ผบ.ตร.แถลงรวบยกแก๊ง “บางอ้อ” ยิงแม่ค้าก๋วยเตี๋ยวนครชัยศรีดับ สารภาพตั้งใจไปเคลียร์ปัญหากับลูกชายผู้ตาย แต่ถูกยิงก่อน 5 นัด เลยยิงสวนไป 3 นัด ยันไม่ได้ยกมือไหว้ขอชีวิตลูกชาย แต่กำลังจะปิดประตูบ้านช่วยลูก เลยถูกลูกหลง ขณะที่การทำแผนทำอย่างเร่งรีบหวั่นโดนประชาฑัณฑ์ ขณะญาติแย้ง "ไอ้เอ็ม" มือยิงทำแค่ขี่รถ แต่ไม่ได้ยิง พร้อมสั่งเด้ง “พ.ต.อ.ธีระเดช” ผกก.สภ.นครชัยศรี เซ่นคดีล่าช้า
วานนี้ (29 ม.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย ผบช.ส. พล.ต.ต.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบช.น. พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ รอง ผบช.สยศ.ตร. และพล.ต.ต.คัชชา ธาตุศาสตร์ ผบก.กองแผนงานอาชญากรรม ร่วมกันแถลงผลการจับกุม นายยุทธนา หรือเอ็ม สมบูรณ์ อายุ 24 ปี และนายธวัฒน์ หรืออ้วน แก้วงาม ผู้ต้องหาร่วมกันก่อเหตุยิงนางกรณัฐ หรือเจ๊นัด ปุเรนโสภา อายุ 39 ปี แม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยวเสียชีวิต ที่ริมถนนหน้าบ้าน ต.บางกระเบา อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม เหตุเกิดเมื่อเวลา 21.30 น. วันที่ 24 มกราคมที่ผ่านมา พร้อมของกลางอาวุธปืนสั้นขนาด 9 มม.1 กระบอก กระสุนปืน 9 มม.7 นัด, ระเบิดทำขึ้นเองคล้ายระเบิดปิงปอง 1 ลูก ปลอกกระสุน 9 มม. ซึ่งเก็บได้จากที่เกิดเหตุ 3 ปลอก หัวกระสุนปืนซึ่งเก็บได้จากที่เกิดเหตุ 1 หัว รถยนต์มิตซูบิชิสีน้ำเงิน 1 คัน จักรยานยนต์ 9 คัน โทรศัพท์มือถือซัมซุง 1 เครื่อง นอกจากนี้ยังจับกุมผู้ต้องหาที่ร่วมก่อเหตุซึ่งเป็นเยาวชนอีก 16 คน
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า คดีนี้ได้มีกระแสข่าวคนร้ายก่อเหตุอย่างอุกอาจ ใช้อาวุธปืนจ่อยิงผู้ตายทั้งที่ได้คุกเข่าร้องขอชีวิต เป็นพฤติกรรมที่โหดเหี้ยม ทำให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กำชับให้เร่งสืบสวนคลี่คลายคดีให้ได้โดยเร็วที่สุด เพราะถือเป็นคดีอุกฉกรรจ์ สะเทือนขวัญ ยิงผู้หญิงเสียชีวิตกลางที่ชุมชน จึงได้สั่งการให้คณะพนักงานสืบสวนในคดีอาญาสำคัญ ที่มี พล.ต.อ.จักรทิพย์ เป็นหัวหน้าชุด ลงพื้นที่เร่งรัดคลี่คลายคดี ร่วมกับตำรวจสืบสวน บช.ภ.7 ก่อนจะสามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่ร่วมก่อเหตุได้ทั้งหมด
ทั้งนี้ จากแนวทางการสืบสวนและการสอบปากคำพยานที่อยู่ในเหตุการณ์ พยานแวดล้อม สอดคล้องตรงกันว่ามีการยิงโต้ตอบกันระหว่างกลุ่มลูกชายของผู้เสียชีวิตกับกลุ่มของผู้ต้องหาเป็นเหตุให้ผู้ตายถูกลูกหลง ไม่ได้มีการคุกเข่าร้องขอชีวิตตามที่มีกระแสข่าวก่อนหน้านี้
พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุนายยุทธนา และนายธวัฒน์ รวมทั้งผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้ทั้งหมดซึ่งเป็นสมาชิกแก๊งบางอ้อ มีนายบีม (นามสมมติ) เป็นหัวหน้า ได้มีเรื่องทะเลาะวิวาทกับกลุ่มของลูกชายผู้เสียชีวิต และวันเกิดเหตุเวลา 19.30 น. นายยุทธนา และนายธวัฒน์ พร้อมพวกได้รวมกลุ่มกันขี่จักรยานยนต์กว่า 10 คันไปขว้างระเบิดที่ทำขึ้นเองคล้ายระเบิดปิงปองใส่ร้านก๋วยเตี๋ยวที่เกิดเหตุหลายครั้ง
โดยขณะนั้นผู้เสียชีวิตกำลังขายก๋วยเตี๋ยวอยู่ สร้างความแตกตื่นให้ประชาชนละแวกดังกล่าว เพื่อยั่วยุให้คู่กรณีออกมาแต่ไม่เป็นผล ต่อมาเมื่อเวลา 21.30 น. ขณะที่ผู้เสียชีวิตกำลังเก็บร้าน กลุ่มผู้ต้องหาก็ย้อนกลับมาอีกก่อนเปิดฉากยิงใส่ในร้านหลายนัด จนมีการยิงตอบโต้กัน นางกรณัฐ จึงถูกยิงเสียชีวิตถึงแก่ความตาย คณะทำงานได้สืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถระบุตัวและจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุได้ คือ นายยุทธนา นายธนวัฒน์ และนายบีม (นามสมมติ) ขณะหลบหนีกบดานอยู่ใน อ.ห้วยกระเจา จ.กาญจนบุรี และติดตามจับกุมตัวกลุ่มวัยรุ่น 16 คนที่เดินทางไปร่วมก่อเหตุ โดยทั้งหมดยังเป็นเยาวชน
สำหรับนายธนวัฒน์ เคยถูกดำเนินคดีข้อหาเสพยาเสพติด ลักทรัพย์ และรับของโจรรวม 10 คดี ล่าสุดเพิ่งพ้นโทษคดีพยายามลักทรัพย์ในสถานที่ราชการ ออกจากเรือนจำเมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 24 ม.ค. แต่ในช่วงค่ำก็มาก่อเหตุ
จากการสอบสวนนายยุทธนารับสารภาพว่า ได้ร่วมกันกระทำความผิดตามข้อกล่าวหาจริง ก่อนหน้านี้ กลุ่มตนได้มีปัญหาทะเลาะวิวาทกับกลุ่มของลูกชายผู้เสียชีวิต ในวันที่เกิดเหตุช่วงค่ำนายบีมได้ร่วมกันกับกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวขับขี่จักรยานยนต์ไปขว้างระเบิดที่ทำขึ้นเองคล้ายระเบิดปิงปองใส่หน้าร้านที่เกิดเหตุหลายครั้ง ต่อมานายบีมได้ชักชวนตนและนายธวัฒน์ ร่วมกับแก๊งวัยรุ่นขับขี่จักรยานยนต์ของกลาง 9 คันไปยังที่เกิดเหตุอีกครั้ง ตอนแรกตนตั้งใจจะไปเคลียร์กับลูกชายผู้เสียชีวิต เกี่ยวกับเรื่องที่รุ่นน้องตนถูกทำร้าย แต่อีกฝ่ายได้ชักมีดมาขู่ตนจึงได้ชักปืนออกเพื่อแสดงให้รู้ว่ามีปืน ปรากฏว่าคู่กรณีได้ยิงปืนเข้าใส่พวกตน 5 นัด นายธวัฒน์จึงได้ยิงปืนสวนไป 3 นัด เป็นจังหวะที่นางกรณัฐซึ่งหลบอยู่หลังเสาไฟฟ้าเดินไปปิดประตูบ้านให้ลูกชาย จึงถูกยิงเสียชีวิต อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าพวกตนไม่ได้มีเจตนายิงผู้ตาย ที่ทำไปเพื่อป้องกันตัวเท่านั้น
