วานนี้ (3มี.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ยังไม่ได้ปรับอะไรเลย ยังไม่ได้สั่ง ในที่ประชุมครม.ตนก็ได้ให้กำลังใจ และขอบคุณทุกคนที่ร่วมเป็นร่วมตายมาด้วยกัน และสิ่งที่ทราบคือ ทุกคนเต็มที่ในการขับเคลื่อน ซึ่งต้องดูว่าองคาพยพในกระทรวง ทบวง กรม เป็นอย่างไร ที่ผ่านมาอยู่ภายใต้อะไร วันนี้ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเขา ให้มีกำลังใจในการทำงาน และมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ซึ่งก็ใช้เวลามา 8 เดือน ขณะที่ผ่านมาไม่รู้กี่ปี ที่อยู่ภายใต้การบริหารอะไรไม่รู้ แต่วันนี้ไม่ได้แล้ว ต้องริเริ่มทำงานเชิงรุก มันก็เหนื่อย และไม่ได้อะไร ซึ่งตนเองก็ไม่ได้อะไร ที่ผ่านมาบางส่วนอาจมีผลประโยชน์อะไรต่างๆ ฉะนั้นคนเหล่านี้อาจมองว่า ที่เรามาเป็นส่วนเกิน แต่วันนี้ตนคิดว่า ไม่มีแล้ว คนเหล่านั้นต้องถอยออกไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีกระทรวงไหนที่ต้องเสริมทัพหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ทุกคนต้องช่วยกันทุกฝ่าย ถ้าดูโพลสำรวจ ฝ่ายความมั่นคง ก็โอเค ใช้อำนาจ ใช้กฎหมายจัดระเบียบก็ดูดี เหตุการณ์ต่างๆ ลดลง เขาก็ได้คะแนนดี ส่วนฝ่ายเศรษฐกิจแย่ เพราะเศรษฐกิจโลกแย่ลง ทำให้ในประเทศแย่ลง แต่อยากจะขอร้อง ถ้าเราพูดว่าแย่ๆ ทุกวัน จะยิ่งทำให้แย่ตามปากตัวเอง ประชาชนจะตื่นตระหนก ไม่กล้าใช้เงิน ทั้งๆ ที่คนไทยมีเงิน ใครว่าคนไทยไม่มีเงิน พวกเราที่นั่งอยู่ตรงนี้ มีเงินน้อยกว่า 500 บาท ในกระเป๋าหรือไม่ ต้องมีเงินทุกคน แต่จะกล้าใช้หรือไม่ ถ้าเราบอกว่าวันนี้เศรษฐกิจจะเป็นอย่างนี้ มันก็ไม่กล้าใช้ พอไม่กล้าใช้เงิน สินค้าก็แพงขึ้นตามกัน เป็นการสร้างกระแสความตื่นตระหนก ซึ่งมันไม่ได้ ฉะนั้นทำอย่างไรให้คนใช้จ่ายอย่างพอเพียง มีมากใช้มาก มีน้อยใช้น้อย รัฐก็ต้องส่งเสริมการลงทุน โดยสร้างความเข้มแข็งภาคการผลิต ภาคธุรกิจ ซึ่งตนจะให้มีการรายงานมาว่า เศรษฐกิจอ่อนแอเพราะอะไร การส่งออกแย่เพราะอะไร เพราะเราไม่ได้เตรียมการเหล่านี้ไว้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า บังเอิญเราเข้ามาในช่วงที่น้ำมันลง เศรษฐกิจโลกชะลอตัว แต่ก็ดี ทำให้เราได้ปรับวิธีการทำงานใหม่ และวันนี้ได้สั่งให้กระทรวงมหาดไทย อุตสาหกรรม ดูเรื่องการส่งเสริมสินค้าเพื่อสร้างความเข้มแข็ง โดยการสร้างนวัตกรรมสินค้าใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นอาหาร รถรุ่นใหม่ หากเรายังผลิตแบบเดิม แต่ราคาสูงขึ้น ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ เพราะต้องแข่งขันกับทุกประเทศ หรือจะปฏิวัติรูปแบบ เรียกว่า นวัตกรรมแบบเชิงปฏิวัติ เปลี่ยนรูปแบบใหม่ เช่น เคยสร้างรถ เปลี่ยนไปผลิตรถยนต์ที่ใช้พลังงานขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า ซึ่งรัฐบาลก็ต้องไปช่วยเตรียมเครื่องจักร เทคโนโลยี เวลานี้
