สถานการณ์โลกในช่วงนี้มีหลากหลายจุดที่น่าสนใจเป็นพิเศษโดยเฉพาะในย่านตะวันออกกลาง ทั้งนี้เพราะรากเหง้าของเหตุการณ์มีหลากหลายและมันอาจขยายออกไปจนทำให้เดือดร้อนกันทั่วโลก ในบรรดาประเทศทั้งหลายในย่านนั้น เยเมนเป็นประเทศหนึ่งซึ่งอาจเรียกได้ว่าตกอยู่ในภาวะรัฐล้มเหลวเนื่องจากขาดรัฐบาลบริหารประเทศ เยเมนมิได้เป็นสนามรบแบบอิรักและซีเรียในปัจจุบัน แต่ประเทศก็ตกอยู่ในความควบคุมของกลุ่มต่างๆ ที่รัฐบาลกลางไม่สามารถทำอะไรได้ ตอนนี้ แม้รัฐบาลกลางเองก็ไม่มีเนื่องจากประธานาธิบดีได้ยื่นใบลาออกมาหลายสัปดาห์แล้ว ในขณะที่เขียนบทความนี้ มีข่าวแพร่ออกมาว่า เผ่าใหญ่เผ่าหนึ่งซึ่งมีอาวุธสารพัดเข้ายึดอำนาจและยุบรัฐสภา พวกเขาเสนอให้ฝ่ายต่างๆ มาพูดคุยกันเพื่อหาข้อตกลงว่าจะทำอย่างไรต่อไปภายในวันพุธหน้า
เยเมนมีประวัติอันยาวนานนับพันปี มีอารยธรรมเก่าแก่มาตั้งแต่ก่อนคริสต์ศาสนาถือกำเนิด ก่อนที่จะกลายมาเป็นเยเมนในปัจจุบัน พื้นที่แถบนั้นถูกปกครองด้วยอาณาจักรออตโตมานเช่นเดียวกับประเทศในย่านตะวันออกกลางทั้งหลาย หลังอาณาจักรออตโตมานพ่ายแพ้สงครามโลกครั้งที่ 1 อังกฤษเข้าไปดูแลโดยครั้งแรกแยกเป็นเยเมนเหนือและเยเมนใต้ซึ่งมาควบรวมเป็นประเทศเดียวกันเมื่อ 25 ปีมานี้เอง แม้จะเป็นรัฐชาติตามแนวการปกครองของชาวตะวันตก แต่รัฐบาลกลางยังไม่สามารถควบคุมเผ่าต่างๆ ได้อย่างสมบูรณ์ ในยามที่ตกลงเรื่องผลประโยชน์กันได้ เผ่าต่างๆ ก็อยู่ร่วมกันไปแบบไม่มีปัญหา แต่เมื่อใดผลประโยชน์ขัดกัน เมื่อนั้นก็มักจะจับอาวุธออกมารบราฆ่าฟันกัน
เยเมนเป็นประเทศด้อยพัฒนาที่มีทรัพยากรค่อนข้างน้อยเนื่องจากพื้นที่ส่วนมากแห้งผากจนเป็นทะเลทรายและมีน้ำมันปิโตรเลียมเพียงจำกัด เยเมนไม่มีแม่น้ำ ไม่มีหนองน้ำธรรมชาติ ย้อนไปในสมัยก่อน ชาวเยเมนแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำด้วยการขุดบ่อในย่านที่มีขุมน้ำใต้ดินและหย่อนถุงที่ทำด้วยหนังสัตว์ลงไปแล้วสาวน้ำขึ้นมาใช้ในครัวเรือน ให้สัตว์เลี้ยงดื่มและปลูกพืช บ่อเหล่านั้นไม่ลึกนักเนื่องจากผู้ขุดลงไปลึกมากไม่ได้เพราะขาดอากาศหายใจ หรือไม่ก็เสี่ยงต่อการถูกฝังทั้งเป็นหากดินถล่ม แต่บ่อก็มักไม่แห้งผากเนื่องจากมีตาน้ำจากขุมน้ำใต้ดิน
