วานนี้ (2 ก.พ.) นายฉัตรชัย วิรัตน์โยสินทร์ ผู้อำนวยการสายการตลาด บริษัท สิงห์ คอร์ปอเรชัน จำกัด กล่าวถึงการเปิดรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับร่าง พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ฉบับใหม่ ของคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (สคอ.)ว่า เป็นการรับฟังความคิดเห็นที่ไม่ครอบคลุม มีการเชิญผู้ประกอบการมาเพียงไม่กี่ราย และส่วนใหญ่ก็ไม่ได้แสดงความคิดเห็น เพราะเพิ่งได้รับเอกสารก่อนการประชุมไม่นาน ทั้งนี้มองในแง่ธุรกิจ และแง่ประชาชนทั่วไป เนื้อหาของพ.ร.บ.ดังกล่าว เป็นการให้อำนาจเจ้าหน้าที่จากกระทรวงสาธารณสุขมากกว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ สามารถเข้าตรวจค้นที่ใดๆ ก็ได้ เพียงแค่ความเชื่อที่ว่า จะมีการดื่มหรือจำหน่ายสุรานอกเวลาที่กำหนด
"ในร่าง พ.ร.บ.ระบุว่า เพียงแค่เชื่อว่ามีพฤติกรรมจำหน่ายนอกเวลา ก็สามารถเข้าตรวจค้นได้ ถือว่าน่ากลัวมาก เพราะเป็นเพียงการใช้ดุลพินิจ ใช้ความเชื่อ ก็สามารถเข้าตรวจสอบได้ทุกที่ เวลาไหนก็ได้" นายฉัตรชัย กล่าว
** ปูดตัดอำนาจนายกฯกรอง กม.
นายฉัตรชัย กล่าวอีกว่า กฎหมายฉบับนี้กระทบสิทธิพื้นฐานของประชาชนอย่างชัดเจน ซึ่งมีการกำหนดว่า นายกรัฐมนตรี ต้องรับทราบการเปลี่ยนแปลงกฎหมายลักษณะนี้ด้วย แต่มีความพยายามตัดอำนาจนายกฯ และให้อำนาจตัดสินใจออกกฎหมายอยู่ที่รมว.สาธารณสุขเท่านั้น จึงถือว่าไม่เหมาะสม เพราะนอกจากสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนแล้ว นายกฯ ยังกำกับดูแลงานกระทรวงต่างๆ เพื่อให้นโยบายสอดคล้องเป็นไปในทิศทางเดียวกัน แต่กฎหมายนี้จะมีผลกระทบต่อนโยบายของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
"ที่ผ่านมาไม่ว่ารัฐธรรมนูญฉบับไหนๆ ก็จะรับรองสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนอย่างเท่าเทียมกัน ประชาชนที่ประกอบธุรกิจที่ถูกต้องตามกฎหมาย จะถูกคุ้มครอง ขณะที่กฎหมายฉบับนี้ จะกระทบกระเทือนสิทธิขั้นพื้นฐาน การรับรู้ข่าวสารของประชาชนโดยทั่วไป ดังนั้นเมื่อยังไม่มีรัฐธรรมนูญฉบับถาวร โดยมารยาทแล้วไม่ควรนำเสนอช่วงเวลาแบบนี้ ควรนำเสนอในช่วงระยะเวลาปกติ ไม่ใช่มาเร่งรีบผิดปกติอย่างนี้"
** หนุนบังคับใช้ กม.เดิมให้ดีก่อน
นายฉัตรชัย กล่าวถึงประเด็นทางการตลาดว่าด้วยตราสัญลักษณ์ หรือโลโก้ ด้วยว่า การปรากฏโลโก้ ไม่ได้หมายความว่า จะทำให้คนต้องดื่มแอลกอฮอล์ ต้องมีองค์ประกอบหลายอย่าง ไม่ใช่ว่าเห็นโลโก้ แล้วต้องดื่ม ถือเป็นการวิเคราะห์ในมุมเดียว ถ้าผลักดันกฎหมายนี้มีผลบังคับใช้โดยไม่สนใจใคร สุดท้ายตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ คือ สู้กันที่ราคา เชื่อว่าไม่เกิน 5 ปี สินค้าจะไม่มีคุณภาพ เน้นขายถูกกันอย่างเดียว แต่จะสู้สินค้าจากจีน เวียดนาม หรือกัมพูชา ที่ราคาถูกมากไม่ได้ และยิ่งสินค้าราคาถูก คุณภาพลดลง ก็ยิ่งทำลายสุขภาพ ทั้งนี้ มองว่า ถ้ากฎหมายนี้มีผลบังคับใช้ จะส่งเสริมให้มีการทุจริตมากขึ้น เหมือนช่วง 10 ปีที่ผ่านมา สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ใช้งบประมาณไปกว่า 3 หมื่นล้านบาท แต่ก็ทำให้คนดื่มลดลงไม่สำเร็จ
"อยากให้ สคอ. เปลี่ยนวิธีการคิดใหม่ๆ เพราะการนำเงินไปใช้ใน สสส. ถล่มบริษัทที่ผลิตแอลกอฮอล์อย่างเดียว มันผิดเป้าหมายตั้งแต่ต้น แทนที่จะร่วมกันใช้กฎหมายให้ถูกต้อง เช่น เมาไม่ขับ ซึ่งดีมากอยู่แล้ว ลองย้อนดูว่า ทำจริงจังหรือบังคับใช้จริงจังหรือยัง หากทำอย่างจริงจังเชื่อว่าอุบัติเหตุลดลงแน่นอน” นายฉัตรชัย ระบุ
**“หมอสมาน”ชี้ต้องขันน๊อต
ด้าน นพ.สมาน ฟูตระกูล ผู้อำนวยการสำนักคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (สคอ.) กล่าวว่า เบื้องต้น ร่างกฎหมายฉบับนี้ต้องการลดผลกระทบปัญหาเศรษฐกิจ สังคม สร้างเสริมสุขภาพประชาชน ตลอดจนช่วยป้องกันการเข้าถึงแอลกอฮอล์ของเด็ก และเยาวชนด้วย เนื่องจากปัจจุบันกฎหมายหรือประกาศต่างๆ มีช่องโหว่หลายประการ และมีโทษสถานเบาเท่านั้น
"ในร่าง พ.ร.บ.ระบุว่า เพียงแค่เชื่อว่ามีพฤติกรรมจำหน่ายนอกเวลา ก็สามารถเข้าตรวจค้นได้ ถือว่าน่ากลัวมาก เพราะเป็นเพียงการใช้ดุลพินิจ ใช้ความเชื่อ ก็สามารถเข้าตรวจสอบได้ทุกที่ เวลาไหนก็ได้" นายฉัตรชัย กล่าว
