xs
xsm
sm
md
lg

ประชาธิปไตยเข้ามา ธรรมาธิปไตยจากไป ความบรรลัยแห่งพระพุทธศาสนา ที่มหาเถรสมาคม!!

เผยแพร่:   โดย: อ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์

อาจารย์ ดร. อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์
สาขาวิชาการวิเคราะห์ธุรกิจและการวิจัย
คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์


ผมนั้นเลิกเคารพนับถือยศช้างขุนนางพระ (และปริญญา) มานานแล้ว เพราะมันไม่ได้ช่วยบ่งชี้ว่าคนๆ นั้นจะมีธรรมะสักแค่ไหน สิ่งที่น่าผิดหวังที่สุดคือคำวินิจฉัยของมหาเถรสมาคมในกรณีปาราชิกของนายไชยบูลย์ สุทธิผล ต่อไปนี้ขอเรียกว่านายไชยบูลย์เพราะปาราชิกพ้นจากสมณสารูปมานานนับสิบปีแล้ว

กรรมการมหาเถรสมาคมจำนวน 20 รูป ใช้วิธีประชาธิปไตยแบบทางโลกลงมติด้วยการโหวตว่านายไชยบูลย์ไม่ต้องปาราชิกเพราะได้คืนทรัพย์ที่ยักยอกนั้นไปแล้ว มีผู้เปิดเผยว่ากรรมการมหาเถรสมาคม 20 ตำแหน่ง เป็นคนในกำกับธรรมกาย 12 ตำแหน่ง ฝ่ายมหานิกายนั้นมี 10 ตำแหน่งต่างลงมติให้นายไชยบูลย์ไม่ต้องพ้นปาราชิก คือ 1.สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) วัดปากน้ำภาษีเจริญ 2.สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (วีระ ภทฺทจารี) วัดสุทัศน์เทพวราราม 3.สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ (สมศักดิ์ อุปสโม) วัดพิชยญาติการาม 4.สมเด็จพระพุฒาจารย์ (สนิท ชวนปญฺโญ) วัดไตรมิตรวิทยาราม 5.พระพรหมวชิรญาณ (ประสิทธิ์ เขมงฺกโร) วัดยานนาวา 6.พระวิสุทธิวงศาจารย์ (วิเชียร อโนมคุโณ) วัดปากน้ำ 7.พระพรหมดิลก (เอื้อน หาสธมฺโม) วัดสามพระยา 8.พระพรหมโมลี (สุชาติ ธมฺมรตโน) วัดปากน้ำ 9.พระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขญาโณ) วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร และ 10.พระพรหมบัณฑิต (ประยูร ธมฺมจิตฺโต) วัดประยุรวงศาวาส ส่วนอีกสองตำแหน่งที่ลงมติให้นายไชยบูลย์พ้นผิดเป็นฝ่ายธรรมยุติกนิกายคือ 1.สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (มานิต ถาวโร) วัดสัมพันธวงศาราม และ 2.พระพรหมเมธี (จำนงค์ ธมฺมจารี) วัดสัมพันธวงศาราม

กรรมการมหาเถรสมาคมอีก 8 รูปที่ยังยึดมั่นในธรรมตามพระลิขิตของสมเด็จญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายก ในพระโกศ คือ 1.สมเด็จพระมหามุนีวงศ์ (อัมพร อมฺพโร) วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม 2.สมเด็จพระวันรัต (จุนท์ พฺรหฺมคุตฺโต) วัดบวรนิเวศวิหาร 3.สมเด็จพระธีรญาณมุนี (สมชาย วรชาโย) วัดเทพศิรินทราวาส 4.พระพรหมเมธาจารย์ (คณิศร์ เขมวํโส) วัดบุรณศิริมาตยาราม 5.พระพรหมมุนี (สุชิน อคฺคชิโน) วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม 6.พระพรหมวิสุทธาจารย์ (มนตรี คณิสฺสโร) วัดเครือวัลย์ 7.พระธรรมธัชมุนี (อมร ญาโณทโย) วัดปทุมวนาราม และ 8.พระธรรมบัณฑิต
(อภิพล อภิพโล) วัดพระราม 9 กาญจนาภิเษก

สมัยพุทธกาลไม่เคยใช้การลงคะแนนเสียงหรือลงมติแต่อย่างใด สังฆสมาคมใช้ธรรมนำหน้า อธิบายกันด้วยหลักธรรมก็เกิดฉันทามติสาธุการพร้อมกันโดยไม่ต้องโหวต เป็นยอดของประชาธิปไตยที่เรียกว่าธรรมาธิปไตย มิใช่ประชาธิปไตยจอมปลอมผ่านการลงคะแนนเสียง