การใช้น้ำซึ่งมีอยู่อย่างจำกัดของเยเมนเป็นเช่นนั้นมายาวนาน เพิ่งมาเปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญหลังน้ำมันขึ้นราคาแบบก้าวกระโดดครั้งแรกเมื่อ 40 ปีที่ผ่านมา การขึ้นราคาเช่นนั้นทำให้ประเทศในย่านตะวันออกกลางที่มีน้ำมันปริมาณมหาศาลร่ำรวยกันแบบทันทีทันใด ชาวเยเมนก็เช่นเดียวกับคนไทยที่ต่างพากันไปทำงานในย่านนั้นโดยเฉพาะในซาอุดีอาระเบียซึ่งมีพรมแดนติดกับเยเมนและมีเผ่าพันธุ์ที่เชื่อมโยงกันมาตั้งแต่โบราณกาล (ครอบครัวของอุซามะห์ บิน ลาดิน อพยพไปจากเยเมน)
เฉกเช่นคนงานต่างชาติทั่วไปที่เข้าไปทำงานในประเทศที่ร่ำรวยจากการขายน้ำมัน ชาวเยเมนส่งเงินจำนวนมากกลับบ้านอย่างต่อเนื่อง เงินนั้นมีผลดีต่อชาวเยเมนอย่างเหลือหลาย แต่ก็มีผลร้ายที่ชาวเยเมนเองแทบไม่ตระหนัก นั่นคือ รายได้ช่วยให้ชาวเยเมนซื้อใบ “คัต” (Khat) ดีๆ มาเคี้ยวมากขึ้น ใบคัตก็คล้ายใบกระท่อมของไทยและใบโคคาในอเมริกาใต้ในด้านที่มีสารเสพติด แม้การเคี้ยวรายวันจะไม่ทำให้เสียงานและเสียสุขภาพแบบยาเสพติดชนิดร้ายแรง แต่มันทำให้เสียทั้งค่าใช้จ่ายและเวลา ชาวเยเมนมักจับกลุ่มกันเคี้ยวใบนั้นอย่างชื่นมื่นจากตอนบ่ายไปจนถึงค่ำมืด
ใบคัตมีสารบางอย่างที่ทำให้น้ำที่ผู้เคี้ยวดื่มตามเข้าไปมีรสหวาน นอกจากนั้น มันยังกระตุ้นให้ไม่ง่วงนอนอีกด้วย เมื่อไม่ง่วงนอน ชาวเยเมนก็หาทางทำอย่างอื่น มีเรื่องเล่าว่าชาวเยเมนบางกลุ่มมักละเมิดหลัก
ศาสนาลิสลามโดยการดื่มเหล้าตอนดึกเพื่อหวังจะให้มันทำให้ง่วง แต่เรื่องนี้ผู้เขียนไม่สามารถยืนยันได้แม้จะไปเยเมนหลายต่อหลายครั้งก็ตาม (เรื่องการไปเยเมนของผู้เขียนอาจหาอ่านได้ในหนังสือชื่อ “จดหมายจากวอชิงตัน” ซึ่งดาวน์โหลดได้ฟรีที่เว็บไซต์ของมูลนิธินักอ่านบ้านนา www.bannareader.com) เรื่องที่แน่นอนคือ ประชากรเยเมนยังเพิ่มขึ้นในอัตราสูงถึงราว 3% ต่อปีจนขณะนี้มีจำนวนกว่า 24 ล้านคนแล้ว การเพิ่มของประชากรในอัตราสูงเช่นนั้นสร้างความกดดันให้แก่ทรัพยาที่มีอยู่อย่างจำกัดเช่นน้ำ
