พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมร่วมกันของคณะรัฐมนตรี (ครม.) และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ว่า ในที่ประชุม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ได้ปรารภว่าแม้วันนี้ เราจะมีแม่น้ำ 5 สาย แต่ส่วนที่รับผิดชอบหลักยังคงเป็นคสช. ดังนั้นจึงได้อธิบายให้คสช.รับทราบว่า รัฐบาลมีแนวทางอะไร และกำลังมีปัญหา ข้อขัดข้องอะไรบ้าง ที่อยากให้ คสช. เข้ามาประสานช่วยเหลือ
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้เน้นย้ำให้ข้าราชการทุกกระทรวง ทบวง กรม ทำงานเชิงรุก ช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย แม้เราจะมีความขัดแย้งมาก่อน และวันนี้ก็ปรากฏชัดมากขึ้นอีกครั้ง มีกลุ่มเคลื่อนไหวมากมาย ทั้งจากภาคเศรษฐกิจ การเมือง ตลอดจนภาคเกษตรกร รัฐบาลก็จะทำความเข้าใจ แก้ปัญหาเหล่านี้อย่างเต็มที่ โดยยึดหลักนิติรัฐ นิติธรรม แต่ได้กำชับให้ระวังอย่าสร้างปัญหาใหม่ หรือขยายความขัดแย้งออกไป
พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวในที่ประชุมว่า ขณะนี้เรามีคณะกรรมการขับเคลื่อนอยู่ 5 คณะ อยากให้ชุดขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ คสช. ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม เป็นประธาน เป็นหลักในการติดตามงานต่างๆ ซึ่งที่ผ่านมา แผนงานดูดี งบประมาณลงไปก็ดี แต่ติดขัดปัญหาการกระจายงบในขั้นสุดท้าย ดังนั้นจึงอยากให้เข้าไปดู ถ้าระบบราชการ หรือข้าราชการมีปัญหา ต้องรีบแก้ไข ต้องพูดคุยทำความเข้าใจ รวมทั้งในส่วนของประชาชนด้วย หรืออาจจะใช้กลไกของ คสช. เข้าไปแก้ปัญหา อยากให้เหมือนการจ่ายเงินชาวนาในโครงการรับจำนำข้าว ตอนที่ คสช.เข้ามาใหม่ๆ ที่เป็นไปอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ นายกฯ ยังได้สั่งการให้กระทรวงมหาดไทยไปสร้างความเข้าใจกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทั้งนโยบาย และการทำงานของภาครัฐ แผนงาน แผนเงิน เพื่อไม่ให้เกิดการขัด หรือทับซ้อนกัน
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวด้วยว่า ในเรื่องของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) นายกฯ มอบหมายให้ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กำกับดูแลรับผิดชอบ เพราะที่ผ่านมา สังคมมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนกับแนวทางการปฏิรูปของคสช.ไปบ้าง ซึ่งข้อเท็จจริงการปฏิรูปของสปช. มี 2 ส่วน คือ 1. เรื่องใดทำได้เลย สามารถประสานมายังรัฐบาล ดำเนินการทันที 2. เรื่องที่ต้องผ่านการพิจารณาของ สนช. หรือให้มีกฎหมายรองรับเสียก่อน ดังนั้น ที่ออกมาพูดๆ กันนั้น อยากให้เพิ่มรายละเอียดว่า เป็นขั้นตอนไหน เป็นขั้นวางแผน แนวคิด หรือว่าอะไร อย่างไรก็ตาม ท่านไม่ได้ติติง รู้ว่า สปช. มีความตั้งใจจริง เพียงแต่น่าจะปรับสักนิด เพราะคนฟังแล้วอาจสับสนได้
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึง การประชุมครม.และ คสช. ครั้งต่อไป จะเปลี่ยนสถานที่ไปประชุมที่สวนสนประดิพัทธ์ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ในวันศุกร์ที่ 13 มี.ค. เพราะท่านเข้าใจ เห็นใจคณะรัฐมนตรีแต่ละคน ที่ตั้งใจทำหน้าที่แก้ปัญหาประเทศ จึงอยากให้มีการเปลี่ยนสถานที่การประชุมบ้าง ท่านยังเปรยติดตลกว่า การไปครั้งนี้เหมือนไปเข้าแคมป์เดวิด การประชุม คสช.และครม. จะมีขึ้นในช่วงบ่าย วันที่ 13 มี.ค. ส่วนช่วงเย็นมีงานเลี้ยงสังสรรค์เล็กๆ น้อยๆ และวันรุ่งขึ้น อาจจะมีการเล่นกีฬาเล็กๆ น้อยๆ ร่วมกับเหล่าคณะรัฐมนตรี
นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังเปรยในที่ประชุมอีกว่า การประชุมร่วม คสช.- ครม. จากเดิมที่นัดประชุมเพียงหนึ่งครั้งต่อเดือน อาจจะขยายเป็นเดือนละ 2 ครั้ง เพื่อให้ทันต่อสถานการณ์มากขึ้น และต้องประชุมร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ ให้ถี่มากขึ้น แต่ไม่ได้บอกว่า หน่วยงานที่ว่า คืออะไร เข้าใจว่า น่าจะหมายถึงการประชุมของกลุ่มแม่น้ำ 5 สาย
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวด้วยว่า ในที่ประชุมร่วมครั้งนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ได้เสนอต่อ พล.อ.ประยุทธ์ ถึงการจัดระเบียบสิ่งปลูกสร้าง แม่น้ำลำคลองในเขตพื้นที่ กทม. โดยพบ 9 คลอง ที่ต้องปรับปรุงแก้ไข ปัญหาที่พบคือ มีประชาชนอาศัยอยู่แนวริมคลอง และบุกรุกเข้าไปในทางระบายน้ำกว่า 3 พันครอบครัว คิดเป็นประชากรราว 13,000 คน เบื้องต้น จะนำร่องจัดระเบียบที่คลองลาดพร้าวเป็นที่แรก โดยนายกฯ สั่งการให้แก้ปัญหาทั้งระบบ ต้องย้ายประชาชนออกมาให้ได้ แม้จะยากก็ต้องทำ แต่จะต้องดูปัญหาที่จะตามมาด้วยว่า เขาจะไปอยู่ที่ไหน ซึ่งกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จะต้องประสานการเคหะฯ ในการหาที่อยู่ชั่วคราว และถาวรต่อไป ขณะเดียวกัน เมื่อเคลียร์ประชาชนออกได้หมดแล้ว จะต้องไม่มีการบุกรุกเข้ามาอีก เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำเก่า ทั้งนี้ ถ้าสามารถหาที่รองรับประชาชนได้แล้ว ให้ดำเนินการทันที แต่ส่วนไหนที่ไม่มีประชาชนอยู่ ก็ให้ลงมือทำก่อนได้เลย
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้เน้นย้ำให้ข้าราชการทุกกระทรวง ทบวง กรม ทำงานเชิงรุก ช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย แม้เราจะมีความขัดแย้งมาก่อน และวันนี้ก็ปรากฏชัดมากขึ้นอีกครั้ง มีกลุ่มเคลื่อนไหวมากมาย ทั้งจากภาคเศรษฐกิจ การเมือง ตลอดจนภาคเกษตรกร รัฐบาลก็จะทำความเข้าใจ แก้ปัญหาเหล่านี้อย่างเต็มที่ โดยยึดหลักนิติรัฐ นิติธรรม แต่ได้กำชับให้ระวังอย่าสร้างปัญหาใหม่ หรือขยายความขัดแย้งออกไป
พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวในที่ประชุมว่า ขณะนี้เรามีคณะกรรมการขับเคลื่อนอยู่ 5 คณะ อยากให้ชุดขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ คสช. ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม เป็นประธาน เป็นหลักในการติดตามงานต่างๆ ซึ่งที่ผ่านมา แผนงานดูดี งบประมาณลงไปก็ดี แต่ติดขัดปัญหาการกระจายงบในขั้นสุดท้าย ดังนั้นจึงอยากให้เข้าไปดู ถ้าระบบราชการ หรือข้าราชการมีปัญหา ต้องรีบแก้ไข ต้องพูดคุยทำความเข้าใจ รวมทั้งในส่วนของประชาชนด้วย หรืออาจจะใช้กลไกของ คสช. เข้าไปแก้ปัญหา อยากให้เหมือนการจ่ายเงินชาวนาในโครงการรับจำนำข้าว ตอนที่ คสช.เข้ามาใหม่ๆ ที่เป็นไปอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ นายกฯ ยังได้สั่งการให้กระทรวงมหาดไทยไปสร้างความเข้าใจกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทั้งนโยบาย และการทำงานของภาครัฐ แผนงาน แผนเงิน เพื่อไม่ให้เกิดการขัด หรือทับซ้อนกัน