ต้องกล่าวว่าสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายก (เจริญ สุวัฑฒโน) ในพระโกศนั้นเป็นพระที่เป็นวิชชาจรณสัมปัณโณ ถึงพร้อมด้วยวิชาและการปฏิบัติ ในทางคันถธุระทรงศึกษาจนสำเร็จเปรียญ 9 ประโยค แต่ไม่สำคัญเท่ากับการทรงปฏิบัติจิตภาวนา วิปัสสนากรรมฐาน อย่างเข้มข้น ทรงจาริกกราบและศึกษาวิชากรรมฐานจากพระสายวัดป่าแทบทุกองค์ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบอย่างไม่ถือพระองค์ ทรงกราบเคารพพระผู้มีพรรษาสูงกว่าเสมอ พระสายวัดป่านั้น (เช่น หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน หลวงปู่แหวน สุจิณโณ หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี และหลวงปู่ชอบ ฐานสโม เป็นต้น) ต่างบอกทุกคนที่ลำบากลำบนมากราบท่านตามต่างจังหวัดทุรกันดารว่าให้ไปกราบสมเด็จญาณ ที่วัดบวรนิเวศ นั้นดียิ่งกว่า เป็นอันว่าพ่อแม่ครูบาอาจารย์ทางวิปัสนากรรมฐานต่างทราบกันดีว่าสมเด็จญาณสังวรนั้นทรงธรรมบริสุทธิ์เพียงใด การที่ทรงมีพระลิขิตให้มหาเถรสมาคมจัดการกับนายไชยบูลย์นั้นจึงไม่ใช่เรื่องธรรมดา เพราะทรงธรรมวินิจฉัย โดยหลักธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าอย่างรอบคอบแล้ว แม้จะไม่ทรงเป็นสมเด็จพระสังฆราช คำวินิจฉัยของสมเด็จญาณก็ควรแก่การรับฟังและถือปฏิบัติตามอยู่ดีนั่นเอง เพราะใช้ธรรมนำหน้า ไม่ได้ใช้อำนาจตามศาสนจักรหรืออาณาจักรที่ล้วนแต่เป็นสิ่งสมมติทั้งสิ้น

การที่มหาเถรสมาคมบิดเบือนพระธรรมพื้นฐานที่สุด อันเป็นแก่นหัวใจของพระพุทธศาสนาคือกฎแห่งกรรม การกระทำชั่วนั้นได้เกิดแล้ว บาปได้เกิดแล้ว สำเร็จผลแล้ว ไม่ใช่แค่คิด แต่ได้ลงมือทำแล้วนั้น แม้จะนำทรัพย์มาคืนแล้วจึงไม่ต้องปาราชิก มีอย่างหรือที่พระพุทธศาสนาจะสอนว่าให้ล้างบาปล้างกรรมได้ พระพุทธเจ้าไม่เคยสอนอย่างนั้นแน่นอน อย่างนั้นผู้หญิงมีเพศสัมพันธ์แล้วไปทำรีแพร์ซ่อมแซมช่องคลอดและเยื่อพรหมจารีย์ก็ยังคงเป็นหญิงพรหมจรรย์ยังบริสุทธิ์อย่างนั้นหรือ? แล้วยังมาอ้างว่าต้องปรองดองเสียอีก คำสอนเช่นนี้พระพุทธเจ้าไม่เคยทรงสอนเป็นแน่แท้

เมื่อมหาเถรสมาคมไม่ยึดหลักธรรมนำหน้า ไม่ใช้ธรรมาธิปไตย และกลับมาใช้ประชาธิปไตยไร้ปัญญาแบบพวกมากลากไปตามลาภสักการะและผลประโยชน์เช่นนี้ ทำให้พระพุทธศาสนาบรรลัยเสื่อมทราม ไม่มีอะไรที่ร้ายแรงเท่ากับการบิดเบือนหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า วัดพระธรรมกายนั้นบิดเบือนคำสอนที่ว่านิพพานเป็นอัตตา เห็นได้จับต้องได้ดังดวงแก้ว มหาเถรสมาคมก็กลายเป็นมหาเถลไถลสมาคมโดยบิดเบือนกฎแห่งกรรมของพระพุทธเจ้าไปเสียฉิบเช่นนี้

สมควรแล้วหรือไม่ที่จะชำระพระศาสนาให้บริสุทธิ์ผุดผ่อง ไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากชำระล้างทั้งวัดพระธรรมกายและมหาเถรสมาคมนั่นแหละ โดยเอาธรรมะนำหน้า พระศาสนาถึงจะไปรอดได้
กำลังโหลดความคิดเห็น