เอเจนซีส์/บลูมเบิร์ก - สำนักข่าวบลูมเบิร์กได้ทำการจัดอันดับ 15 ชาติที่มีความสุขในเชิงเศรษฐกิจมากที่สุด โดยอ้างอิงจาก "ดัชนีความทุกข์ยาก" ที่ทางบลูมเบิร์กทำเอง ซึ่งคำนวณจากอัตราการว่างงานและอัตราเงินเฟ้อ ผลที่ได้ปรากฏว่าประเทศที่ทุกข์ยากต่ำที่สุด หรือเท่ากับมีความสุขในเชิงเศรษฐกิจมากที่สุดคือ "ประเทศไทย" ด้านนักวิชาการมึน เกิดขึ้นได้ยังไง
บลูมเบิร์ก ระบุว่า ดัชนีความทุกข์ยากของตนนั้น คำนวณจากอัตราเงินเฟ้อและอัตราการว่างงาน ซึ่งเป็น 2 ปัจจัยที่ทำให้ผู้คนไม่มีความสุขในเชิงเศรษฐกิจ ชาติที่มีคะแนนต่ำในดัชนีนี้จึงถือว่ามีความสุขในเชิงเศรษฐกิจ
ไทยกลายเป็นประเทศที่มีความสุขในเชิงเศรษฐกิจอันดับ 1 เนื่องจากมีอัตราการว่างงานที่ต่ำมาก ด้วยตัวเลข 0.56 เปอร์เซ็นต์ เมื่อช่วงสิ้นปี 2557 การมีตัวเลขที่ต่ำขนาดนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับไทย เพราะที่ผ่านมา ตัวเลขอัตราการว่างงานของไทยก็ต่ำมาโดยตลอด อัตราการว่างงานสูงที่สุดของไทยคือ 5.73 เปอร์เซ็นต์ เกิดขึ้นเมื่อเดือนม.ค.2544
นายจิรเทพ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา โฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย เคยให้สัมภาษณ์กับบลูมเบิร์กไว้ว่า การที่อัตราการว่างงานของไทยต่ำนั้น ไม่ได้เป็นเพราะไทยนิยามถึงคำว่า "ว่างงาน" ต่างจากชาติอื่น แต่เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับโครงสร้าง โดยภาคเกษตรจะคอยดูดซับเหล่าแรงงาน ส่วนกลุ่มคนที่หางานไม่ได้ก็มักจะได้งานจากธุรกิจนอกระบบหรือไม่ก็ทำธุรกิจของตนเอง
มากกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ของชาวไทยอยู่ในภาคการเกษตร คนเหล่านี้มีจำนวนไม่น้อยที่เป็นผู้มีการศึกษาสูง แต่ไม่สามารถหางานทำได้หรือตกงาน ยกตัวอย่างเช่น เมื่อมีผู้สูญเสียงานประจำ ทันทีที่เขากลับบ้านไปช่วยพ่อแม่ทำสวนทำนา ก็จะถูกพิจารณาว่าเป็นผู้มีงานทำในทันที
การที่ไทยไม่ค่อยมีหลักประกันให้กับผู้ว่างงานมากนัก ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้คนไทยอยู่ว่างงานนานมากไม่ได้ ต้องดิ้นรนเพื่อเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง ผู้ที่สูญเสียงานประจำจึงต้องหันไปทำงานนอกระบบ อาทิ พ่อค้าแผงลอย วินมอเตอร์ไซต์รับจ้าง หรือไม่ก็หางานพาร์ตไทม์ทำ ซึ่งการทำเช่นนั้นถูกนับว่าเป็นผู้มีงานทำไปโดยปริยายเช่นกัน
สำหรับ 15 ประเทศที่มีความสุขในเชิงเศรษฐกิจมากที่สุดของบลูมเบิร์กมีดังนี้ 1.ไทย 2.สวิสเซอร์แลนด์ 3.ญี่ปุ่น 4.เกาหลีใต้ 5.ไต้หวัน 6.เดนมาร์ก 7.จีน 8.สหรัฐอเมริกา 9.นอร์เวย์ 10.สหราชอาณาจักร 11.ออสเตรีย 12.นิวซีแลนด์ 13.ไอซ์แลนด์ 14.มาเลเซีย 15.เยอรมนี
นายสมเกียรติ โอสถสภา อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก Somkiat Osotsapa แสดงความแปลกใจกรณีสำนักข่าวบลูมเบิร์กระบุว่า สวิตเซอร์แลนด์และประเทศไทยติดอันดับประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลก
"ไทยเป็นประเทศที่ว่างงานน้อยที่สุด และเงินเฟ้อต่ำสุดในโลก ประเทศอื่นลดค่าเงินกัน ของแพง ว่างงานมาก คนจนมีมาก เวเนซูเอล่ามีดัชนีความเดือดร้อนสูงสุด โลกกำลังเดือดร้อน เรารู้สึกลำบาก สับสนบ้าง แต่คนต่างชาติมองมา เขาบอกว่าเราดีมากๆ มันยังงัยกันเนี่ย มันเป็นเรื่อง relativity ของไอน์สไตน์น่ะ คุณคิดว่าไง ครับ".