** ปูดตัดอำนาจนายกฯกรอง กม.
นายฉัตรชัย กล่าวอีกว่า กฎหมายฉบับนี้กระทบสิทธิพื้นฐานของประชาชนอย่างชัดเจน ซึ่งมีการกำหนดว่า นายกรัฐมนตรี ต้องรับทราบการเปลี่ยนแปลงกฎหมายลักษณะนี้ด้วย แต่มีความพยายามตัดอำนาจนายกฯ และให้อำนาจตัดสินใจออกกฎหมายอยู่ที่รมว.สาธารณสุขเท่านั้น จึงถือว่าไม่เหมาะสม เพราะนอกจากสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนแล้ว นายกฯ ยังกำกับดูแลงานกระทรวงต่างๆ เพื่อให้นโยบายสอดคล้องเป็นไปในทิศทางเดียวกัน แต่กฎหมายนี้จะมีผลกระทบต่อนโยบายของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
"ที่ผ่านมาไม่ว่ารัฐธรรมนูญฉบับไหนๆ ก็จะรับรองสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนอย่างเท่าเทียมกัน ประชาชนที่ประกอบธุรกิจที่ถูกต้องตามกฎหมาย จะถูกคุ้มครอง ขณะที่กฎหมายฉบับนี้ จะกระทบกระเทือนสิทธิขั้นพื้นฐาน การรับรู้ข่าวสารของประชาชนโดยทั่วไป ดังนั้นเมื่อยังไม่มีรัฐธรรมนูญฉบับถาวร โดยมารยาทแล้วไม่ควรนำเสนอช่วงเวลาแบบนี้ ควรนำเสนอในช่วงระยะเวลาปกติ ไม่ใช่มาเร่งรีบผิดปกติอย่างนี้"
** หนุนบังคับใช้ กม.เดิมให้ดีก่อน
นายฉัตรชัย กล่าวถึงประเด็นทางการตลาดว่าด้วยตราสัญลักษณ์ หรือโลโก้ ด้วยว่า การปรากฏโลโก้ ไม่ได้หมายความว่า จะทำให้คนต้องดื่มแอลกอฮอล์ ต้องมีองค์ประกอบหลายอย่าง ไม่ใช่ว่าเห็นโลโก้ แล้วต้องดื่ม ถือเป็นการวิเคราะห์ในมุมเดียว ถ้าผลักดันกฎหมายนี้มีผลบังคับใช้โดยไม่สนใจใคร สุดท้ายตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ คือ สู้กันที่ราคา เชื่อว่าไม่เกิน 5 ปี สินค้าจะไม่มีคุณภาพ เน้นขายถูกกันอย่างเดียว แต่จะสู้สินค้าจากจีน เวียดนาม หรือกัมพูชา ที่ราคาถูกมากไม่ได้ และยิ่งสินค้าราคาถูก คุณภาพลดลง ก็ยิ่งทำลายสุขภาพ ทั้งนี้ มองว่า ถ้ากฎหมายนี้มีผลบังคับใช้ จะส่งเสริมให้มีการทุจริตมากขึ้น เหมือนช่วง 10 ปีที่ผ่านมา สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ใช้งบประมาณไปกว่า 3 หมื่นล้านบาท แต่ก็ทำให้คนดื่มลดลงไม่สำเร็จ
"อยากให้ สคอ. เปลี่ยนวิธีการคิดใหม่ๆ เพราะการนำเงินไปใช้ใน สสส. ถล่มบริษัทที่ผลิตแอลกอฮอล์อย่างเดียว มันผิดเป้าหมายตั้งแต่ต้น แทนที่จะร่วมกันใช้กฎหมายให้ถูกต้อง เช่น เมาไม่ขับ ซึ่งดีมากอยู่แล้ว ลองย้อนดูว่า ทำจริงจังหรือบังคับใช้จริงจังหรือยัง หากทำอย่างจริงจังเชื่อว่าอุบัติเหตุลดลงแน่นอน” นายฉัตรชัย ระบุ
**“หมอสมาน”ชี้ต้องขันน๊อต
ด้าน นพ.สมาน ฟูตระกูล ผู้อำนวยการสำนักคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (สคอ.) กล่าวว่า เบื้องต้น ร่างกฎหมายฉบับนี้ต้องการลดผลกระทบปัญหาเศรษฐกิจ สังคม สร้างเสริมสุขภาพประชาชน ตลอดจนช่วยป้องกันการเข้าถึงแอลกอฮอล์ของเด็ก และเยาวชนด้วย เนื่องจากปัจจุบันกฎหมายหรือประกาศต่างๆ มีช่องโหว่หลายประการ และมีโทษสถานเบาเท่านั้น
