xs
xsm
sm
md
lg

ทั้งรัก ทั้งชัง! จีนทะลักเชียงใหม่ (ตอนที่1) ++++++++++++++++++ พฤติกรรมแสบจีน ‘ฮาจังเจ๊ก’ทั่วเมือง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ปฏิเสธไม่ได้ว่า ตลาดนักท่องเที่ยวจีนเติบโตเกินความคาดหมาย ชนิดที่ว่า "ใครๆ ทั้งโลกก็เดาผิด" โดยในปี 57 ที่ผ่านมา มีคนจีนออกท่องเที่ยวมากถึง 112 ล้านคน และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอีกด้วย ประเทศไทยเป็นหนึ่งในเป้าหมายที่ท่องเที่ยวสำคัญที่ชาวจีนต่างเดินทางมา หากจะลองสังเกตหันมองไปไหน ไม่ว่าจังหวัดใดของไทย พบเห็นหมู่คณะชาวจีนเป็นจำนวนมาก ขณะเดียวกันเรื่องราว "พฤติกรรม" ของทัวร์ริสต์จีน ก็กระฉ่อนโลกเช่นกัน
ซึ่งเป็นพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ ขัดแย้งกับวิถีปฏิบัติ ประเพณี วัฒนธรรมแต่ละท้องถิ่นก็ปรากฏให้เห็นอย่างต่อเนื่อง ทั้งขับรถเร็ว ขับผิดช่องจราจร ขับย้อนศร หยุดกลางทางแยก จอดรถปิดซอย-ทางเข้าออก จองที่พักสำหรับ 2 คน แต่อยู่จริง 4-5 คน ทิ้งขยะ ฯลฯ ส่วนเรื่องราวจะเป็นอย่างไร ต้องมาติดตามกัน
.....
คลื่นนักท่องเที่ยวจีนที่ทะลักออกท่องโลกจำนวนมากศาลนี้หากไม่นับฮ่องกง กับมาเก๊า "ไทย" ถือเป็นประเทศที่มีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาเที่ยวมากที่สุด คือ 4.6 ล้านคน
โดย "เชียงใหม่" เป็นหนึ่งในเป้าหมายการมาเยือนของตี๋-หมวยจากแดนมังกร ตามกระแสภาพยนต์ต้นทุนต่ำเรื่อง "Lost in Thailand" ซึ่งปีกลายที่ผ่านมาทำให้มีชาวจีนเดินทางมาท่องเที่ยวไม่น้อยกว่า 3 แสนคน
"ตอนนี้มีเที่ยวบินตรงจากจีนเข้าเชียงใหม่ ไม่นับเที่ยวบินจากกรุงเทพฯ สามารถรองรับได้ปีละ 3.5 แสนที่นั่ง จากการขยายเวลาสนามบิน และเพิ่มหลุมจอดเป็น 12 หลุม รวมถึงชาร์เตอร์ไฟล์ ตลอด 24 ชั่วโมง ดังนั้น เชื่อว่า ในปี 58 สถิติน่าจะทะลุไปถึง 5 แสนคน" นายวรพงษ์ หมู่ชาวใต้ อุปนายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ ที่คร่ำหวอดกับธุรกิจท่องเที่ยว-โรงแรมมานานหลายสิบปี กล่าว
ขณะที่ นายพรชัย จิตรนวเสถียร นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวเชียงใหม่ กล่าวว่า ช่วงเทศกาลตรุษจีนปีนี้เชื่อว่าการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ จะมีความคึกคักเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในช่วงวันที่ 17-25 ก.พ.58 ที่เป็นช่วงวันหยุดยาวของชาวจีนด้วย หลังจากกราบไหว้บรรพบุรุษแล้วก็จะออกเดินทางท่องเที่ยว
คาดว่า ในช่วงดังกล่าวนี้จะส่งผลให้เศรษฐกิจการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ มีความคึกคักอย่างมากและมีเงินสะพัด 1,500-2,000 ล้านบาท จากการจับจ่ายของนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะชาวจีนที่จะหมุนเวียนเข้ามาตลอดช่วง 9 วันดังกล่าว
