xs
xsm
sm
md
lg

ปปช.ชี้หาก"ปู"หนีคดีจำนำข้าวออกหมายจับแน่! คสช.เผยยังไม่มีการขอไปนอก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ป.ป.ช.ขู่ออกหมายจับ"ยิ่งลักษณ์" หากหนีคดีจำนำข้าว คาด 30 วันรอ อสส.ร่างสำนวน ส่งฟ้องต่อศาลฎีกาฯ โฆษก คสช. แจงหลังถอดถอน ยังไม่มีการเคลื่อนไหวป่วน ยัน สนช. มีเอกภาพ ไม่เกี่ยวใบสั่งคสช. เผย"ปู" ยังไม่ขอบินไปต่างประเทศ ย้ำถ้าจะไปต้องขออนุญาต ด้านเพื่อไทย ยังไม่เคลื่อนไหว อ้างไม่อยากจุดไฟขัดแย้ง ลั่นหากยังมีการไล่ล่า ปัญหาไม่จบแน่ ด้าน"ประสาร"ระบุถอดถอนครั้งนี้ไม่มีการกลั่นแกล้ง หากจะโทษควรโทษเจ้าของนโยบาย "ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ ยิ่งลักษณ์รับกรรม" ด้าน"มาสเตอร์โพล"เผยแกนนำชุมชนกว่า ร้อยละ 85 เห็นด้วยถอดถอน "ปู" ยกเหตุจะเป็นการสร้างบรรทัดฐานใหม่ให้สังคม และคนเป็นผู้นำ

หลังจากนักกฎหมาย เสนอแนะกับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ( คสช.)ให้เฝ้าติดตาม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่เพิ่งถูกถอดถอนจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ว่า เกรงจะหลบหนีออกนอกประเทศ หลังจากอัยการสูงสุดได้สั่งฟ้องคดีทุจริตจำนำข้าวแล้ว โดยอ้างถึงกฎหมายที่ ระบุว่า คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ( ป.ป.ช.) จะต้องส่งตัวผู้ถูกกล่าวหาฟ้องศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองภายใน 30 วัน

วานนี้ (25 ม.ค.) นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ขั้นตอนการประสานงานกับอัยการสูงสุดในการนำตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ส่งฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หลังจากนี้ต้องรออัยการสูงสุดร่างสำนวนคำฟ้องคดีอาญา โครงการรับจำนำข้าวของน.ส.ยิ่งลักษณ์ เพื่อส่งฟ้องต่อศาลฎีกาฯ ทราบว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือน
เมื่ออัยการสูงสุดร่างสำนวนเสร็จแล้ว จะประสานงานมายังป.ป.ช. เพื่อให้ ป.ป.ช. ทำหนังสือแจ้งไปยังผู้ถูกฟ้องทราบ เพื่อให้เดินทางไปรายงานตัวต่ออัยการสูงสุดในวันที่จะส่งฟ้องคดี

"หากผู้ถูกฟ้องไม่ไปรายงานตัวตามวันเวลาที่กำหนด อัยการสูงสุดจะประสานมายังป.ป.ช.อีกครั้ง เพื่อให้ดำเนินการนำตัวให้ได้มา ในการส่งฟ้อง ซึ่ง ป.ป.ช. อาจจะติดต่อไปยังผู้ถูกฟ้องโดยตรง หรือหากพบว่ามีพฤติการณ์หลบหนี ก็จะประสานงานกับพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินการออกหมายจับต่อไป แต่เชื่อว่า ผู้ถูกฟ้องพร้อมที่จะสู้คดี ในกระบวนการยุติธรรม" เลขาฯป.ป.ช. กล่าวในที่สุด

**จ่อเช็กบิลส.ส.เสียบบัตรแทนกัน

นายสรรเสริญ กล่าวด้วยว่า ในสัปดาห์นี้ องค์คณะไต่สวนสำนวนคดีอาญา กรณีอดีตส.ส.เสียบบัตรแทนกัน ได้รวบรวมหลักฐานเสร็จในเบื้องต้นแล้ว จะสรุปข้อเท็จจริงเข้าสู่ที่ประชุมป.ป.ช.ชุดใหญ่ พิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาแก่ อดีต ส.ส.ที่มีความผิดในการเสียบบัตรแทนกัน ข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา157 กรณีการเสียบบัตรแทนกัน นอกจากนี้จะมีการพิจารณาไปถึงอดีต ส.ส.บางส่วน ที่อยู่ในคลิปเหตุการณ์ที่มีการเสียบบัตรแทนกันว่า มีส่วนร่วมในการเสียบบัตรแทนกันด้วยหรือไม่ ซึ่งถือเป็นความผิดเฉพาะตัว ไม่สามารถเหมารวมเอาผิดอดีตส.ส.ทั้งสภาฯได้