เบื้องต้นแจ้งข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร ขณะที่ในช่วงบ่ายวันนี้จะควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพในที่เกิดเหตุด้วย
ต่อมาเมื่อเวลา 15.30 น. ที่ถนนท่านา-นครชัยศรี หน้าร้านก๋วยเตี๋ยวหมี่หยกเป็ดย่าง เลขที่ 64/19 ต.บางกระเบา อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม พล.ต.ต.พจน์ บุญมากภาคย์ ผบก.ภ.จว.นครปฐม ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนภูธรจังหวัดนครปฐม ร่วมกับชุดกำลังจู่โจมตำรวจภาค 7 รวมกำลังกว่า 100 นายเพื่อทำการปิดถนนทำแผนประกอบคำรับสารภาพ 2 คนร้ายที่เป็นคนลงมือยิงสังหารนางกรณัฐ ท่ามกลางเสียงก่นด่าสาปแช่งจากญาติผู้ตายที่มาคอยดูการทำแผนประกอบคำรับสารภาพด้วยความโกรธแค้น
นอกจากนี้ ทางญาติของผู้ตายยังได้มีการตะโกนแสดงความไม่พอใจในการแผนของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ให้นายยุทธนา หรือ เอ็ม เป็นเพียงผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ โดยมีนายธวัฒน์ หรืออ้วน เป็นผู้นั่งซ้อนท้ายและชักอาวุธปืนยิงเข้าไปที่หน้าร้าน 3 นัด ซึ่งญาติบางคนบอกว่าคนยิง คือ นายยุทธนา หรือเอ็ม เป็นคนยิงไม่ใช่นายธนวัฒน์ หรืออ้วน ตามที่มีการทำแผน
รายงานข่าวแจ้งเพิ่มเติมว่า พล.ต.ท.วีรพงษ์ ชื่นภักดี ผบช.ภ.7 ได้ลงนามคำสั่งให้ พ.ต.อ.ธีระเดช อธิภัคกุล ผกก.สภ.นครชัยศรี ไปช่วยรายการที่ศูนย์ปฏิบัติการกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 โดยให้ขาดจากตำแหน่งเดิม จากเหตุที่เกิดขึ้น แต่การดำเนินการกลับล่าช้า
วานนี้ (29 ม.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย ผบช.ส. พล.ต.ต.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบช.น. พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ รอง ผบช.สยศ.ตร. และพล.ต.ต.คัชชา ธาตุศาสตร์ ผบก.กองแผนงานอาชญากรรม ร่วมกันแถลงผลการจับกุม นายยุทธนา หรือเอ็ม สมบูรณ์ อายุ 24 ปี และนายธวัฒน์ หรืออ้วน แก้วงาม ผู้ต้องหาร่วมกันก่อเหตุยิงนางกรณัฐ หรือเจ๊นัด ปุเรนโสภา อายุ 39 ปี แม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยวเสียชีวิต ที่ริมถนนหน้าบ้าน ต.บางกระเบา อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม เหตุเกิดเมื่อเวลา 21.30 น. วันที่ 24 มกราคมที่ผ่านมา พร้อมของกลางอาวุธปืนสั้นขนาด 9 มม.1 กระบอก กระสุนปืน 9 มม.7 นัด, ระเบิดทำขึ้นเองคล้ายระเบิดปิงปอง 1 ลูก ปลอกกระสุน 9 มม. ซึ่งเก็บได้จากที่เกิดเหตุ 3 ปลอก หัวกระสุนปืนซึ่งเก็บได้จากที่เกิดเหตุ 1 หัว รถยนต์มิตซูบิชิสีน้ำเงิน 1 คัน จักรยานยนต์ 9 คัน โทรศัพท์มือถือซัมซุง 1 เครื่อง นอกจากนี้ยังจับกุมผู้ต้องหาที่ร่วมก่อเหตุซึ่งเป็นเยาวชนอีก 16 คน