กำลังจับเรื่องนี้ให้ออกมาเป็นเรื่องเป็นราว สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ต้องไปดูผลการวิจัยต่างๆ รวบรวมขึ้นบัญชี และนำมา คิดจะทำอย่างไร ไม่ใช่แบบเดิม วิจัยแล้วจัดเก็บไว้ในเก๊ะ มันต้องเชื่อมโยงทั้งหมด เพราะวันนี้เศรษฐกิจของเราถูกบีบจากเศรษฐกิจรอบบ้าน เพราะค่าแรงเพื่อนบ้าน ลาว กัมพูชา พม่า ถูกกว่าเราประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ หากเป็นอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ค่าแรงจะถูกกว่าเราถึง 50 เปอร์เซ็นต์ ถามว่าเราจะแข่งกับเขาอย่างไร ก็ต้องปรับเปลี่ยนนวัตกรรมสินค้า ใช้ของดีกว่า และทนกว่า รูปแบบที่เป็นประโยชน์ ที่ผ่านมาทำหรือไม่เรื่องเหล่านี้ ตอนนี้กำลังจี้อยู่ทุกวัน ต้องส่งเสริมธุรกิจที่มีอยู่เดิม วันนี้จะคิดแค่ครัวโลกไม่ได้ ต้องเป็นเรื่องของอาหารทั่วโลก ประเทศไทยมีหลายอย่าง ทั้งอาหาร ท่องเที่ยวและบริการ สมุนไพร เครื่องสำอาง ตั้งคณะกรรมการมาต้องขับเคลื่อนให้ได้ นำไปสู่การส่งเสริมธุรกิจเดิมที่มีอยู่ให้ได้ ถ้ารอแบบนี้คนที่อยากทำก็ไม่กล้ามากู้ หากใครสนใจก็ต้องเรียกมาคุย บริษัทไหนจะร่วมมือ หรือจะลดภาษีอะไร อย่างไร ก็ต้องทำ ไม่เช่นนั้นไม่เกิด และวันนี้ที่ห่วงอีกคือเรื่องน้ำใช้น้ำกิน
เมื่อถามว่า จะปิดตายคำว่า“ปรับครม.”จะไม่มีอีกแล้ว ใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า "อย่ามาถามผมอย่างนั้น ถ้าจำเป็นต้องทำ ก็ต้องทำ"
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึง เหตุผลการเลื่อนประชุม ครม. นอกสถานที่ ครั้งที่ 1 ที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ จากวันที่ 13 มี.ค. ไปเป็นปลายเดือนมี.ค. ว่า พอดีติดการประชุมสหประชาชาติระดับโลก ว่าด้วยการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ ครั้งที่ 3 ระหว่างวันที่ 13-14 มี.ค. ที่เมืองคันไซ ประเทศญี่ปุ่น จึงเลื่อนการประชุมครม.นอกสถานที่ออกไปก่อน
ส่วนเหตุผลที่ต้องจัดประชุมครม.นอกสถานที่ เพราะต้องการให้ครม.เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง และอยากให้ได้พักผ่อนกันบ้าง ซึ่งสวนสนประดิพัทธ์ เป็นสถานที่ของกองทัพบก ที่มีโรงแรมอยู่แล้ว ค่าใช้จ่ายจะได้ถูกลง ก็ไปเจอกัน ไปสนทนากัน ไม่ใช่ใช้แต่งานอย่างเดียว ต้องเห็นใจเขาบ้าง ไปเจอกันก็คุยกันที่ไม่ใช่เรื่องานบ้าง
เมื่อถามว่า เลื่อนประชุมครม.นอกสถานที่ เป็นวันที่ 27 มี.ค.ใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ปลายเดือน เรื่องความปลอดภัย จะให้บอกเวลานั้น เวลานี้ไม่ได้ เมื่อถามว่า นายกฯไปไหนไม่ปลอดภัย แล้วประชาชนจะปลอดภัยได้อย่างไร นายกฯ กล่าวหยอกกลับว่า ถามนี่ล่ะ ไม่ปลอดภัย อยู่ใกล้ๆฉันระวังแล้วกัน
ด้านพล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พานิชย์ กล่าวถึงกระแสข่าว ที่ตนเองมีรายชื่ออยู่ในข่ายที่จะถูกปรับออกจากครม. ว่า ในที่ประชุมครม. นายกฯ ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้ และตนก็ทราบข่าวจากในหนังสือพิมพ์เท่านั้น ยืนยันว่าจะยังตั้งใจทำงาน มีหน้าที่อะไรก็ทำ ซึ่งตนรู้ดีว่าในภาวะที่เข้ามานั้น มาเพื่อทำงานอะไร