**"ปู"ยังไม่ติดต่อขอไปนอก

พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และโฆษกกองทัพบก กล่าวถึง สถานการณ์ภายหลังสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ลงมติถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการเคลื่อนไหว หรือการแสดงออกใดๆ ที่มีแนวโน้มจะนำไปสู่เหตุวุ่นวาย มีเพียงการแสดงความคิดเห็นโดยทั่วไปของผู้เห็นต่างเหมือนที่ผ่านมาเท่านั้น ซึ่งถือว่ายังได้รับความร่วมมือจากประชาชนส่วนใหญ่เป็นอย่างดี

สำหรับกรณีความเห็นส่วนบุคคล บางคนอาจพยายามชี้นำ เพื่อเชื่อมโยงว่าคสช. อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำหน้าที่สนช. นั้น ไม่เป็นความจริง ยืนยันทุกองค์กรมีเอกภาพของตน ไม่มีใครสามารถชี้นำอะไรได้

พ.อ.วินธัย กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยังไม่ได้มีการแจ้งคสช. เพื่อขอเดินทางออกนอกประเทศในช่วงนี้ ซึ่งหากน.ส.ยิ่งลักษณ์ หรือบุคคลที่เคยถูกคสช. ให้เข้ารายงานตัว จะเดินทางออกนอกประเทศ ก็มีแนวทางปฏิบัติเดิมของคสช.อยู่แล้ว คือต้องขออนุญาตบอกกล่าวตามขั้นตอน ส่วนการดูแลความสงบเรียบร้อยในภาพรวม ยังเป็นไปตามปกติ โดยมีกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) เป็นผู้ดูแลร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และฝ่ายปกครอง มีการติตาม และประเมินสถานการณ์ตลอดเวลาอยู่แล้ว

พ.อ.วินธัย กล่าวอีกว่า ในวันนี้ (26 ม.ค.) พล.ท.พิสิทธิ์ สิทธิสาร รองเสนาธิการทหารบก ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป (ผอ.ศปป.) จะชี้แจงความคืบหน้า การจัดเวทีระดมความคิดเห็นการปฏิรูปภายใต้กลไกของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) สนับสนุนการทำงานของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และการรวบรวมข้อเสนอแนะต่างๆ จากทุกภาคส่วนทั่วประเทศเพื่อเสนอต่อคสช. ต่อไป

**ปชป.ยันไม่คิดซ้ำเติม"ยิ่งลักษณ์"

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี อดีตส.ส.และแกนนำเสื้อแดง ระบุว่า พรรคประชาธิปัตย์ซ้ำเติม น.ส.ยิ่งลักษณ์ หลังถูกสนช.ถอดถอน ว่า พรรคเพื่อไทยอย่าคิดอะไรเลยเถิด เพราะโดยหลักของคดีใหญ่ๆ หรือบุคคลสำคัญที่ถูกตัดสินโทษในคดีร้ายแรง 90 เปอร์เซ็นต์ ศาลจะมีคำสั่งห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร โดยพิจารณาจากสถานภาพของจำเลย หรือผู้ถูกกล่าวหา ซึ่งสามารถหลบหนีคดีได้ ศาลจะสั่งเช่นนั้น สิ่งที่ตนพูดถึง คสช.ให้ห้ามน.ส.ยิ่งลักษณ์ เดินทางออกนอกราชอาณาจักร ก็เป็นการพูดในหลักการ ไม่มีเจตนาซ้ำเติมอะไร อย่างที่บอกแม้แต่ตนก็ยังถูกห้าม และบุคลิกของตน ก็ไม่ใช่คนประเภทนั้น เพราะเข้าใจในสถานการณ์ได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้มีแกนนำเสื้อแดงเริ่มใช้วาทะกรรมว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรม เกรงจะมีการปลุกปั่น และเข้าสู่วงจรความวุ่นวายอีกครั้งหรือไม่ นายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า ตนเคยแสดงความเห็นต่อคสช. และรัฐบาล รวมถึงแม่น้ำทั้ง 5 สายไปแล้วว่า ควรต้องแก้ 3 ปัญหาใหญ่ โดยทำความเข้าใจกับประชาชนก่อน คือ

