ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - หลังต่อสู้มากว่าสิบปี ในที่สุดศาลปกครองสูงสุดพิพากษาให้ กฟผ. จ่ายเงินชดเชยชาวบ้านแม่เมาะที่ได้รับผลกระจากโรงไฟฟ้า จำนวน131 ราย เบ็ดเสร็จ 40 กว่าล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย หลังยื่นฟ้องและต่อสู้คดีนานนับสิบปี เครือข่ายผู้ป่วยฯ รับพอใจ แม้ไม่คุ้ม แต่พิสูจน์ชัดโรงไฟฟ้ากระทบชุมชนและสิ่งแวดล้อมจริง
วานนี้ (25 ก.พ.) ที่ศาลปกครองเชียงใหม่ มีการอ่านคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด คดีโรงไฟฟ้าแม่เมาะ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จังหวัดลำปาง กรณีละเมิดจากการปล่อยมลพิษจากฝุ่นละอองและก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ซึ่งชาวบ้านแม่เมาะที่ได้รับผลกระทบรวม 131 ราย ร่วมกันฟ้องตั้งแต่ปี 2546 และศาลชั้นต้นตัดสินให้ กฟผ.จ่ายคนละ 240,000 บาท ตั้งแต่ปี 2552 แต่ทาง กฟผ.ยื่นอุทธรณ์
ทั้งนี้ มีชาวบ้านอำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง ประมาณ 200 คน ที่เป็นสมาชิกเครือข่ายสิทธิผู้ป่วยแม่เมาะ เดินทางมาร่วมรับฟังคำพิพากษา พร้อมทั้งนำรูปถ่ายของผู้ฟ้องคดีที่เสียชีวิตไปแล้วระหว่างต่อสู้คดีมาด้วย
ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาให้ กฟผ. ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน เป็นค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล ค่าขาดประโยชน์จากการประกอบอาชีพ และค่าทดแทนการเสื่อมสมรรถภาพ สุขภาพอนามัย และความสูญเสียทางด้านจิตใจ พร้อมดอกเบี้ยให้แก่ชาวบ้านผู้ฟ้องคดีทั้ง 131 ราย ซึ่งในจำนวนนี้เสียชีวิตไปแล้ว 15 ราย รายละตั้งแต่ประมาณ 10,000 บาท ไปจนถึงกว่า 246,900 บาทภายใน 30 วันรวมเป็นเงินประมาณ 24 ล้านบาท พร้อมเงินชดเชยเพิ่มเติมอีกประมาณ 21 ล้านบาท
นางมะลิวรรณ นาควิโรจน์ ประธานเครือข่ายสิทธิผู้ป่วยแม่เมาะ กล่าวว่า เบื้องต้นพอใจกับคำพิพากษาดังกล่าว แม้ว่าจำนวนเงินที่ชาวบ้านได้รับจะไม่มากและไม่คุ้มค่ากับผลกระทบที่ได้รับ แต่ก็เป็นสิ่งยืนยันให้เห็นว่าโรงไฟฟ้าแม่เมาะ สร้างความเสียหายและก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพชาวบ้านและสิ่งแวดล้อมรอบโรงไฟฟ้าจริง รวมทั้งหวังว่าจะเป็นจุดเริ่มให้ชาวบ้านในพื้นที่ต่างๆ มีความกล้าที่จะลุกขึ้นมาเคลื่อนไหวต่อสู้เพื่อรักษาสิทธิชุมชนของตัวเอง ขณะที่ในส่วนของเครือข่ายฯ จะมีการขับเคลื่อน เพื่อจัดตั้งกองทุนสำหรับช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบต่อไป
นายธีระ พลวงศ์ศรี อายุ 83 ปี ชาวบ้านแม่เมาะผู้ได้รับผลกระทบ ที่เป็นหนึ่งในผู้ฟ้องคดีนี้ กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่ศาลปกครองมีคำพิพากษาออกมาเช่นนี้ ทำให้ตนเองและนางปัน พลวงศ์ศรี อายุ 76 ปี ผู้เป็นภรรยาที่ร่วมฟ้องด้วยและเสียชีวิตไประหว่างการต่อสู้คดีได้รับเงินชดเชยเยียวยาผลกระทบที่เกิดขึ้น ซึ่งเงินที่ได้ก็จะนำไปใช้ในการรักษาพยาบาลตัวเองต่อไปในช่วงชีวิตที่เหลือ หลังจากที่ต้องต่อสู้และรอคอยมานานหลายปี
ด้านนายธีรศักดิ์ ชึขุนทด ทนายความชาวบ้าน และนายกสมาคมนักกฎหมายพิทักษ์สิ่งแวดล้อม ได้ออกแถลงการณ์ ขอให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาจัดตั้งศาลสิ่งแวดล้อมไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่กำลังอยู่ระหว่างการร่างในขณะนี้ด้วย.
