ASTV ผู้จัดการรายวัน –ดัชนีเชื่อมั่นนักลงทุนประจำเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 30.95% สภาธุรกิจตลาดทุนไทยมองหุ้นไทยมีสัญญาณฟื้นตัวอย่างชัดเจนจากปัจจัยสถานการณ์ต่างประเทศ ขณะที่ราคาน้ำมันกดดันจิตวิทยาการลงุทน ดัชนีเหวี่ยงตัวแรง จากปัจจัยทั้งสองด้าน ดัชนีตลาดหุ้นไทยเหวี่ยงหนัง ปิดตลาดดัชนีอยู่ที่ 1,607.92 จุด เพิ่มขึ้น 8.11 จุด เปลี่ยนแปลง +0.51% มูลค่าการซื้อขาย 54,382.38 ล้านบาท โดยปัจจัยบวกมาจากจีนลดการตั้งสำรองฯของแบงก์พาณิชย์ 0.5% ส่วนปัจจัยลบมาจาก ECB ยุติการช่วยเหลือกรีซชั่วคราว
นางวรวรรณ ธาราภูมิ ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO NIDA Investor Sentiment Index) ใน 3 เดือนข้างหน้า คาดว่าจะอยู่ที่ 115.59 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 30.95% เมื่อเทียบกับผลสำรวจในเดือนที่ผ่านมา และมองว่าทิศทางตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในกรอบทรงตัว แต่มีสัญญาณฟื้นตัวอย่างชัดเจนจากปัจจัยสถานการณ์ต่างประเทศ
ทั้งนี้ ผลสำรวจพบว่ามีปัจจัยภายนอกที่นักลงทุนมองว่ายังส่งผลต่อทิศทางตลาดหุ้น เช่น การจัดการภาระหนี้ของกลุ่มประเทศยูโรโซน สถานการณ์ความผันผวนของราคาน้ำมัน การนำมาตรการนโยบายผ่อนคลายทางการเงินต่างประเทศ สัญญาณฟื้นตัวเศรษฐกิจของสหรัฐฯ การก่อการร้าย นอกจากนี้ นักลงทุนยังให้ความสำคัญกับสถานการณ์ในประเทศ เช่น ผลประกอบการบจ.สิ้นปี 2557 สถานการณ์ทางการเมืองเกี่ยวกับทุจริตจำนำข้าว
"ใน 3เดือนข้างหน้านักลงทุนส่วนใหญ่มองว่าตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มทรงตัว ขณะที่กลุ่มบัญชีหลักทรัพย์มองว่าตลาดหุ้นไทยจะมีความร้อนแรง เพราะในช่วงที่สำรวจดัชนีอยู่ระดับประมาณ 1,500 จุด สำหรับหมวดอุตสาหกรรมที่น่าลงทุนมากที่สุด นักลงทุนรายย่อย นักลงทุนต่างประเทศ และบัญชีหลักทรัพย์ มองว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์น่าสนใจลงทุนมากที่สุดและธุรกิจการเงิน ส่วนนักลงทุนสถาบันมองว่าธุรกิจไอซีทีมีความน่าสนใจลงทุนมากที่สุด ส่วนอุตสาหกรรมไม่น่าสนใจมากที่สุดคือทรัพยากร จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง โดยนักลงทุนทุกกลุ่มลงความเห็นเป็นทิศทางเดียวกัน" นางวรวรรณ กล่าว
ตลาดหลักทรพัย์แห่งประเทศไทยปิดตลาดวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2558 ไปที่ 1,607.92 จุด เพิ่มขึ้น 8.11 จุด เปลี่ยนแปลง +0.51% มูลค่าการซื้อขาย 54,382.38 ล้านบาท โดยระหว่างเทรดแตะจุดสูงสุดที่ 1,607.92 จุด และต่ำสุดที่ 1,588.06 จุดโดยนักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 522.26 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 106.87 ล้านบาท ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 237.55 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 391.58 ล้านบาท
นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผุ้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.ทรินีตี้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวผันผวนโดยปรับตัวลงถึง 10.13 จุดดัชนีอยู่ที่ 1,589.68 จุด เปลียนแปลง -0.63% เมื่อเวลา 14.33 น. ก่อนจะดีดกลับขึ้นมาปิดตลาดในแดนบวกได้ในที่สุด
“ดัชนีที่ปรับลดลง 10 จุด เป็นผลจากกลุ่มพลังงานถึง 7 จุดขณะที่ปัจจัยภายนอกยังไม่โดนเด่น อาจต้องจับตาการเจรจาการยืดหนี้ของกรีซ หลังธนาคารกลางยุโรป(ECB)ตัดสินใจระงับสิทธิพิเศษที่เคยให้แก่สถาบันการเงินต่างๆ ของกรีซในการใช้พันธบัตรรัฐบาลมาใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันขอเงินกู้จากธนาคารกลาง” นายณัฐชาต กล่าว
ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.ทรินีตี้ คาดการณ์ความเคลื่อนไหวดัชนีวันนี้ (6 ก.พ.) ยังคงแกว่งตัวทั้งแดนบวก-ลบ จากปัจจัยทั้งสองด้าน โดยปัจจัยบวกมาจากจีนลดการตั้งสำรองฯของแบงก์พาณิชย์ 0.5% ส่งผลดีต่อสภาพคล่องทั่วโลก ส่วนปัจจัยลบมาจากธนาคารกลางยุโรป หรือ ECB ยุติการช่วยเหลือกรีซชั่วคราว ภายหลังจากที่กรีซไม่แสดงเจตจำนงจะทำตามแผนที่ให้ไว้ ส่งผลให้ Bond yield ของกรีซสูงขึ้น และ Sentiment ตลาดยุโรปส่วนใหญ่เป็นลบ โดยเฉพาะตลาดกรีซร่วงไปถึง 7%
“จะต้องติดตามประเด็นสำคัญที่ รมว.คลังของเยอรมันจะหารือกับรมว.คลังของกรีซ ซึ่งในกรณี Base case ผลน่าจะออกมาว่ายังไม่มีบทสรุป แต่ประเด็นเรื่องกรีซน่าจะสร้างความผันวนให้กับตลาดหุ้นทั่วโลกในระยะต่อไป ดังนั้นจึงมองว่าตลาดบ้านเราก็น่าจะยังผันผวนและมีโอกาสแกว่งตัวลงได้” นายณัฐชาต กล่าว
นางวรวรรณ ธาราภูมิ ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO NIDA Investor Sentiment Index) ใน 3 เดือนข้างหน้า คาดว่าจะอยู่ที่ 115.59 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 30.95% เมื่อเทียบกับผลสำรวจในเดือนที่ผ่านมา และมองว่าทิศทางตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในกรอบทรงตัว แต่มีสัญญาณฟื้นตัวอย่างชัดเจนจากปัจจัยสถานการณ์ต่างประเทศ
ทั้งนี้ ผลสำรวจพบว่ามีปัจจัยภายนอกที่นักลงทุนมองว่ายังส่งผลต่อทิศทางตลาดหุ้น เช่น การจัดการภาระหนี้ของกลุ่มประเทศยูโรโซน สถานการณ์ความผันผวนของราคาน้ำมัน การนำมาตรการนโยบายผ่อนคลายทางการเงินต่างประเทศ สัญญาณฟื้นตัวเศรษฐกิจของสหรัฐฯ การก่อการร้าย นอกจากนี้ นักลงทุนยังให้ความสำคัญกับสถานการณ์ในประเทศ เช่น ผลประกอบการบจ.สิ้นปี 2557 สถานการณ์ทางการเมืองเกี่ยวกับทุจริตจำนำข้าว