1. ต้องอธิบายความหมาย หรือ คำจำกัดความของคำว่า“ประชาธิปไตย”แต่เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ก็จะถูกบิดเบือนว่าดูถูกประชาชน ทั้งที่ความเข้าใจแต่ละสาขาอาชีพต่างกัน จึงมาถกเถียง และเข่นฆ่ากัน

2. ต้องอธิบายเรื่องความยุติธรรม ว่าคืออะไร เพราะง่ายต่อถูกนำไปเบี่ยงเบน และปลุกระดมมวลชน คำว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม อยุติธรรม ใช้ปลุกคนในทุกยุคสมัยมาได้ตลอด ซึ่งนักรัฐศาสตร์บอกว่า คนในสังคมต้องเข้าใจพื้นฐานของความยุติธรรมที่ใกล้เคียงกัน แล้วสังคมนั้นจะไม่ค่อยมีปัญหา แต่ประเทศไทยไม่เคยมีการอธิบาย หรือเรียนรู้ในเรื่องนี้ คนจึงไร้วินัย และไม่เคารพกฎหมาย ฉะนั้นต่อให้ยกร่างรัฐธรรมนูญดีเลิศประเสริฐศรีแค่ไหน ก็ไม่ช่วยแก้ปัญหาสังคมไทยได้ หากไม่มีการแก้ความเข้าใจให้สังคมรู้ถึงความหมาย ประชาธิปไตย และความยุติธรรม

3. หลักเสียงข้างมาก ซึ่งถือเป็นเรื่องที่แม่น้ำทั้ง5 สาย ต้องเร่งทำความเข้าใจ ติดอาวุธทางปัญญาให้ประชาชน เพื่อจะได้รู้หลัก และทำความเข้าใจได้ถูกต้อง

ส่วนกรณีที่คนของพรรคเพื่อไทย ระบุว่า มีขบวนการไล่ล่าคนตระกูลชินวัตรนั้น นายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า เขาถูกปลูกฝังมาอย่างนี้ จึงยากที่จะเปลี่ยนความคิด เพราะเขาถูกปลูกฝังมาเพื่อปลุกระดม หากเป็นเช่นนี้แล้ว ก็จะเป็นอุปสรรคต่อการปรองดอง เพราะความหมายของคำว่า“ปรองดอง” ของเขาคือ ทุกอย่างต้องเจ๊ากันไป หรือพูดง่ายๆ คือ เซ็ทซีโร่ หรือเริ่มนับใหม่ที่ศูนย์ แต่มันขัดกับหลักการปรองดองของสากล ที่ต้องเริ่มต้นจากพิสูจน์ข้อเท็จจริง ต้นเหตุของเรื่องใครถูกใครผิด แล้วใช้กระบวนการทางศาลตัดสิน เมื่อถูกลงโทษแล้ว ค่อยมาเสนอเรื่องนิรโทษกรรม โดยที่ผู้กระทำต้องยอมรับว่า ได้ทำผิดหาก เป็นเช่นนี้ตนไม่ขัดข้อง และจะยกมือสนับสนุนให้ด้วย
" เช่นกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ถ้ากลับเข้ามาประเทศไทย และยอมรับว่าที่ผ่านมาได้ทำผิดไปแล้ว ผมจะเป็นคนเสนอนิรโทษกรรมให้เลย แต่เขามองว่า เขาไม่ผิด เมื่อไม่ผิดแล้วจะมาขอนิรโทษกรรมทำไม เช่นเดียวกับกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ถ้ายอมรับว่านโยบายจำนำข้าวที่ผ่านมา ทำให้ประเทศชาติเสียหายจากการทุจริตจริง ถ้ายอมรับตรงนี้ ผมก็จะเสนอขอนิรโทษให้เช่นกัน คนเราต้องยอมรับก่อน ในเมื่อไม่ยอมรับผิด แล้วจะมาขอนิรโทษกรรมไปทำไม เหมือนที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทย และนปช. ไปรวบรวมรายชื่อประชาชนเป็นล้านๆ คน หอบผ้าสีแดงแบกหามไปขออภัยโทษ แต่บังเอิญประธานในพิธีไม่ได้มีชื่อในชื่อเหล่านั้นด้วยคือ พ.ต.ท.ทักษิณ แล้วจะพระราชทานอภัยโทษให้ใคร" นายนิพิฏฐ์ กล่าว

