รองนายกฯ เร่งจัดสรรที่ดิน 5 หมื่นไร่ ให้ประชาชนสิ้นเดือน ก.พ.นี้ สั่งมหาดไทย-เกษตรฯ ทำโครงการช่วยเหลือเกษตรกรประสบภัยแล้ง ห่วงผลผลิตน้อยลงทำค่าครองชีพสูง หลังให้งบตำบลละ 1 ล้าน
วันนี้ (10 ก.พ.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าวันนี้ไม่ได้มีการประชุมเรื่องการระบายข้าว โดยในวันเดียวกันนี้จะมีการประชุมคณะกรรมขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่บ้านเกษะโกมล เพื่อหารือเรื่องแก้ปัญหาความยากจน การลดความเหลื่อมล้ำภายในประเทศ รวมถึงปัญหาภัยแล้ง ทุกกระทรวง ทบวง กรมกำลังเร่งขับเคลื่อนในเรื่องต่างๆ
สำหรับเรื่องการจัดสรรที่ดินทำกินให้กับประชาชนผู้ยากไร้จำนวน 5 หมื่นไร่ ขณะนี้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกำลังดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในเดือน ก.พ.นี้ แต่ยังมีปัญหาเรื่องผืนที่ดินที่จัดสรรนั้นไม่ติดต่อกัน ซึ่งกำลังเร่งรัดและพยายามแก้ปัญหาให้กับประชาชน
ต่อมาที่บ้านเกษะโกมล พล.อ.ประวิตร แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อยนยุทธศาสตร์ คสช. ว่าที่ประชุมได้มีการติดตามการทำงานของแต่ละกระทรวงว่ามีปัญหาติดขัดตรงไหน ซึ่งในที่ประชุมมีความเป็นห่วงเกี่ยวกับสถานการณ์ภัยแล้ง โดยให้กระทรวงเกี่ยวข้องไปดำเนินการ เพราะเกรงว่าจะส่งผลกระทบกับผลผลิตทางการเกษตร จนทำให้ค่าครองชีพสูงขึ้น ซึ่งเรามีแนวทางเพิ่มรายได้ลดรายจ่าย โดยเฉพาะพื้นที่ จ.จันทบุรี ต้องเอาน้ำไปแจกจ่าย นอกจากนี้เรายังมีแนวทางช่วยเหลือในเรื่องการแก้ปัญหาความยากจนให้กับประชาชน โดยเบื้องต้นได้อนุมัติงบประมาณไปแล้ว 4 หมื่นล้านบาท และได้เบิกจ่ายลงไปในพื้นที่ 3.7 หมื่นล้านบาท และเตรียมอนุมัติเพิ่มอีก 3 พันล้านบาทให้แก่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงมหาดไทย ฉะนั้นเราต้องติดตามว่างบประมาณดังกล่าวลงไปถึงประชาชนทั่วถึงแค่ไหน ทั้งนี้ยอมรับปัญหาภัยแล้งเป็นเรื่องเร่งด่วน โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม ไปดูพื้นที่ไหนแล้งซ้ำซากหรือแล้งบางจุด จะได้นำน้ำไปแจกจ่าย ส่วนปัญหาราคายางพาราขณะปรับตัวสูงขึ้นอยู่ที่ 60 บาทต่อกิโลกรัม
ด้าน พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุม ครม. ว่า พล.อ.ประวิตรได้สั่งการในที่ประชุมให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องดูแลพี่น้องเกษตรกร ที่ประสบปัญหาภัยแล้ง เนื่องจากปัญหาภัยแล้งมีความรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้เร่งรัดโครงการที่ช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่ที่ประสบปัญหาซ้ำซาก ซึ่ง ครม.ได้อนุมัติไปก่อนหน้านี้ โดยให้งบประมาณตำบลละ 1 ล้านบาท เพื่อดำเนินการจัดให้มีโครงการทั้งหลายขึ้น ตามกฎกติกาที่วางไว้ คือ 1. ต้องเป็นโครงการที่ประชาชนมีส่วนร่วม 2. วงเงินงบประมาณครึ่งหนึ่งที่ใช้ในโครงการต้องเป็นเงินที่ใช้จ้างงานประชาชนในพื้นที่ และ 3. ถ้าโครงการนั้นดำเนินการเสร็จแล้ว และสามารถต่อยอดออกไปได้ถือว่าเป็นโครงการที่ดี เช่นโครงการจัดทำบ่อเก็บกักน้ำในชุมชน การจัดทำอุปกรณ์ผลิตปุ๋ยอินทรีย์ เป็นต้น