วานนี้ (25 ก.พ.) ที่ศาลปกครองเชียงใหม่ มีการอ่านคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด คดีโรงไฟฟ้าแม่เมาะ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จังหวัดลำปาง กรณีละเมิดจากการปล่อยมลพิษจากฝุ่นละอองและก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ซึ่งชาวบ้านแม่เมาะที่ได้รับผลกระทบรวม 131 ราย ร่วมกันฟ้องตั้งแต่ปี 2546 และศาลชั้นต้นตัดสินให้ กฟผ.จ่ายคนละ 240,000 บาท ตั้งแต่ปี 2552 แต่ทาง กฟผ.ยื่นอุทธรณ์
ทั้งนี้ มีชาวบ้านอำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง ประมาณ 200 คน ที่เป็นสมาชิกเครือข่ายสิทธิผู้ป่วยแม่เมาะ เดินทางมาร่วมรับฟังคำพิพากษา พร้อมทั้งนำรูปถ่ายของผู้ฟ้องคดีที่เสียชีวิตไปแล้วระหว่างต่อสู้คดีมาด้วย
ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาให้ กฟผ. ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน เป็นค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล ค่าขาดประโยชน์จากการประกอบอาชีพ และค่าทดแทนการเสื่อมสมรรถภาพ สุขภาพอนามัย และความสูญเสียทางด้านจิตใจ พร้อมดอกเบี้ยให้แก่ชาวบ้านผู้ฟ้องคดีทั้ง 131 ราย ซึ่งในจำนวนนี้เสียชีวิตไปแล้ว 15 ราย รายละตั้งแต่ประมาณ 10,000 บาท ไปจนถึงกว่า 246,900 บาทภายใน 30 วันรวมเป็นเงินประมาณ 24 ล้านบาท พร้อมเงินชดเชยเพิ่มเติมอีกประมาณ 21 ล้านบาท
นางมะลิวรรณ นาควิโรจน์ ประธานเครือข่ายสิทธิผู้ป่วยแม่เมาะ กล่าวว่า เบื้องต้นพอใจกับคำพิพากษาดังกล่าว แม้ว่าจำนวนเงินที่ชาวบ้านได้รับจะไม่มากและไม่คุ้มค่ากับผลกระทบที่ได้รับ แต่ก็เป็นสิ่งยืนยันให้เห็นว่าโรงไฟฟ้าแม่เมาะ สร้างความเสียหายและก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพชาวบ้านและสิ่งแวดล้อมรอบโรงไฟฟ้าจริง รวมทั้งหวังว่าจะเป็นจุดเริ่มให้ชาวบ้านในพื้นที่ต่างๆ มีความกล้าที่จะลุกขึ้นมาเคลื่อนไหวต่อสู้เพื่อรักษาสิทธิชุมชนของตัวเอง ขณะที่ในส่วนของเครือข่ายฯ จะมีการขับเคลื่อน เพื่อจัดตั้งกองทุนสำหรับช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบต่อไป
นายธีระ พลวงศ์ศรี อายุ 83 ปี ชาวบ้านแม่เมาะผู้ได้รับผลกระทบ ที่เป็นหนึ่งในผู้ฟ้องคดีนี้ กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่ศาลปกครองมีคำพิพากษาออกมาเช่นนี้ ทำให้ตนเองและนางปัน พลวงศ์ศรี อายุ 76 ปี ผู้เป็นภรรยาที่ร่วมฟ้องด้วยและเสียชีวิตไประหว่างการต่อสู้คดีได้รับเงินชดเชยเยียวยาผลกระทบที่เกิดขึ้น ซึ่งเงินที่ได้ก็จะนำไปใช้ในการรักษาพยาบาลตัวเองต่อไปในช่วงชีวิตที่เหลือ หลังจากที่ต้องต่อสู้และรอคอยมานานหลายปี
ด้านนายธีรศักดิ์ ชึขุนทด ทนายความชาวบ้าน และนายกสมาคมนักกฎหมายพิทักษ์สิ่งแวดล้อม ได้ออกแถลงการณ์ ขอให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาจัดตั้งศาลสิ่งแวดล้อมไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่กำลังอยู่ระหว่างการร่างในขณะนี้ด้วย.