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า คดีนี้ได้มีกระแสข่าวคนร้ายก่อเหตุอย่างอุกอาจ ใช้อาวุธปืนจ่อยิงผู้ตายทั้งที่ได้คุกเข่าร้องขอชีวิต เป็นพฤติกรรมที่โหดเหี้ยม ทำให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กำชับให้เร่งสืบสวนคลี่คลายคดีให้ได้โดยเร็วที่สุด เพราะถือเป็นคดีอุกฉกรรจ์ สะเทือนขวัญ ยิงผู้หญิงเสียชีวิตกลางที่ชุมชน จึงได้สั่งการให้คณะพนักงานสืบสวนในคดีอาญาสำคัญ ที่มี พล.ต.อ.จักรทิพย์ เป็นหัวหน้าชุด ลงพื้นที่เร่งรัดคลี่คลายคดี ร่วมกับตำรวจสืบสวน บช.ภ.7 ก่อนจะสามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่ร่วมก่อเหตุได้ทั้งหมด
ทั้งนี้ จากแนวทางการสืบสวนและการสอบปากคำพยานที่อยู่ในเหตุการณ์ พยานแวดล้อม สอดคล้องตรงกันว่ามีการยิงโต้ตอบกันระหว่างกลุ่มลูกชายของผู้เสียชีวิตกับกลุ่มของผู้ต้องหาเป็นเหตุให้ผู้ตายถูกลูกหลง ไม่ได้มีการคุกเข่าร้องขอชีวิตตามที่มีกระแสข่าวก่อนหน้านี้
พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุนายยุทธนา และนายธวัฒน์ รวมทั้งผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้ทั้งหมดซึ่งเป็นสมาชิกแก๊งบางอ้อ มีนายบีม (นามสมมติ) เป็นหัวหน้า ได้มีเรื่องทะเลาะวิวาทกับกลุ่มของลูกชายผู้เสียชีวิต และวันเกิดเหตุเวลา 19.30 น. นายยุทธนา และนายธวัฒน์ พร้อมพวกได้รวมกลุ่มกันขี่จักรยานยนต์กว่า 10 คันไปขว้างระเบิดที่ทำขึ้นเองคล้ายระเบิดปิงปองใส่ร้านก๋วยเตี๋ยวที่เกิดเหตุหลายครั้ง
โดยขณะนั้นผู้เสียชีวิตกำลังขายก๋วยเตี๋ยวอยู่ สร้างความแตกตื่นให้ประชาชนละแวกดังกล่าว เพื่อยั่วยุให้คู่กรณีออกมาแต่ไม่เป็นผล ต่อมาเมื่อเวลา 21.30 น. ขณะที่ผู้เสียชีวิตกำลังเก็บร้าน กลุ่มผู้ต้องหาก็ย้อนกลับมาอีกก่อนเปิดฉากยิงใส่ในร้านหลายนัด จนมีการยิงตอบโต้กัน นางกรณัฐ จึงถูกยิงเสียชีวิตถึงแก่ความตาย คณะทำงานได้สืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถระบุตัวและจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุได้ คือ นายยุทธนา นายธนวัฒน์ และนายบีม (นามสมมติ) ขณะหลบหนีกบดานอยู่ใน อ.ห้วยกระเจา จ.กาญจนบุรี และติดตามจับกุมตัวกลุ่มวัยรุ่น 16 คนที่เดินทางไปร่วมก่อเหตุ โดยทั้งหมดยังเป็นเยาวชน
สำหรับนายธนวัฒน์ เคยถูกดำเนินคดีข้อหาเสพยาเสพติด ลักทรัพย์ และรับของโจรรวม 10 คดี ล่าสุดเพิ่งพ้นโทษคดีพยายามลักทรัพย์ในสถานที่ราชการ ออกจากเรือนจำเมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 24 ม.ค. แต่ในช่วงค่ำก็มาก่อเหตุ