อย่างไรก็ดี สิ่งที่ทำให้การใช้น้ำเปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญมิใช่การใช้น้ำเพื่ออุปโภคบริโภคตามปกติ หากเป็นการเจาะบ่อบาดาลลึกนับร้อยเมตรและใช้เครื่องสูบขนาดใหญ่นำน้ำขึ้นมาใช้ทำสวนต้นคัต ทั้งนี้เพราะการรดน้ำเป็นประจำทำให้ต้นคัตแตกใบอ่อนตลอดเวลาและใบอ่อนนั้นได้ราคาสูงกว่าใบคัตที่ปลูกตามธรรมชาติมาก เมื่อชาวเยเมนมีเงินมากขึ้น พวกเขาก็เคี้ยวใบอ่อนๆ เพิ่มขึ้น
ผลพวงสำคัญของการเจาะบ่อบาดาลเพื่อสูบน้ำมาใช้ทำสวนต้นคัตได้แค่การแห้งเหือดลงอย่างรวดเร็วของขุมน้ำใต้ดิน ตอนนี้เยเมนจึงมีปัญหาหนักหนาสาหัสอันเนื่องมาจากการขาดแคลนน้ำ การต่อสู้กันของเผ่าต่างๆ เพื่อแย่งชิงน้ำกันนับวันจะยิ่งเข้มข้นยิ่งขึ้น ด้วยเหตุนี้ โอกาสที่เยนเมนจะเป็นรัฐล้มเหลวต่อไปจึงมีอยู่สูง
ผลพวงดังกล่าวนั้นเป็นหนึ่งใน “คำสาปของเทคโนโลยี” ที่มักมีมากับเทคโนโลยีใหม่ที่คนทั่วไปไม่ค่อยตระหนัก คำสาปของเทคโนโลยีมีสารพัดอย่าง บางอย่างอาจเห็นได้ง่าย บางอย่างมองไม่เห็น ในยุคนี้ เทคโนโลยีสาปให้เกิดสังคมก้มหน้าที่คนไม่ค่อยพูดค่อยจากันแล้ว ผลของสังคมก้มหน้าจะเป็นอย่างไร ณ วันนี้ยังไม่มีใครรู้แน่นอนนอกจากมองกันโดยทั่วไปว่าน่าจะเป็นลบ ในปัจจุบัน โลกกำลังใช้อาวุธทำลายล้างสูงฆ่ากันอย่างกว้างขวางทั้งในย่านตะวันออกกลางและย่านอื่น ในวันหนึ่งข้างหน้า อาวุธนิวเคลียร์อาจถูกนำมาใช้ เมื่อไรการใช้อาวุธนิวเคลียร์เกิดขึ้น เมื่อนั้นคำสาปของเทคโนโลยีจะมีผลร้ายแรงแบบสัมบูรณ์
เยเมนมีประวัติอันยาวนานนับพันปี มีอารยธรรมเก่าแก่มาตั้งแต่ก่อนคริสต์ศาสนาถือกำเนิด ก่อนที่จะกลายมาเป็นเยเมนในปัจจุบัน พื้นที่แถบนั้นถูกปกครองด้วยอาณาจักรออตโตมานเช่นเดียวกับประเทศในย่านตะวันออกกลางทั้งหลาย หลังอาณาจักรออตโตมานพ่ายแพ้สงครามโลกครั้งที่ 1 อังกฤษเข้าไปดูแลโดยครั้งแรกแยกเป็นเยเมนเหนือและเยเมนใต้ซึ่งมาควบรวมเป็นประเทศเดียวกันเมื่อ 25 ปีมานี้เอง แม้จะเป็นรัฐชาติตามแนวการปกครองของชาวตะวันตก แต่รัฐบาลกลางยังไม่สามารถควบคุมเผ่าต่างๆ ได้อย่างสมบูรณ์ ในยามที่ตกลงเรื่องผลประโยชน์กันได้ เผ่าต่างๆ ก็อยู่ร่วมกันไปแบบไม่มีปัญหา แต่เมื่อใดผลประโยชน์ขัดกัน เมื่อนั้นก็มักจะจับอาวุธออกมารบราฆ่าฟันกัน