แต่ขณะเดียวกัน พฤติกรรมไม่พึงประสงค์ ขัดแย้งกับวิถีปฏิบัติ ประเพณี วัฒนธรรมแต่ละท้องถิ่นก็ปรากฏให้เห็นอย่างต่อเนื่อง
ทั้งขับรถเร็ว ขับผิดช่องจราจร ขับย้อนศร หยุดกลางทางแยก จอดรถปิดซอย-ทางเข้าออก จองที่พักสำหรับ 2 คน แต่อยู่จริง 4-5 คน ทิ้งขยะ ตากผ้าราวระเบียง ขับถ่ายไม่กดชักโครก เสียดัง ขากถุยแม้แต่ในโรงแรมระดับ 5 ดาว ขากถุยไม่เป็นที่ แซงคิว ไม่ยอมต่อแถว ฯลฯ
รวมถึงการแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมบนอ่างแก้ว-สวมครุย ถ่ายรูปหน้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่, สวมกระโปรง ปีนขึ้นไปบนกำแพงเมืองเก่า กลางเมืองเชียงใหม่, เช่ารถเที่ยวเอง แต่ขับขี่ผิดกฎหมายจราจรทั่วเมือง จนทำให้เกิดอุบัติเหตุหลายต่อหลายครั้ง, ตากชุดชั้นใน-กางเกงใน กลางสนามบินเชียงใหม่, ทิ้งกระดาษชำระที่ใช้แล้ว ในถังชักโครก ห้องน้ำสีทอ วัดร่องขุ่น อำเภอเมืองเชียงราย จนกลายเป็นเรื่องฉาวข้ามชาติ, ก่อเหตุทะเลาะวิวาทบนเครื่องบิน ฯลฯ
จนทำให้มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ต้องออกประกาศของมหาวิทยาลัย ขอความร่วมมือนักท่องเที่ยวที่เข้ามายังพื้นที่ภายในมหาวิทยาลัยฯ ต้องแสดงพาสปอร์ต บัตรประชาชน และแลกบัตรเข้ามหาวิทยาลัย เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย
จากการสำรวจข้อความร้องทุกข์ตามเว็บไซต์ท่องถิ่นของเชียงใหม่ พบว่า มีการร้องเรียนเกี่ยวกับพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวชาวจีนเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อปี 2556 ที่ผ่านมา ซึ่งปัญหาส่วนใหญ่คือ พฤติกรรมการขับขี่รถจักรยานยนต์เช่าของนักท่องเที่ยวชาวจีน ที่ไม่มีความชำนาญทางหรือไม่คุ้นเคยกับการขับขี่รถทางด้านซ้าย ทำให้มักเกิดอุบัติเหตุหรือทำผิดกฏจราจรอยู่บ่อยครั้ง สร้างความหวาดเสียวและความเดือดร้อนแก่ผู้ที่สัญจรไปมา
หรือแม้แต่หนังสือ "ไม่รักไม่บอก" ฉบับที่ 8 ของภาคีคนฮักเชียงใหม่ ซึ่งตีพิมพ์ในช่วงปลายปี 2556 ก็มีการตีพิมพ์ข้อความไว้ตอนหนึ่ง ว่า "ท่านคะ นักท่องเที่ยวแบบไหนเหรอคะ ที่ท่านต้องการอำนวยความสะดวก หวังว่าคงไม่ใช่นักท่องเที่ยวประเภทซื้อน้ำเต้าหู้ถุง ขอหลอด 4 ไปกินข้าวต้มซุปกระดูก บ้วนกระดูกออกมาเต็มโต๊ะ ใต้โต๊ะยิ่งดูไม่ได้ เรอดัง ขากถุยไกลมาก เข้าส้วมอึไม่เคยกดชักโครก สูบบุหรี่ในที่ห้ามสูบตลอดเวลา ขี่จักรยาน มอเตอร์ไซค์ไม่สนกฎจราจร ขับกลางถนนไม่พอ ยังส่ายไปส่ายมา หยุดถ่ายรูปกลางถนน ชมวิว ทำ MV รถติดยาวก็ยาวไปสิ ชิ ไม่สน! แซงคิวได้ทุกที่ทุกเวลา เดินถือกระติกน้ำร้อนขอน้ำร้อนไปทุกร้าน (ร้านทำผมยังโดนขอ) ตะโกนคุยกันเพราะไม่เข้าใจว่าทำไมต้องคุยค่อยๆ เลือกของกระจุยกระจายแล้วไม่ซื้อ อะแฮ่ม...มีร้านก๋วยเตี๋ยวชื่อดังย่านถนนนิมมานเหมินท์ เจอนักท่องเที่ยว 5 คน สลับกันไปอาบน้ำสระผมในห้องน้ำร้านก๋วยเตี๋ยว โดยไม่มีใครซื้อก๋วยเตี๋ยวสักชาม!"