**พท.ขู่หากยังไล่ล่า ปัญหาไม่จบแน่

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึง ท่าทีของพรรคเพื่อไทย หลังสนช. ลงมติถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่า แม้น.ส.ยิ่งลักษณ์ และพรรคเพื่อไทย รู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม แต่จะไม่นำเรื่องดังกล่าวมาเป็นประเด็นเคลื่อนไหวทางการเมือง เพื่อจุดไฟความขัดแย้งเพิ่มขึ้นอีก ช่วงเวลานี้น.ส.ยิ่งลักษณ์ และพรรคเพื่อไทย ต้องแสวงหาความยุติธรรม เพื่อพิสูจน์ตัวเองผ่านการต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม

ส่วนกระแสข่าวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ และพรรคเพื่อไทย จะแถลงข่าวตามสถานที่ต่างๆ เพื่อแสดงท่าทีต่อเรื่องดังกล่าวนั้น ยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง ซึ่งบรรยากาศเรื่องประชาธิปไตยในขณะนี้ ถูกจับตามองทั้งในประเทศและต่างประเทศ และเกิดคำถามว่า ประชาธิปไตยในประเทศไทยตายแล้วจริงหรือ ดังนั้นหากฝ่ายผู้มีอำนาจปล่อยให้มีการไล่ล่า ไม่จบสิ้น ไม่มีระบบนิติธรรม ไม่มีความยุติธรรม ความสามัคคีก็ไม่เกิด และเหตุการณ์อาจเหมือนกับปัญหาในบางพื้นที่ของประเทศ ที่แก้ปัญหาไม่จบ

"น.ส.ยิ่งลักษณ์ และพรรคเพื่อไทย อยากเห็นประเทศไทยมีความสงบสุข และเดินหน้าต่อไปได้ ลำพังให้รัฐบาลแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ก็หนักแล้ว จึงไม่ควรจะมีใครมาเคลื่อนไหวซ้ำเติมปัญหาของประเทศ ส่วนความรู้สึกของประชาชนแต่ละบุคคลคงห้ามกันไม่ได้ และหวังว่าเมื่อประเทศเข้าสู่ในระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และพรรคเพื่อไทย จะได้รับความยุติธรรม เราอยากเห็นประชาธิปไตยกลับมาสู่ประเทศไทยโดยเร็ว และประชาชนที่เฝ้ามองปรากฏการณ์นี้อย่างใกล้ชิด ไม่จำเป็นต้องมีใครไปขับเคลื่อน ประชาชนไปไกลมากแล้ว ทราบดีว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ จะต้องเก็บไว้ในใจ เพื่อรอเวลาแสดงออกในคูหาเลือกตั้งอย่างเต็มที่ " นายอนุสรณ์กล่าว

นายสมคิด เชื้อคง อดีต ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เมื่อสนช.มีมติออกมาแล้ว ก็เป็นหน้าที่ของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ในการสู้คดีที่เหลืออยู่ ส่วนที่มีความกังวลว่า พรรคเพื่อไทย และ แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จะมีการเคลื่อนไหว หลังจากมีมติดังกล่าวนั้น เราจะไม่เคลื่อนไหวอย่างแน่นอน เพราะจะกลายเป็นตัวป่วน ขาดความชอบธรรม แต่จะรอสัญญาตามโรดแม็ป ที่ คสช. ให้ไว้ว่า จะมีการเลือกตั้ง เรารอได้ แต่สมมุตว่า คสช. ไม่ทำตามสัญญาที่ให้ไว้ เราก็จะต้องทวงถามสัญญาดังกล่าว วันนี้ก็ขอให้รัฐบาลรีบแก้ปัญหาปากท้องให้กับประชาชนก่อนเพราะตอนนี้พืชผลทางเกษตรราคาตกต่ำแทบทุกอย่าง

**ทักษิณคิด พท.ทำ คนรับกรรมคือ"ปู"

นายประสาร มฤคพิทักษ์ สมาชิกสปช. กลุ่ม 40ส.ว. กล่าวถึง การลงมติของ สนช. ให้ถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ทำให้ฝ่ายที่ถูกถอดถอนและบริวารออกมาตอบโต้ว่า ถูกกลั่นแกล้ง ถูกตามล้าง ตามล่า ว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ว่า ความจริงแล้วคุณยิ่งลักษณ์ และพวกควรจะกล่าวโทษคนที่อยู่ต่างประเทศมากกว่าเพราะจำนำข้าวนี้ เป็นเรื่องที่ " ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ" แต่คนรับกรรมคือ ยิ่งลักษณ์ มติประวัติศาสตร์ที่คะแนนถอดถอน สูงถึง 190 ต่อ 18 คะแนน ท่วมท้นขนาดนี้เนื่องจาก