"ใน 3เดือนข้างหน้านักลงทุนส่วนใหญ่มองว่าตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มทรงตัว ขณะที่กลุ่มบัญชีหลักทรัพย์มองว่าตลาดหุ้นไทยจะมีความร้อนแรง เพราะในช่วงที่สำรวจดัชนีอยู่ระดับประมาณ 1,500 จุด สำหรับหมวดอุตสาหกรรมที่น่าลงทุนมากที่สุด นักลงทุนรายย่อย นักลงทุนต่างประเทศ และบัญชีหลักทรัพย์ มองว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์น่าสนใจลงทุนมากที่สุดและธุรกิจการเงิน ส่วนนักลงทุนสถาบันมองว่าธุรกิจไอซีทีมีความน่าสนใจลงทุนมากที่สุด ส่วนอุตสาหกรรมไม่น่าสนใจมากที่สุดคือทรัพยากร จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง โดยนักลงทุนทุกกลุ่มลงความเห็นเป็นทิศทางเดียวกัน" นางวรวรรณ กล่าว
ตลาดหลักทรพัย์แห่งประเทศไทยปิดตลาดวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2558 ไปที่ 1,607.92 จุด เพิ่มขึ้น 8.11 จุด เปลี่ยนแปลง +0.51% มูลค่าการซื้อขาย 54,382.38 ล้านบาท โดยระหว่างเทรดแตะจุดสูงสุดที่ 1,607.92 จุด และต่ำสุดที่ 1,588.06 จุดโดยนักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 522.26 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 106.87 ล้านบาท ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 237.55 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 391.58 ล้านบาท
นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผุ้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.ทรินีตี้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวผันผวนโดยปรับตัวลงถึง 10.13 จุดดัชนีอยู่ที่ 1,589.68 จุด เปลียนแปลง -0.63% เมื่อเวลา 14.33 น. ก่อนจะดีดกลับขึ้นมาปิดตลาดในแดนบวกได้ในที่สุด
“ดัชนีที่ปรับลดลง 10 จุด เป็นผลจากกลุ่มพลังงานถึง 7 จุดขณะที่ปัจจัยภายนอกยังไม่โดนเด่น อาจต้องจับตาการเจรจาการยืดหนี้ของกรีซ หลังธนาคารกลางยุโรป(ECB)ตัดสินใจระงับสิทธิพิเศษที่เคยให้แก่สถาบันการเงินต่างๆ ของกรีซในการใช้พันธบัตรรัฐบาลมาใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันขอเงินกู้จากธนาคารกลาง” นายณัฐชาต กล่าว
ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.ทรินีตี้ คาดการณ์ความเคลื่อนไหวดัชนีวันนี้ (6 ก.พ.) ยังคงแกว่งตัวทั้งแดนบวก-ลบ จากปัจจัยทั้งสองด้าน โดยปัจจัยบวกมาจากจีนลดการตั้งสำรองฯของแบงก์พาณิชย์ 0.5% ส่งผลดีต่อสภาพคล่องทั่วโลก ส่วนปัจจัยลบมาจากธนาคารกลางยุโรป หรือ ECB ยุติการช่วยเหลือกรีซชั่วคราว ภายหลังจากที่กรีซไม่แสดงเจตจำนงจะทำตามแผนที่ให้ไว้ ส่งผลให้ Bond yield ของกรีซสูงขึ้น และ Sentiment ตลาดยุโรปส่วนใหญ่เป็นลบ โดยเฉพาะตลาดกรีซร่วงไปถึง 7%
“จะต้องติดตามประเด็นสำคัญที่ รมว.คลังของเยอรมันจะหารือกับรมว.คลังของกรีซ ซึ่งในกรณี Base case ผลน่าจะออกมาว่ายังไม่มีบทสรุป แต่ประเด็นเรื่องกรีซน่าจะสร้างความผันวนให้กับตลาดหุ้นทั่วโลกในระยะต่อไป ดังนั้นจึงมองว่าตลาดบ้านเราก็น่าจะยังผันผวนและมีโอกาสแกว่งตัวลงได้” นายณัฐชาต กล่าว