จากการสอบสวนนายยุทธนารับสารภาพว่า ได้ร่วมกันกระทำความผิดตามข้อกล่าวหาจริง ก่อนหน้านี้ กลุ่มตนได้มีปัญหาทะเลาะวิวาทกับกลุ่มของลูกชายผู้เสียชีวิต ในวันที่เกิดเหตุช่วงค่ำนายบีมได้ร่วมกันกับกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวขับขี่จักรยานยนต์ไปขว้างระเบิดที่ทำขึ้นเองคล้ายระเบิดปิงปองใส่หน้าร้านที่เกิดเหตุหลายครั้ง ต่อมานายบีมได้ชักชวนตนและนายธวัฒน์ ร่วมกับแก๊งวัยรุ่นขับขี่จักรยานยนต์ของกลาง 9 คันไปยังที่เกิดเหตุอีกครั้ง ตอนแรกตนตั้งใจจะไปเคลียร์กับลูกชายผู้เสียชีวิต เกี่ยวกับเรื่องที่รุ่นน้องตนถูกทำร้าย แต่อีกฝ่ายได้ชักมีดมาขู่ตนจึงได้ชักปืนออกเพื่อแสดงให้รู้ว่ามีปืน ปรากฏว่าคู่กรณีได้ยิงปืนเข้าใส่พวกตน 5 นัด นายธวัฒน์จึงได้ยิงปืนสวนไป 3 นัด เป็นจังหวะที่นางกรณัฐซึ่งหลบอยู่หลังเสาไฟฟ้าเดินไปปิดประตูบ้านให้ลูกชาย จึงถูกยิงเสียชีวิต อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าพวกตนไม่ได้มีเจตนายิงผู้ตาย ที่ทำไปเพื่อป้องกันตัวเท่านั้น
เบื้องต้นแจ้งข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร ขณะที่ในช่วงบ่ายวันนี้จะควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพในที่เกิดเหตุด้วย
ต่อมาเมื่อเวลา 15.30 น. ที่ถนนท่านา-นครชัยศรี หน้าร้านก๋วยเตี๋ยวหมี่หยกเป็ดย่าง เลขที่ 64/19 ต.บางกระเบา อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม พล.ต.ต.พจน์ บุญมากภาคย์ ผบก.ภ.จว.นครปฐม ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนภูธรจังหวัดนครปฐม ร่วมกับชุดกำลังจู่โจมตำรวจภาค 7 รวมกำลังกว่า 100 นายเพื่อทำการปิดถนนทำแผนประกอบคำรับสารภาพ 2 คนร้ายที่เป็นคนลงมือยิงสังหารนางกรณัฐ ท่ามกลางเสียงก่นด่าสาปแช่งจากญาติผู้ตายที่มาคอยดูการทำแผนประกอบคำรับสารภาพด้วยความโกรธแค้น
นอกจากนี้ ทางญาติของผู้ตายยังได้มีการตะโกนแสดงความไม่พอใจในการแผนของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ให้นายยุทธนา หรือ เอ็ม เป็นเพียงผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ โดยมีนายธวัฒน์ หรืออ้วน เป็นผู้นั่งซ้อนท้ายและชักอาวุธปืนยิงเข้าไปที่หน้าร้าน 3 นัด ซึ่งญาติบางคนบอกว่าคนยิง คือ นายยุทธนา หรือเอ็ม เป็นคนยิงไม่ใช่นายธนวัฒน์ หรืออ้วน ตามที่มีการทำแผน
รายงานข่าวแจ้งเพิ่มเติมว่า พล.ต.ท.วีรพงษ์ ชื่นภักดี ผบช.ภ.7 ได้ลงนามคำสั่งให้ พ.ต.อ.ธีระเดช อธิภัคกุล ผกก.สภ.นครชัยศรี ไปช่วยรายการที่ศูนย์ปฏิบัติการกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 โดยให้ขาดจากตำแหน่งเดิม จากเหตุที่เกิดขึ้น แต่การดำเนินการกลับล่าช้า