1. มีพยานเชิงประจักษ์มากมายที่ปรากฏต่อสาธารณะมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน ทั้งทางการเงิน ชาวนาฆ่าตัวตาย เอกสารหลักฐานต่างๆ ฝ่ายเพื่อไทยจะปั้นแต่งอย่างไร ก็ไม่มีใครเชื่อ กลายเป็นกระแสสังคมที่ไม่อนุญาตให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ลอยนวลพ้นผิด

2. หาก สนช.ไม่ยอมถอดถอน กระแสจะตีกลับ ทำให้ สนช. และ คสช. ต้องรับหน้าเสื่อไปเต็มๆ ซึ่งจะหนักหนาสาหัสยิ่งกว่า การถอดถอน แม้จะเกิดแรงกดดันตามมา แต่ก็บางเบา และอยู่ในขอบเขตที่รัฐบาล และ คสช. สามารถควบคุมได้

3.การไม่ยอมมาตอบคำถามในที่ประชุม สนช. แสดงถึงความไม่เคารพสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เหมือนที่เคยหลีกเลี่ยงการตรวจสอบของรัฐสภาตอนที่เป็นนายกรัฐมนตรี และทำให้ข้อครหาเรื่องการไม่กล้าตอบคำถามสดในสภา เป็นประเด็นที่มีน้ำหนักมากยิ่งขึ้น
นายประสาร กล่างว่า คำตอบโต้ของฝ่าย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ว่า ถูกกลั่นแกล้ง ไม่มีความหมายอะไรเพราะองค์กรต่างๆ เช่น สตง. ป.ป.ช. อนุกรรมการปิดบัญชีจำนำข้าว ของกระทรวงการคลัง ทีดีอาร์ไอ สนช. และอัยการสูงสุด ต่างมีข้อยุติที่ตรงกันโดยไม่ได้นัดหมาย ว่า โครงการนี้เป็นมหกรรมทุจริตครั้งประวัติศาสตร์ ที่เกิดผลสะเทือนทางลบมหาศาล ต่อประเทศไทยไปอีกยาวนาน ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่องค์กรเหล่านี้จะสมคบคิดกันกลั่นแกล้งคนคนหนึ่งอย่างไร้หลักฐาน ไร้เหตุผลรองรับ เสียงตอบโต้เหล่านี้เป็นอาการของผู้ร้ายปากแข็ง อย่างมากก็แค่เป็นข่าวสักสองสามวัน เดี๋ยวก็ละลายหายไปเอง ไม่ต้องไปไยดีอะไร

นายประสาร ยังกล่าวต่อว่า คงต้องบอกว่า กระบวนกรรมกำลังทำหน้าที่สนองตอบผู้กระทำขอหยิบยกเอาถ้อยคำของ อ.วิชา มหาคุณ มาอ้าง และพูดเพิ่มเติมว่า "รัฐบาลจำนำข้าว ชาวนาจำนำชีวิต ประเทศจำนำหนี้ คุณยิ่งลักษณ์ จำนำชะตากรรม "