ขณะที่นายอำนวย ปะติเส รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงเรื่องปรับครม.ในส่วนของกระทรวงเกษตรฯ ว่า ไม่มี ไม่ทราบ เมื่อถามว่าปัญหาในกระทรวงเกษตรฯ โดยเฉพาะเรื่องยาง จะเป็นจุดที่ทำให้เกิดการปรับครม.หรือไม่ นายอำนวย กล่าวว่า ความจริงเรื่องยาง ก็รู้ ๆ กันอยู่ว่า ปัญหามันเป็นอย่างไร แต่จะมีการปรับครม.หรือไม่ อำนาจอยู่ที่นายกฯ รัฐมนตรีทุกคนก็ต้องพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงอยู่แล้ว สำหรับตน ก็มั่นใจในงานที่ทำอยู่
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีกระทรวงไหนที่ต้องเสริมทัพหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ทุกคนต้องช่วยกันทุกฝ่าย ถ้าดูโพลสำรวจ ฝ่ายความมั่นคง ก็โอเค ใช้อำนาจ ใช้กฎหมายจัดระเบียบก็ดูดี เหตุการณ์ต่างๆ ลดลง เขาก็ได้คะแนนดี ส่วนฝ่ายเศรษฐกิจแย่ เพราะเศรษฐกิจโลกแย่ลง ทำให้ในประเทศแย่ลง แต่อยากจะขอร้อง ถ้าเราพูดว่าแย่ๆ ทุกวัน จะยิ่งทำให้แย่ตามปากตัวเอง ประชาชนจะตื่นตระหนก ไม่กล้าใช้เงิน ทั้งๆ ที่คนไทยมีเงิน ใครว่าคนไทยไม่มีเงิน พวกเราที่นั่งอยู่ตรงนี้ มีเงินน้อยกว่า 500 บาท ในกระเป๋าหรือไม่ ต้องมีเงินทุกคน แต่จะกล้าใช้หรือไม่ ถ้าเราบอกว่าวันนี้เศรษฐกิจจะเป็นอย่างนี้ มันก็ไม่กล้าใช้ พอไม่กล้าใช้เงิน สินค้าก็แพงขึ้นตามกัน เป็นการสร้างกระแสความตื่นตระหนก ซึ่งมันไม่ได้ ฉะนั้นทำอย่างไรให้คนใช้จ่ายอย่างพอเพียง มีมากใช้มาก มีน้อยใช้น้อย รัฐก็ต้องส่งเสริมการลงทุน โดยสร้างความเข้มแข็งภาคการผลิต ภาคธุรกิจ ซึ่งตนจะให้มีการรายงานมาว่า เศรษฐกิจอ่อนแอเพราะอะไร การส่งออกแย่เพราะอะไร เพราะเราไม่ได้เตรียมการเหล่านี้ไว้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า บังเอิญเราเข้ามาในช่วงที่น้ำมันลง เศรษฐกิจโลกชะลอตัว แต่ก็ดี ทำให้เราได้ปรับวิธีการทำงานใหม่ และวันนี้ได้สั่งให้กระทรวงมหาดไทย อุตสาหกรรม ดูเรื่องการส่งเสริมสินค้าเพื่อสร้างความเข้มแข็ง โดยการสร้างนวัตกรรมสินค้าใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นอาหาร รถรุ่นใหม่ หากเรายังผลิตแบบเดิม แต่ราคาสูงขึ้น ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ เพราะต้องแข่งขันกับทุกประเทศ หรือจะปฏิวัติรูปแบบ เรียกว่า นวัตกรรมแบบเชิงปฏิวัติ เปลี่ยนรูปแบบใหม่ เช่น เคยสร้างรถ เปลี่ยนไปผลิตรถยนต์ที่ใช้พลังงานขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า ซึ่งรัฐบาลก็ต้องไปช่วยเตรียมเครื่องจักร เทคโนโลยี เวลานี้
กำลังจับเรื่องนี้ให้ออกมาเป็นเรื่องเป็นราว สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ต้องไปดูผลการวิจัยต่างๆ รวบรวมขึ้นบัญชี และนำมา คิดจะทำอย่างไร ไม่ใช่แบบเดิม วิจัยแล้วจัดเก็บไว้ในเก๊ะ มันต้องเชื่อมโยงทั้งหมด เพราะวันนี้เศรษฐกิจของเราถูกบีบจากเศรษฐกิจรอบบ้าน เพราะค่าแรงเพื่อนบ้าน ลาว กัมพูชา พม่า ถูกกว่าเราประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ หากเป็นอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ค่าแรงจะถูกกว่าเราถึง 50 เปอร์เซ็นต์ ถามว่าเราจะแข่งกับเขาอย่างไร ก็ต้องปรับเปลี่ยนนวัตกรรมสินค้า