เยเมนเป็นประเทศด้อยพัฒนาที่มีทรัพยากรค่อนข้างน้อยเนื่องจากพื้นที่ส่วนมากแห้งผากจนเป็นทะเลทรายและมีน้ำมันปิโตรเลียมเพียงจำกัด เยเมนไม่มีแม่น้ำ ไม่มีหนองน้ำธรรมชาติ ย้อนไปในสมัยก่อน ชาวเยเมนแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำด้วยการขุดบ่อในย่านที่มีขุมน้ำใต้ดินและหย่อนถุงที่ทำด้วยหนังสัตว์ลงไปแล้วสาวน้ำขึ้นมาใช้ในครัวเรือน ให้สัตว์เลี้ยงดื่มและปลูกพืช บ่อเหล่านั้นไม่ลึกนักเนื่องจากผู้ขุดลงไปลึกมากไม่ได้เพราะขาดอากาศหายใจ หรือไม่ก็เสี่ยงต่อการถูกฝังทั้งเป็นหากดินถล่ม แต่บ่อก็มักไม่แห้งผากเนื่องจากมีตาน้ำจากขุมน้ำใต้ดิน
การใช้น้ำซึ่งมีอยู่อย่างจำกัดของเยเมนเป็นเช่นนั้นมายาวนาน เพิ่งมาเปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญหลังน้ำมันขึ้นราคาแบบก้าวกระโดดครั้งแรกเมื่อ 40 ปีที่ผ่านมา การขึ้นราคาเช่นนั้นทำให้ประเทศในย่านตะวันออกกลางที่มีน้ำมันปริมาณมหาศาลร่ำรวยกันแบบทันทีทันใด ชาวเยเมนก็เช่นเดียวกับคนไทยที่ต่างพากันไปทำงานในย่านนั้นโดยเฉพาะในซาอุดีอาระเบียซึ่งมีพรมแดนติดกับเยเมนและมีเผ่าพันธุ์ที่เชื่อมโยงกันมาตั้งแต่โบราณกาล (ครอบครัวของอุซามะห์ บิน ลาดิน อพยพไปจากเยเมน)
เฉกเช่นคนงานต่างชาติทั่วไปที่เข้าไปทำงานในประเทศที่ร่ำรวยจากการขายน้ำมัน ชาวเยเมนส่งเงินจำนวนมากกลับบ้านอย่างต่อเนื่อง เงินนั้นมีผลดีต่อชาวเยเมนอย่างเหลือหลาย แต่ก็มีผลร้ายที่ชาวเยเมนเองแทบไม่ตระหนัก นั่นคือ รายได้ช่วยให้ชาวเยเมนซื้อใบ “คัต” (Khat) ดีๆ มาเคี้ยวมากขึ้น ใบคัตก็คล้ายใบกระท่อมของไทยและใบโคคาในอเมริกาใต้ในด้านที่มีสารเสพติด แม้การเคี้ยวรายวันจะไม่ทำให้เสียงานและเสียสุขภาพแบบยาเสพติดชนิดร้ายแรง แต่มันทำให้เสียทั้งค่าใช้จ่ายและเวลา ชาวเยเมนมักจับกลุ่มกันเคี้ยวใบนั้นอย่างชื่นมื่นจากตอนบ่ายไปจนถึงค่ำมืด
ใบคัตมีสารบางอย่างที่ทำให้น้ำที่ผู้เคี้ยวดื่มตามเข้าไปมีรสหวาน นอกจากนั้น มันยังกระตุ้นให้ไม่ง่วงนอนอีกด้วย เมื่อไม่ง่วงนอน ชาวเยเมนก็หาทางทำอย่างอื่น มีเรื่องเล่าว่าชาวเยเมนบางกลุ่มมักละเมิดหลัก
