันมีขั้นตอนกันอย่างไร ปกติทำกันอย่างไร ถ้าเป็นกรณีตำรวจมาขอกำลังทหารไปร่วมให้สันนิษฐานในเชิงบวกไว้ก่อน ว่าเป็นการตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ แต่ถ้าทหารเป็นฝ่ายไปขอให้ตำรวจมาร่วม อันนี้ต้องสันนิษฐานตรงกันข้าม คือเริ่มมีข้อสงสัยในการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจแล้ว

ส่วนที่แย่ที่สุดก็คือ การที่ตำรวจมาขอร่วมภายหลังแล้วทำมึนจดบันทึกร่วมจับกุมด้วย 

มีข้อมูลซึ่งมิได้ลับอะไรสำหรับเหตุผลที่มีตำรวจบางคน บางนาย ใจกล้าไม่กลัวกฎเหล็กของ คสช. เริ่องไม่ให้มีบ่อนพนันก็เพราะการเข้ามาสู่ตำแหน่งในนครบาล มันลงทุนสูง บางคนใช้ทุนส่วนตัวหรือของครอบครัว บางคนไปกู้หนี้ยืมสินมา เมื่อถึงกำหนดก็ต้องทยอยจ่ายคืนเขาอะไรมันจะดีไปกว่าเปิดบ่อน เก็บส่วยอบายมุขต่างๆ ที่ผิดกฏหมายเพื่อถอนทุนให้เร็วที่สุด เพราะอนาคตก็เห็นอยู่แล้วว่าไม่น่าจะอยู่ได้เกิน 1 ปี

เมื่อมั่นใจในตัวเจ้านายมาก หรืออ่านสัญญาณผิด กระทั่งความไม่เป็นมวยเซ่อๆ ซ่าๆ ผลก็คือขายขี้หน้าไปทั้งกองบัญชาการ.....ท่าน ผบ.ตร. ก็สมควรว่ากันอย่างตรงไปตรงมา ไหนๆ ก็ประกาศไปแล้วว่า ยุคท่านต้องไม่มีส่วยไม่มีบ่อน แถมยังโดนลูกน้องมันรายงานเท็จ...ย้ายนายพลอีกไม่กี่วันข้างหน้าก็จัดการซะ อย่าปล่อยเอาไว้ให้เป็นเยี่ยงอย่าง

ก็อย่างที่ว่าไว้ในตอนต้น อากาศต้นเดือนมี.ค.ว่ามันร้อนระอุแล้ว บรรยากาศของยุทธจักรสีกากียิ่งร้อนกว่า ไม่ว่ากรณี พล.ต.อ.วิเชียร พจน์ โพธิ์ศรี อดีตผบ.ตร. พล.ต.อ.สถาพร หลาวทอง อดีตจเรตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม อดีตจเรตำรวจ (สบ.8) พร้อมกันลงชื่อ ร้องไปยัง พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้เร่งรัดจัดการกับ พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบก. 191 รักษาการแทนผู้บังคบการประจำสำนักงาน ผบ.ตร.กรณีเรียกรับส่วยร้านคาราโอเกะ เมื่อปี 2547 แต่ล่วงเลยมาเป็นเวลานานยังไม่ปรากฏผลการลงโทษทางวินัย และอื่นๆ กลับได้รับการสนับสนุนให้มีตำแหน่งที่สูงขึ้น 

ใครๆก็รู้ว่า “สุรเชษฐ์ หักพาล”หรือ โจ๊ก หวานเจี๊ยบ คือลูกรักของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และโจ๊ก นี่แหละคือมือจัดโผแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจทั่วประเทศตัวจริง

อีกเรื่องสดๆ ร้อนๆ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส อดีต ผบ.ตร. คู่แค้น พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. ทำหนังสือถึง ผบ.ตร.เรื่อง ขอให้ดำเนินการทางวินัยกับ พล.ต.ท.ศรีวราห์ กับเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ กรณีปล่อยให้ผู้ค้ายึดทางเท้าย่านเยาวราช โดยจากการลงตรวจสอบยังพบว่ามีเจ้าหน้าที่บางคนเรียกรับผลประโยชน์

ท้ายหนังสือร้องเรียน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ระบุว่า เพื่อให้สมกับคำพูดของผบ.ตร. คนปัจจุบันที่ว่า “ใหญ่แค่ไหนก็ต้องจับ” แม้ทราบกันดีว่า พล.ต.ท.ศรีวราห์ เป็นคนสนิทของ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. ซึ่งเป็นน้องชาย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่ได้รับมอบหมายจากนายกฯ ให้เป็นประธาน ก.ตร. ก็เชื่อว่า พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง คงไม่ละเว้นที่จะสอบสวนดำเนินการในเรื่องนี้ด้วยซึ่งหากไม่ทำอะไร “ข้าฯก็จะได้พิจารณาดำเนินการทางอาญาต่อท่าน และผู้มีหน้าที่รับผิดชอบต่อไปด้วย โดยจะไม่มีการบอกเตือนมาให้ทราบอีก”

....ทั้งกรณี 3 อดีตบิ๊กตำรวจ และ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส วิเคราะห์ได้ว่ามาถูกที่ ถูกจังหวะ เป็นการเคลื่อนไหวที่ทำให้สังคมตำรวจเริ่มตื่นรู้ว่ายังมีเลือดสีกากีที่เข้มข้นอีกจำนวนมาก เฝ้าจับตาดูความเป็นไปของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในยุคที่ขึ้นชื่อว่าเป็นตำรวจลายพราง หรือเป็นตำรวจที่ต้องเดินตามทหาร แม้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเล็กๆ แต่ปรากฏการณ์ครั้งนี้ย่อมสร้างความหวั่นไหวให้ใครได้ไม่มากก็น้อย 

โดยเฉพาะสภาพความเป็นจริงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ตกต่ำ อ่อนแอ แตกแยกภายใต้เงา “วงษ์สุวรรณ”


กำลังโหลดความคิดเห็น