ใช้ของดีกว่า และทนกว่า รูปแบบที่เป็นประโยชน์ ที่ผ่านมาทำหรือไม่เรื่องเหล่านี้ ตอนนี้กำลังจี้อยู่ทุกวัน ต้องส่งเสริมธุรกิจที่มีอยู่เดิม วันนี้จะคิดแค่ครัวโลกไม่ได้ ต้องเป็นเรื่องของอาหารทั่วโลก ประเทศไทยมีหลายอย่าง ทั้งอาหาร ท่องเที่ยวและบริการ สมุนไพร เครื่องสำอาง ตั้งคณะกรรมการมาต้องขับเคลื่อนให้ได้ นำไปสู่การส่งเสริมธุรกิจเดิมที่มีอยู่ให้ได้ ถ้ารอแบบนี้คนที่อยากทำก็ไม่กล้ามากู้ หากใครสนใจก็ต้องเรียกมาคุย บริษัทไหนจะร่วมมือ หรือจะลดภาษีอะไร อย่างไร ก็ต้องทำ ไม่เช่นนั้นไม่เกิด และวันนี้ที่ห่วงอีกคือเรื่องน้ำใช้น้ำกิน
เมื่อถามว่า จะปิดตายคำว่า“ปรับครม.”จะไม่มีอีกแล้ว ใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า "อย่ามาถามผมอย่างนั้น ถ้าจำเป็นต้องทำ ก็ต้องทำ"
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึง เหตุผลการเลื่อนประชุม ครม. นอกสถานที่ ครั้งที่ 1 ที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ จากวันที่ 13 มี.ค. ไปเป็นปลายเดือนมี.ค. ว่า พอดีติดการประชุมสหประชาชาติระดับโลก ว่าด้วยการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ ครั้งที่ 3 ระหว่างวันที่ 13-14 มี.ค. ที่เมืองคันไซ ประเทศญี่ปุ่น จึงเลื่อนการประชุมครม.นอกสถานที่ออกไปก่อน
ส่วนเหตุผลที่ต้องจัดประชุมครม.นอกสถานที่ เพราะต้องการให้ครม.เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง และอยากให้ได้พักผ่อนกันบ้าง ซึ่งสวนสนประดิพัทธ์ เป็นสถานที่ของกองทัพบก ที่มีโรงแรมอยู่แล้ว ค่าใช้จ่ายจะได้ถูกลง ก็ไปเจอกัน ไปสนทนากัน ไม่ใช่ใช้แต่งานอย่างเดียว ต้องเห็นใจเขาบ้าง ไปเจอกันก็คุยกันที่ไม่ใช่เรื่องานบ้าง
เมื่อถามว่า เลื่อนประชุมครม.นอกสถานที่ เป็นวันที่ 27 มี.ค.ใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ปลายเดือน เรื่องความปลอดภัย จะให้บอกเวลานั้น เวลานี้ไม่ได้ เมื่อถามว่า นายกฯไปไหนไม่ปลอดภัย แล้วประชาชนจะปลอดภัยได้อย่างไร นายกฯ กล่าวหยอกกลับว่า ถามนี่ล่ะ ไม่ปลอดภัย อยู่ใกล้ๆฉันระวังแล้วกัน
ด้านพล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พานิชย์ กล่าวถึงกระแสข่าว ที่ตนเองมีรายชื่ออยู่ในข่ายที่จะถูกปรับออกจากครม. ว่า ในที่ประชุมครม. นายกฯ ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้ และตนก็ทราบข่าวจากในหนังสือพิมพ์เท่านั้น ยืนยันว่าจะยังตั้งใจทำงาน มีหน้าที่อะไรก็ทำ ซึ่งตนรู้ดีว่าในภาวะที่เข้ามานั้น มาเพื่อทำงานอะไร
ขณะที่นายอำนวย ปะติเส รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงเรื่องปรับครม.ในส่วนของกระทรวงเกษตรฯ ว่า ไม่มี ไม่ทราบ เมื่อถามว่าปัญหาในกระทรวงเกษตรฯ โดยเฉพาะเรื่องยาง จะเป็นจุดที่ทำให้เกิดการปรับครม.หรือไม่ นายอำนวย กล่าวว่า ความจริงเรื่องยาง ก็รู้ ๆ กันอยู่ว่า ปัญหามันเป็นอย่างไร แต่จะมีการปรับครม.หรือไม่ อำนาจอยู่ที่นายกฯ รัฐมนตรีทุกคนก็ต้องพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงอยู่แล้ว สำหรับตน ก็มั่นใจในงานที่ทำอยู่