"อ๋อย"แถถอดถอน"ปู" ขัดหลักนิติธรรม

นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีต รมว.ศึกษาธิการ ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ส่วนตัว กรณีสนช. มีมติถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่า การถอดถอนครั้งนี้ ขัดหลักประชาธิปไตย และหลักนิติธรรมอย่างสิ้นเชิง ใครที่รักความถูกต้อง ไม่อาจยอมรับได้ วัตถุประสงค์ของการถอดถอนครั้งนี้ คือ การกำจัดตระกูลชินวัตร ให้พ้นไปจากการเมือง และทำลายศักยภาพของพรรคเพื่อไทย เป็นผลจากการรัฐประหาร ที่สำคัญ และกระบวนการต่อเนื่องของการรัฐประหาร ยังไม่จบแค่นี้ เพราะการถอดถอน เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการสร้างระบบการปกครองที่ไม่เป็นประชาธิปไตยเท่านั้น หากติดตามการนำเสนอแนวความคิดของชนชั้นนำ ทั้งก่อน และหลังรัฐประหาร ถอดรหัสได้ไม่ยากว่า การสร้างระบบการปกครองที่ไม่เป็นประชาธิปไตยนั้น เกิดขึ้นหลายอย่าง อาทิ กำจัดตระกูลชินวัตร ออกจากการเมือง และลดศักยภาพของพรรคเพื่อไทย , ลดอำนาจ บทบาทของพรรคการเมือง ที่มาจากการเลือกตั้ง , กำหนดให้คนนอกเป็นนายกฯได้, วุฒิสภา และองค์กรอิสระ ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง สามารถกำหนดที่มา และการดำรงอยู่ของรัฐบาลได้, เพิ่มอำนาจศาลรัฐธรรมนูญในการตีความรัฐธรรมนูญ มาตรา 7 เพื่อให้ผู้มีอำนาจสามารถเปลี่ยนรัฐบาล และแก้ไขกติกาได้ โดยไม่ต้องทำรัฐประหารให้เหนื่อยแรง

นายจาตุรนต์ กล่าวต่อว่า นี่คือโรดแมป ของการสร้างระบบการปกครองที่ไม่เป็นประชาธิปไตย ความคิดที่ว่า ปล่อยให้พวกเขาทำไป เลือกตั้งเมื่อไหร่ก็ดีเอง ใช้ไม่ได้แล้ว หากดำเนินต่อไป เป็นไปได้สูงที่จะมีเกิดเป็นความขัดแย้งอย่างมากสำหรับสังคมไทย ผู้รักประชาธิปไตย จึงจำเป็นต้องระงับยับยั้งกระบวนการสร้างระบบการปกครองที่ล้าหลัง ต้องช่วยกันแปรความไม่พอใจที่เกิดจากการถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นความเข้าใจต่อความเลวร้าย และหายนะที่กำลังเกิดขึ้นกับบ้านเมืองของเรา และช่วยกันหาทางป้องกัน แก้ไข เท่าที่จะทำได้

" ผมไม่ได้กำลังเสนอให้ใครไปชุมนุม หรือเดินขบวนที่ไหน แต่เสียงของประชาชนก็ยังมีความหมายเสมอ และหากประชาชนเห็นปัญหาร่วมกันมากขึ้นๆ เสียงของประชาชน ก็ย่อมมีพลังพอที่จะช่วยกันหยุดยั้งหายนะที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ได้ เห็นผู้ที่กำลังร่างรัฐธรรมนูญ และปฏิรูปประเทศ เขาบอกว่า ยินดีรับฟังความเห็นประชาชนไม่ใช่หรือ" นายจาตุรนต์ กล่าว

**ใครใช้ "ประชานิยม" ต้องระวัง

นายสุริยะใส กตะศิลา อาจารย์วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม ม.รังสิต และ ผอ.สถาบันปฏิรูปประเทศไทย (สปท.) กล่าวว่า ในขณะนี้มีความพยายามของกลุ่มผู้สนับสนุนน.ส.ยิ่งลักษณ์ บิดเบือนผลการลงมติถอดถอน กรณีไม่ยับยั้งการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว ด้วยการบิดเบือน อธิบายความว่า มติถอดถอนกลั่นแกล้งเล่นงานคนในตระกูลชินวัตร และเป็นการเลือกปฏิบัตินั้น ถือเป็นการอธิบายความแบบตัดตอน เพราะการถอดถอนเป็นแค่ปลายเหตุ เป็นขั้นตอนที่มาทีหลัง ต้นเหตุของเรื่องนี้เพราะมีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวจริง และถูกเปิดโปงจากหน่วยงานต่างๆ มีการตีแผ่สารพัดรูปแบบการทุจริตของโครงการ จนเป็นที่ประจักษ์ ต่อประชาชน มาตลอด 2 ปีกว่า และการอ้างว่า เป็นการเล่นงานคนในตระกูลชินวัตร ก็เป็นการบิดเบือน เพราะความเสียหายร้ายแรงที่เกิดขึ้น ไม่ว่าใครจะมาเป็นนายกฯ นามสกุลอะไรก็ตาม ต้องรับผิดชอบต่อนโยบายที่ผิดพลาดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