บลูมเบิร์ก ระบุว่า ดัชนีความทุกข์ยากของตนนั้น คำนวณจากอัตราเงินเฟ้อและอัตราการว่างงาน ซึ่งเป็น 2 ปัจจัยที่ทำให้ผู้คนไม่มีความสุขในเชิงเศรษฐกิจ ชาติที่มีคะแนนต่ำในดัชนีนี้จึงถือว่ามีความสุขในเชิงเศรษฐกิจ
ไทยกลายเป็นประเทศที่มีความสุขในเชิงเศรษฐกิจอันดับ 1 เนื่องจากมีอัตราการว่างงานที่ต่ำมาก ด้วยตัวเลข 0.56 เปอร์เซ็นต์ เมื่อช่วงสิ้นปี 2557 การมีตัวเลขที่ต่ำขนาดนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับไทย เพราะที่ผ่านมา ตัวเลขอัตราการว่างงานของไทยก็ต่ำมาโดยตลอด อัตราการว่างงานสูงที่สุดของไทยคือ 5.73 เปอร์เซ็นต์ เกิดขึ้นเมื่อเดือนม.ค.2544
นายจิรเทพ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา โฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย เคยให้สัมภาษณ์กับบลูมเบิร์กไว้ว่า การที่อัตราการว่างงานของไทยต่ำนั้น ไม่ได้เป็นเพราะไทยนิยามถึงคำว่า "ว่างงาน" ต่างจากชาติอื่น แต่เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับโครงสร้าง โดยภาคเกษตรจะคอยดูดซับเหล่าแรงงาน ส่วนกลุ่มคนที่หางานไม่ได้ก็มักจะได้งานจากธุรกิจนอกระบบหรือไม่ก็ทำธุรกิจของตนเอง
มากกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ของชาวไทยอยู่ในภาคการเกษตร คนเหล่านี้มีจำนวนไม่น้อยที่เป็นผู้มีการศึกษาสูง แต่ไม่สามารถหางานทำได้หรือตกงาน ยกตัวอย่างเช่น เมื่อมีผู้สูญเสียงานประจำ ทันทีที่เขากลับบ้านไปช่วยพ่อแม่ทำสวนทำนา ก็จะถูกพิจารณาว่าเป็นผู้มีงานทำในทันที
การที่ไทยไม่ค่อยมีหลักประกันให้กับผู้ว่างงานมากนัก ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้คนไทยอยู่ว่างงานนานมากไม่ได้ ต้องดิ้นรนเพื่อเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง ผู้ที่สูญเสียงานประจำจึงต้องหันไปทำงานนอกระบบ อาทิ พ่อค้าแผงลอย วินมอเตอร์ไซต์รับจ้าง หรือไม่ก็หางานพาร์ตไทม์ทำ ซึ่งการทำเช่นนั้นถูกนับว่าเป็นผู้มีงานทำไปโดยปริยายเช่นกัน
สำหรับ 15 ประเทศที่มีความสุขในเชิงเศรษฐกิจมากที่สุดของบลูมเบิร์กมีดังนี้ 1.ไทย 2.สวิสเซอร์แลนด์ 3.ญี่ปุ่น 4.เกาหลีใต้ 5.ไต้หวัน 6.เดนมาร์ก 7.จีน 8.สหรัฐอเมริกา 9.นอร์เวย์ 10.สหราชอาณาจักร 11.ออสเตรีย 12.นิวซีแลนด์ 13.ไอซ์แลนด์ 14.มาเลเซีย 15.เยอรมนี
นายสมเกียรติ โอสถสภา อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก Somkiat Osotsapa แสดงความแปลกใจกรณีสำนักข่าวบลูมเบิร์กระบุว่า สวิตเซอร์แลนด์และประเทศไทยติดอันดับประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลก
"ไทยเป็นประเทศที่ว่างงานน้อยที่สุด และเงินเฟ้อต่ำสุดในโลก ประเทศอื่นลดค่าเงินกัน ของแพง ว่างงานมาก คนจนมีมาก เวเนซูเอล่ามีดัชนีความเดือดร้อนสูงสุด โลกกำลังเดือดร้อน เรารู้สึกลำบาก สับสนบ้าง แต่คนต่างชาติมองมา เขาบอกว่าเราดีมากๆ มันยังงัยกันเนี่ย มันเป็นเรื่อง relativity ของไอน์สไตน์น่ะ คุณคิดว่าไง ครับ".