วานนี้ (22ม.ค.) พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ในฐานะผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการเดินทางเยือนประเทศกัมพูชาอย่างเป็นทางการ ว่า การเดินทางไปครั้งนี้ถือว่าได้รับความสำเร็จ โดยทางกัมพูชาให้การต้อนรับและให้เกียรติคณะของกองทัพบกไทยเป็นอย่างดี ทั้งนี้ ตนได้พบกับ พล.อ.เมี๊ยะ โซ เพียะ รอง ผบ.สส. และ ผบ.ทบ.กัมพูชา พร้อมทั้งได้เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.เตีย บันห์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมกัมพูชา และพล.อ.โปล ซะ เรือน ผบ.สส.กัมพูชาด้วย โดยได้มีการหารือถึงเรื่องความสัมพันธ์และความร่วมมือด้านต่างๆ เพื่อยกระดับการให้ความร่วมมือ รวมถึงการปฏิบัติงานตามพื้นที่แนวชายแดน ซึ่งถือว่าที่ผ่านมาเป็นไปด้วยความเรียบร้อย แต่อาจมีบางประการที่มีปัญหาบางเรื่อง ความไม่เข้าใจของเจ้าหน้าที่ระดับล่าง ทั้งนี้ได้ตกลงกันว่า จะให้ความร่วมมือและปฏิบัติตามที่ตกลงกันไว้ โดยเฉพาะตามที่ได้มีการลงนามในบันทึกข้อตกลง หรือเอ็มโอยู ต่างๆ
นอกจากนี้ยังได้หารือเรื่องความร่วมมืออื่นๆ เช่น ความร่วมมือเรื่องหมู่บ้านชายแดนคู่ขนาน ที่ทางผบ.ทบ.กัมพูชาเห็นด้วยว่า จะต้องเสริมสร้างเรื่องดังกล่าว โดยขณะนี้มีจำนวน 60 หมู่บ้าน หากมีหลายหมู่บ้านก็จะยกระดับเป็นอำเภอคู่ขนาน และจังหวัดคู่ขนานต่อไป ทั้งนี้ ผบ.ทบ.กัมพูชาได้ร้องขอเรื่องการปลูกป่าตามแนวชายแดน ที่ไทยเองก็มีโครงการปลูกป่าตามแนวชายแดนอาเซียนอยู่แล้ว โดยได้เห็นพ้องต้องกัน และกำหนดพื้นที่ปลูกป่าตามแนวชายแดนขึ้นทั้งในพื้นที่กองทัพภาคที่ 1 และกองทัพภาคที่ 2 ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีมาก เพื่อเพิ่มจำนวนผืนป่า อีกทั้งยังมีเรื่องความร่วมมือทางทหารที่ในช่วงพ.ย. นี้ จะมีการประชุม ผบ.ทบ. กลุ่มประเทศเซียน และการแข่งขันยิงปืนกองทัพบกในกลุ่มประเทศอาเซียนด้วย ซึ่งทาง ผบ.ทบ.กัมพูชา จะส่งทีมเข้าร่วม ทั้งนี้ไทยก็มีความพร้อมและยินดี เพื่อให้กองทัพบกในอาเซียนมีความแน่นแฟ้น
ส่วนการลาดตระเวนร่วมกันนั้น ตนได้บอกกับทางกัมพูชา ซึ่งก็มีความเห็นตรงกันว่า จะดำเนินการร่วมกันเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการกระทำผิดกฎหมายต่างๆ ส่วนเรื่องการสัญจรข้ามแดน ต้องถูกต้องตามกฎหมาย และเคารพถึงเรื่องสิทธิมนุษยชนด้วย
สำหรับพื้นที่ช่องอานม้า และเขาพระวิหารนั้น ไม่ได้มีการพูดคุยกันเฉพาะเรื่อง แต่ พล.อ.เตีย บันห์ ได้พูดว่า เป็นเรื่องของความไม่เข้าใจ เมื่อมีการแก้ไขปัญหากัน ระหว่างผู้บังคับบัญชาระดับสูงแล้ว ปัญหาต่างๆ ก็คลี่คลาย ส่วนเรื่องพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ ที่ติดกับกัมพูชานั้น ทางกัมพูชา ก็พร้อมส่งเสริมเพราะเป็นเรื่องที่ดีที่ จะทำให้ประชาชนสองประเทศ ได้ยกระดับการติดต่อค้าขาย
นอกจากนี้ยังได้หารือเรื่องความร่วมมืออื่นๆ เช่น ความร่วมมือเรื่องหมู่บ้านชายแดนคู่ขนาน ที่ทางผบ.ทบ.กัมพูชาเห็นด้วยว่า จะต้องเสริมสร้างเรื่องดังกล่าว โดยขณะนี้มีจำนวน 60 หมู่บ้าน หากมีหลายหมู่บ้านก็จะยกระดับเป็นอำเภอคู่ขนาน และจังหวัดคู่ขนานต่อไป ทั้งนี้ ผบ.ทบ.กัมพูชาได้ร้องขอเรื่องการปลูกป่าตามแนวชายแดน ที่ไทยเองก็มีโครงการปลูกป่าตามแนวชายแดนอาเซียนอยู่แล้ว โดยได้เห็นพ้องต้องกัน และกำหนดพื้นที่ปลูกป่าตามแนวชายแดนขึ้นทั้งในพื้นที่กองทัพภาคที่ 1 และกองทัพภาคที่ 2 ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีมาก เพื่อเพิ่มจำนวนผืนป่า อีกทั้งยังมีเรื่องความร่วมมือทางทหารที่ในช่วงพ.ย. นี้ จะมีการประชุม ผบ.ทบ. กลุ่มประเทศเซียน และการแข่งขันยิงปืนกองทัพบกในกลุ่มประเทศอาเซียนด้วย ซึ่งทาง ผบ.ทบ.กัมพูชา จะส่งทีมเข้าร่วม ทั้งนี้ไทยก็มีความพร้อมและยินดี เพื่อให้กองทัพบกในอาเซียนมีความแน่นแฟ้น
ส่วนการลาดตระเวนร่วมกันนั้น ตนได้บอกกับทางกัมพูชา ซึ่งก็มีความเห็นตรงกันว่า จะดำเนินการร่วมกันเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการกระทำผิดกฎหมายต่างๆ ส่วนเรื่องการสัญจรข้ามแดน ต้องถูกต้องตามกฎหมาย และเคารพถึงเรื่องสิทธิมนุษยชนด้วย
สำหรับพื้นที่ช่องอานม้า และเขาพระวิหารนั้น ไม่ได้มีการพูดคุยกันเฉพาะเรื่อง แต่ พล.อ.เตีย บันห์ ได้พูดว่า เป็นเรื่องของความไม่เข้าใจ เมื่อมีการแก้ไขปัญหากัน ระหว่างผู้บังคับบัญชาระดับสูงแล้ว ปัญหาต่างๆ ก็คลี่คลาย ส่วนเรื่องพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ ที่ติดกับกัมพูชานั้น ทางกัมพูชา ก็พร้อมส่งเสริมเพราะเป็นเรื่องที่ดีที่ จะทำให้ประชาชนสองประเทศ ได้ยกระดับการติดต่อค้าขาย