"ผมว่าไม่ใช่เรื่อง 2 มาตรฐาน แต่ถ้าทุจริตจำนำข้าวไม่มีคนผิด ไม่มีใครรับผิดชอบ นั่นต่างหากคือ ความไร้มาตรฐานของสังคมไทย ที่สำคัญมติถอดถอนของสนช.ครั้งนี้ ทำให้การนำนโยบายประชานิยมแบบสุดโต่ง มาหาเสียงมาสร้างความนิยมทางการเมือง โดยไร้ความรับผิดชอบทางการเมืองเป็นสิ่งที่ทำได้ยากมากขึ้น"

อย่างไรก็ตามเสียงวิพากษ์วิจารณ์ มติถอดถอนเป็นเรื่องปกติของคนที่เห็นต่าง สนช.ต้องหนักแน่น และเร่งสร้างผลงานต่อไป โดยเฉพาะการเสนอแนะแนวทางการแก้ปัญหาให้กับรัฐบาล เร่งแก้ปัญหาปากท้องประชาชน และการตรากฎหมายที่สนับสนุนแนวทางการปฎิรูปต่อไป

**ยังไม่สรุปฟัน "ปู" ทัวร์นกขมิ้น

นายศุภชัย สมเจริญ ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงความคืบหน้าสำนวนคำร้องคัดค้านการเลือกตั้ง ส.ส. ของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และพวก กรณีเดินทางลงพื้นที่ภาคเหนือ และภาคอีสาน (ทัวร์นกขมิ้น) โดยใช้ทรัพยากรของรัฐ และเจ้าหน้าที่รัฐไปหาเสียงระหว่างที่มีพระราชกฤษฎีกา การเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 2 ก.พ.57 ว่า ขณะนี้สำนวนดังกล่าว ยังอยู่ในขั้นตอนของอนุกรรมการสืบสวนสอบสวน กกต. ซึ่งกกต.ทั้ง 5 คน ยังไม่มีใครเห็นรายละเอียดของสำนวน ส่วนจะพิจารณาแล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนม.ค.นี้ หรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของอนุกรรมการฯ ทางกกต.ไม่สามารถก้าวก่ายหรือแทรกแซงการทำงานของอนุกรรมการฯได้

**คนกันเองหยัน"โอ๊ค"ปลุกระดม

นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่ขณะนี้อยู่ระหว่างการหนีหมายจับ ในคดี ฝ่าฝืนคำสั่งคสช. ที่ให้ไปรายงานตัว หลังการรัฐประหาร 22 พ.ค. 57 ได้โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กส่วนตัว Somsak Jeamteerasakul เหน็บแนม กรณีนายพานทองแท้ ชินวัตร ลูกชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชิยวัตร อดีตนายกฯที่อยู่ระหว่างหลบหนีคดี ได้โพสต์ภาพ และข้อความผ่านอินสตาแกรม ในเชิงปลุกระดม ให้คนเตรียมพร้อมออกมาชุมนุม หลังจาก สนช. ลงมติถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์

โดยนายสมศักดิ์ โพสต์ข้อความว่า "ออกจากบ้านทั้งวัน เพิ่งกลับ ป่านนี้ดึกมากแล้วในไทย (ของผมยังหัวค่ำ) มาถึงก็เจอข่าว คุณ Oak Panthongtae Shinawatra โพสต์ IG “พร้อมไหมพร้อม ? พร้อมไหมคนไทย”(มีรูปชูกำปั้นประกอบด้วย) ก็ได้แต่แค่นหัวเราะ เหอๆๆ

" ดีครับ (ประชด) ตอนนี้จะมาปลุกระดมความพร้อมของประชาชนกันแล้วนะครับ ไอ้ที่ รปห. เหยียบหัวคนสิบๆ ล้าน จับคนของตัวเองเข้าคุกอีกไม่รู้เท่าไรต่อเท่าไร ช่างแม่ม ตอนนี้ ตรู “ยัวะ”แล้ว มาเล่นงานคนในครอบครัว ตรูจะปลุกระดมคนไปสู้แล้ว ... นับถือครับ นับถือ (คือ “ยัวะ”เพราะเล่นงานคนในครอบครัว ไม่ได้ว่าอะไร ปัญหาคือ ถึงตอนนี้หันมาปลุกระดมคนให้ออกไปสู้เวลานี้ เพราะเรื่องนี้ มัน“น่านับถือ”มากๆ น่ะครับ)”นายสมศักดิ์ ระบุ