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวด้วยว่า ในเรื่องของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) นายกฯ มอบหมายให้ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กำกับดูแลรับผิดชอบ เพราะที่ผ่านมา สังคมมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนกับแนวทางการปฏิรูปของคสช.ไปบ้าง ซึ่งข้อเท็จจริงการปฏิรูปของสปช. มี 2 ส่วน คือ 1. เรื่องใดทำได้เลย สามารถประสานมายังรัฐบาล ดำเนินการทันที 2. เรื่องที่ต้องผ่านการพิจารณาของ สนช. หรือให้มีกฎหมายรองรับเสียก่อน ดังนั้น ที่ออกมาพูดๆ กันนั้น อยากให้เพิ่มรายละเอียดว่า เป็นขั้นตอนไหน เป็นขั้นวางแผน แนวคิด หรือว่าอะไร อย่างไรก็ตาม ท่านไม่ได้ติติง รู้ว่า สปช. มีความตั้งใจจริง เพียงแต่น่าจะปรับสักนิด เพราะคนฟังแล้วอาจสับสนได้
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึง การประชุมครม.และ คสช. ครั้งต่อไป จะเปลี่ยนสถานที่ไปประชุมที่สวนสนประดิพัทธ์ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ในวันศุกร์ที่ 13 มี.ค. เพราะท่านเข้าใจ เห็นใจคณะรัฐมนตรีแต่ละคน ที่ตั้งใจทำหน้าที่แก้ปัญหาประเทศ จึงอยากให้มีการเปลี่ยนสถานที่การประชุมบ้าง ท่านยังเปรยติดตลกว่า การไปครั้งนี้เหมือนไปเข้าแคมป์เดวิด การประชุม คสช.และครม. จะมีขึ้นในช่วงบ่าย วันที่ 13 มี.ค. ส่วนช่วงเย็นมีงานเลี้ยงสังสรรค์เล็กๆ น้อยๆ และวันรุ่งขึ้น อาจจะมีการเล่นกีฬาเล็กๆ น้อยๆ ร่วมกับเหล่าคณะรัฐมนตรี
นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังเปรยในที่ประชุมอีกว่า การประชุมร่วม คสช.- ครม. จากเดิมที่นัดประชุมเพียงหนึ่งครั้งต่อเดือน อาจจะขยายเป็นเดือนละ 2 ครั้ง เพื่อให้ทันต่อสถานการณ์มากขึ้น และต้องประชุมร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ ให้ถี่มากขึ้น แต่ไม่ได้บอกว่า หน่วยงานที่ว่า คืออะไร เข้าใจว่า น่าจะหมายถึงการประชุมของกลุ่มแม่น้ำ 5 สาย
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวด้วยว่า ในที่ประชุมร่วมครั้งนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ได้เสนอต่อ พล.อ.ประยุทธ์ ถึงการจัดระเบียบสิ่งปลูกสร้าง แม่น้ำลำคลองในเขตพื้นที่ กทม. โดยพบ 9 คลอง ที่ต้องปรับปรุงแก้ไข ปัญหาที่พบคือ มีประชาชนอาศัยอยู่แนวริมคลอง และบุกรุกเข้าไปในทางระบายน้ำกว่า 3 พันครอบครัว คิดเป็นประชากรราว 13,000 คน เบื้องต้น จะนำร่องจัดระเบียบที่คลองลาดพร้าวเป็นที่แรก โดยนายกฯ สั่งการให้แก้ปัญหาทั้งระบบ ต้องย้ายประชาชนออกมาให้ได้ แม้จะยากก็ต้องทำ แต่จะต้องดูปัญหาที่จะตามมาด้วยว่า เขาจะไปอยู่ที่ไหน ซึ่งกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จะต้องประสานการเคหะฯ ในการหาที่อยู่ชั่วคราว และถาวรต่อไป ขณะเดียวกัน เมื่อเคลียร์ประชาชนออกได้หมดแล้ว จะต้องไม่มีการบุกรุกเข้ามาอีก เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำเก่า ทั้งนี้ ถ้าสามารถหาที่รองรับประชาชนได้แล้ว ให้ดำเนินการทันที แต่ส่วนไหนที่ไม่มีประชาชนอยู่ ก็ให้ลงมือทำก่อนได้เลย