เรียกว่าสารพัดสารเพ สำหรับวีรกรรมนักท่องเที่ยวชาวจีน ที่ทำให้คนในท้องถิ่นส่ายหน้าไปตามๆ กัน
พฤติกรรมที่ว่านี้ถูกนำไปโพสต์เผยแพร่ผ่านสื่อสาธารณะอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเฟซบุ๊คแฟนเพจอย่าง "ฮาจังเจ๊ก" หรือ "เรารักนักท่องเที่ยวจีน" ฯลฯ นอกจากนี้ที่ผ่านมานักท่องเที่ยวจีน เคยถูกจัดอันดับให้เป็นนักท่องเที่ยวยอดแย่ อันดับ 2 ของโลก Living Social เว็บไซต์ส่งเสริมธุรกิจออนไลน์ของอเมริกา อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ปัญหาพฤติกรรมนักท่องเที่ยวจีน ที่ถูกกล่าวถึงในแง่ลบทั่วโลก ทางการจีน ก็ตระหนักถึงปัยหาที่เกิดขึ้น ด้วยการออก "คู่มือการท่องเที่ยวอย่างมีอารยะ" ซึ่งมีบทมารยาททั่วไป กับบทของมารยาทเฉพาะท้องถิ่น แบ่งย่อยเป็นหลายหมวด เช่น หมวดการใช้ห้องน้ำ หมวดการถ่ายรูป หมวดการให้ทิป หมวดการดูการแสดง หรือหมวดการกินอาหารบนโต๊ะบุฟเฟต์ เป็นต้น
ซึ่งในหมวด การใช้ห้องน้ำ จะมีการระบุอย่างชัดเจนว่า ควรขับถ่ายในสถานที่ที่ถูกกำหนดไว้ และไม่ควรใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำสาธารณะนานเกินไป รวมถึงเมื่อทำธุระเสร็จแล้วต้องกดของเสียทิ้งทุกครั้งหลังใช้ แต่เหนือสิ่งอื่นใด คำแนะนำพื้นฐานของคู่มือเล่มนี้ คือ การให้พูด ขอโทษ, ขอบคุณ, ได้โปรด และห้ามถ่มน้ำลายในสถานที่สำคัญ
ขณะที่ในด้านมารยาทเฉพาะท้องถิ่น มีการรวมความเชื่อ และวัฒนธรรมของแต่ละประเทศไว้ในคู่มือนี้ด้วย เพื่อให้เข้าใจถึงวัจนภาษา และอวัจนภาษาต่างๆ
ด้าน นายสมฤทธิ์ ไหคำ นายกสมาคมมัคคุเทศก์เชียงใหม่ กล่าวถึงปัญหานักท่องเที่ยวจีนว่า ไม่ควรจะเหมารวมว่าพฤติกรรมที่เกิดขึ้นเป็นนักท่องเที่ยวจีนทั้งหมด เพราะนักท่องเที่ยวจีน มีหลายกลุ่ม มีทั้งกลุ่มคนเมือง และกลุ่มที่มาจากชนบท โดยกลุ่มคนเมืองก็ไม่ได้สร้างปัญหาอะไรมากมาย และส่วนมากจะมากับบริษัททัวร์ที่มีไกด์ถูกต้อง และอธิบายเรื่องที่ควรหรือไม่ควรให้กับลูกทัวร์ ฉะนั้นจะไม่เกิดเรื่องราวอะไรมากมาย
แต่กลุ่มที่มาสร้างปัญหาทางสังคมมากเป็นพิเศษ ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนที่มาจากเมืองที่เป็นชนบท ประกอบกับมากันเองไม่ผ่านบริษัททัวร์ จึงไม่มีใครอธิบาย เพราะความไม่เข้าใจถึงวัฒนธรรมที่ต่างกัน เช่นเมืองเขาอาจจะปีนกำแพงได้ แต่บ้านเราปีนไม่ได้ หรือแม้แต่คนไทยเอง ยังไปปีนกำแพงเมืองบ้านเขาได้ เป็นต้น
"ปัญหาบางเรื่อง จะโทษนักท่องเที่ยวฝ่ายเดียวไม่ได้"