ศาสนาลิสลามโดยการดื่มเหล้าตอนดึกเพื่อหวังจะให้มันทำให้ง่วง แต่เรื่องนี้ผู้เขียนไม่สามารถยืนยันได้แม้จะไปเยเมนหลายต่อหลายครั้งก็ตาม (เรื่องการไปเยเมนของผู้เขียนอาจหาอ่านได้ในหนังสือชื่อ “จดหมายจากวอชิงตัน” ซึ่งดาวน์โหลดได้ฟรีที่เว็บไซต์ของมูลนิธินักอ่านบ้านนา www.bannareader.com) เรื่องที่แน่นอนคือ ประชากรเยเมนยังเพิ่มขึ้นในอัตราสูงถึงราว 3% ต่อปีจนขณะนี้มีจำนวนกว่า 24 ล้านคนแล้ว การเพิ่มของประชากรในอัตราสูงเช่นนั้นสร้างความกดดันให้แก่ทรัพยาที่มีอยู่อย่างจำกัดเช่นน้ำ
อย่างไรก็ดี สิ่งที่ทำให้การใช้น้ำเปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญมิใช่การใช้น้ำเพื่ออุปโภคบริโภคตามปกติ หากเป็นการเจาะบ่อบาดาลลึกนับร้อยเมตรและใช้เครื่องสูบขนาดใหญ่นำน้ำขึ้นมาใช้ทำสวนต้นคัต ทั้งนี้เพราะการรดน้ำเป็นประจำทำให้ต้นคัตแตกใบอ่อนตลอดเวลาและใบอ่อนนั้นได้ราคาสูงกว่าใบคัตที่ปลูกตามธรรมชาติมาก เมื่อชาวเยเมนมีเงินมากขึ้น พวกเขาก็เคี้ยวใบอ่อนๆ เพิ่มขึ้น
ผลพวงสำคัญของการเจาะบ่อบาดาลเพื่อสูบน้ำมาใช้ทำสวนต้นคัตได้แค่การแห้งเหือดลงอย่างรวดเร็วของขุมน้ำใต้ดิน ตอนนี้เยเมนจึงมีปัญหาหนักหนาสาหัสอันเนื่องมาจากการขาดแคลนน้ำ การต่อสู้กันของเผ่าต่างๆ เพื่อแย่งชิงน้ำกันนับวันจะยิ่งเข้มข้นยิ่งขึ้น ด้วยเหตุนี้ โอกาสที่เยนเมนจะเป็นรัฐล้มเหลวต่อไปจึงมีอยู่สูง
ผลพวงดังกล่าวนั้นเป็นหนึ่งใน “คำสาปของเทคโนโลยี” ที่มักมีมากับเทคโนโลยีใหม่ที่คนทั่วไปไม่ค่อยตระหนัก คำสาปของเทคโนโลยีมีสารพัดอย่าง บางอย่างอาจเห็นได้ง่าย บางอย่างมองไม่เห็น ในยุคนี้ เทคโนโลยีสาปให้เกิดสังคมก้มหน้าที่คนไม่ค่อยพูดค่อยจากันแล้ว ผลของสังคมก้มหน้าจะเป็นอย่างไร ณ วันนี้ยังไม่มีใครรู้แน่นอนนอกจากมองกันโดยทั่วไปว่าน่าจะเป็นลบ ในปัจจุบัน โลกกำลังใช้อาวุธทำลายล้างสูงฆ่ากันอย่างกว้างขวางทั้งในย่านตะวันออกกลางและย่านอื่น ในวันหนึ่งข้างหน้า อาวุธนิวเคลียร์อาจถูกนำมาใช้ เมื่อไรการใช้อาวุธนิวเคลียร์เกิดขึ้น เมื่อนั้นคำสาปของเทคโนโลยีจะมีผลร้ายแรงแบบสัมบูรณ์