ก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ 21 ม.ค. 58 นายสมศักดิ์ ก็ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กว่า รู้สึกขำ ที่นายก่อแก้ว พิกุลทอง อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำเสื้อแดง ออกมาโวยวาย เรื่องที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะถูกลงมติถอดถอนว่า จะทำให้การปรองดอง ทำไม่ได้ “ชาวบ้านชาวเมือง คนตัวเล็กตัวน้อย ไม่รู้เท่าไร ( รวมทั้งคนของพวกคุณเอง) โดนเหยียบหัว เอาเข้าคุก ฯลฯ พวกคุณอยู่เฉยๆไม่ออกมาโวยวายอะไร (นายใหญ่สั่งมา) ตอนนี้ พอนายจะโดน ก็แสดงความ ฮึ่มๆ กันเชียว แหม เป็นนักประชาธิปไตยมากๆ เลยครัช ”นายสมศักดิ์ กล่าวทางเฟซบุ๊ก

**มาสเตอร์โพลหนุนถอดถอน"ปู"

รศ.ดร.เชษฐ รัชดาพรรณาธิกุล ประธานชมรมนักวิจัยไทยเพื่อความสุขชุมชน เปิดเผยผลวิจัยเชิงสำรวจมาสเตอร์โพล (Master Poll) เรื่อง สำรวจความคิดเห็นของแกนนำชุมชน ต่อมติถอดถอนอดีตนายกรัฐมนตรี และ พ.ร.บ.ป้องกันการทารุณกรรมสัตว์ฯ : กรณีศึกษาตัวอย่างแกนนำชุมชน จำนวนทั้งสิ้น 630 ชุมชน ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 22 - 24 ม.ค. 58

ประเด็นสำคัญที่ค้นพบจากการสำรวจในครั้งนี้ เกี่ยวกับกรณีการถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผลการสำรวจพบว่า แกนนำชุมชนส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 85.7 ระบุ เห็นด้วย ในขณะที่ร้อยละ 14.3 ระบุ ไม่เห็นด้วย ทั้งนี้ในกลุ่มแกนนำชุมชนที่เห็นด้วยกับผลการลงมติ ให้เหตุผลว่า จะได้เป็นบรรทัดฐานใหม่ของสังคม บริหารประเทศไม่ดี เป็นผู้นำต้องมีความรับผิดชอบ เห็นความเสียหายชัดเจน เพื่อความเสมอภาคเท่าเทียม ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย เป็นต้น ในขณะที่กลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับการถอดถอน ให้เหตุผลว่า เป็นการโยนความผิดทุกฝ่ายต้องรับผิดชอบร่วมกัน ข้อมูลยังไม่ชัดเจนเพียงพอ ยังไม่มีความยุติธรรมอย่างแท้จริง เป็นนโยบายที่มีประโยชน์ต่อคนจน เป็นการกีดกันทางการเมือง กลัวว่าจะเกิดปัญหาความขัดแย้งบานปลายอีก เป็นต้น
นอกจากนี้ เมื่อคณะผู้วิจัยได้สอบถามต่อไปถึงความเชื่อมั่นว่า จะได้นักการเมืองที่มีจิตสำนึกที่ดีมากขึ้นหรือไม่นั้น พบว่า แกนนำชุมชนประมาณ 2 ใน 3 หรือ ร้อยละ 63.7 ระบุ เชื่อมั่นว่าจะเป็นอย่างนั้น ในขณะที่ร้อยละ 36.3 ระบุไม่เชื่อมั่น และเมื่อสอบถามต่อไปถึงความเชื่อมั่นว่าจะได้รัฐบาลที่ดีเข้ามาบริหารประเทศหรือไม่นั้น ผลการสำรวจพบว่าร้อยละ 65.2 ระบุ เชื่อมั่นว่าจะเป็นเช่นนั้น ในขณะที่ร้อยละ 34.8 ระบุไม่เชื่อมั่น

ประเด็นสำคัญอีกประการหนึ่ง ที่ค้นพบจากการสำรวจ คือ เมื่อสอบถามถึงพรรคการเมืองที่ตั้งใจจะเลือก ถ้าวันนี้เป็นวันเลือกตั้ง ซึ่งผลการสำรวจพบว่า แกนนำชุมชนร้อยละ 41.3 ระบุ จะไม่เลือกพรรคไหนเลย ในขณะที่ร้อยละ 33.3 ระบุ จะเลือกพรรคประชาธิปัตย์ ร้อยละ 8.0 ระบุ จะเลือกพรรคเพื่อไทย และ ร้อยละ 17.4 ระบุเลือกพรรคอื่นๆ
กำลังโหลดความคิดเห็น