นายสมฤทธิ์ ยกตัวอย่างว่า เช่น การเช่าชุดครุยไปถ่ายตามสถานที่ต่างๆ นั้นความผิดควรจะอยู่ที่เจ้าของร้านที่ให้เช่าชุดต้องมีจรรยาบรรณ เพราะรู้อยู่แล้วว่า ชุดครุย เป็นชุดที่ศักดิ์สิทธิ์ ใครจะเช่าไปทำอะไรก็ได้ "ไม่ได้" โดยเฉพาะอย่างยิ่งรู้ว่าเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติด้วยแล้ว ยิ่งไม่มีสิทธิใส่ แต่ร้านก็ยังให้เช่า โดยไม่คำนึงถึงความถูกต้อง หรือแม้แต่ร้านให้เช่ารถทุกชนิด เจ้าของกิจการจะต้องอธิบายให้นักท่องเที่ยวเข้าใจว่า กฏจราจรเป็นอย่างไร ควรขับขี่รถอย่างระมัดระวังไม่ใช่ขับขี่ตามใจชอบ ซึ่งอันตรายมาก
นายวรพงษ์ บอกเพิ่มเติมว่า นักท่องเที่ยวจีนมาเที่ยวเชียงใหม่ปีที่ผ่านมากว่า 3 แสนคน ในจำนวนนี้มีอยู่ประมาณ 45% ที่ผ่านบริษัททัวร์ ส่วนที่เหลือมาแบบอิสระ ซึ่งไม่สามารถทำอะไรได้เลย
นายวรพงษ์ มองว่า กระบวนการรับมือของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวใน จ.เชียงใหม่ จ.เชียงราย ยังอ่อน เพราะเป็นประสบการณ์ใหม่ไม่นาน โดยเฉพาะ จ.เชียงราย ส่วนกรุงเทพฯ, พัทยา, อยุธยา และภูเก็ต รับนักท่องเที่ยวจีนมานานกว่า 10 ปี ร้านเค้าปรับตัวได้แล้ว สามารถรับมืออยู่
นายวิสูตร บัวชุม ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจังหวัดเชียงใหม่ บอกว่า ได้ทราบถึงปัญหาเหล่านี้ ขณะนี้กำลังเร่งแก้ปัญหา ดูแลพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวชาวจีน เน้นการประชาสัมพันธ์ผ่านการสื่อสารตั้งแต่ต้นทาง โดยสถานทูตไทย และสถานกงสุลไทยในประเทศจีน ก็ร่วมมือช่วยกันเผยแพร่ข้อมูลวัฒนธรรมของไทยให้กับนักท่องเที่ยวก่อนเดินทางถึงไทยผ่าน "คู่มือท่องเที่ยวอย่างไรในเชียงใหม่ให้มีความสุข" ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาจีน
โดยมีการแนะนำพฤติกรรมที่ควรทำ และไม่ควรทำ 10 ข้อ รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวที่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษ และภาษาจีนเน้นประชาสัมพันธ์ ให้ข้อมูล ตักเตือนแบบประนีประนอม ประจำแหล่งท่องเที่ยว และสถานีตำรวจทั่วเมืองเชียงใหม่รวมทั้งสิ้น 50 คน
นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก็รับฟังและให้ความร่วมมือปฏิบัติตาม แต่ยังมีบางส่วนที่ไม่สนใจ จึงต้องเร่งหาแนวทางเพื่อให้นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้เข้าใจ และปฏิบัติตามกฏ-ขนบธรรมเนียมของชาวล้านนาต่อไป

***อ่านต่อ "ทั้งรัก ทั้งชัง!จีนทะลักเชียงใหม่ (2) ทัวร์-ทุนจีนรุกยึดเองทั้งระบบ"***
กำลังโหลดความคิดเห็น