“เมเจอร์” ซุ่มเตรียมเสียบลุยทีวีดิจิตอล หากช่องไหนไปไม่รอด คาดใช้ทุนกว่า 3,000 ล้านบาท ล่าสุดในนาม “เอ็มเทิร์นเนอร์” เดินหน้าผลิตรายการเด็กและครอบครัวลงช่อง3แฟมิลี่ใน2เดือนข้างหน้า มองทีวีดาวเทียมยังเติบโตได้ดี ปีนี้อัดงบลงทุนอีก 300-400 ล้านบาท เพิ่ม “Toonami” ปิดช่องว่างผู้ชมอายุ15ปีขึ้นไป มั่นใจทั้งปีส่งรายได้รวมแตะ 400 ล้านบาท จากปีก่อนทำได้ 280 ล้านบาท
นายสยามรัศมิ์ เลาหสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมเจอร์ กันตนา บรอดแคสติ้ง จำกัด เจ้าของช่องเอ็มแชนแนล (M Channel) เปิดเผยว่า บริษัทมีความสนใจในการเข้าไปลงทุนในแพลทฟอร์มทีวีดิจิตอล ทั้งในส่วนการขายคอนเท้นท์ภาพยนตร์ และการรับจ้างผลิตคอนเท้นท์ ที่ล่าสุดได้มีการพูดคุยกับทางช่อง3แฟมิลี่ ภายใต้บริษัท เอ็ม เทิร์นเนอร์ จำกัด จะเข้ามาร่วมผลิตรายการในช่วงไพร์มไทม์ตั้งแต่เวลา 17.00น.เป็นต้นไป ในสล็อตทุกวันจันทร์-ศุกร์ คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ภายใน 1- 2 เดือนหลังจากนี้
“ที่สำคัญบริษัทยังได้ศึกษาความเป็นไปได้ในการเข้าไปลงทุนในแพลทฟอร์มทีวีดิจิตอลด้วย ทั้งในรูปแบบของการจับมือกับพันธมิตร และประมูลใหม่หากมีบางช่องที่ส่งคืนคลื่น โดยมองว่าความเป็นไปได้ที่จะลงทุนครั้งนี้มีสูงถึง 30-40% จากช่องทั้งหมด ซึ่งหากมีการลงทุนจริงแล้วจะต้องมีการศึกษาในรายละเอียดเชิงลึกมากขึ้น และเน้นช่องที่อิงกับความถนัดของทางกลุ่มเมเจอร์เป็นหลัก ซึ่งอาจจะเป็นการนำคอนเท้นท์ไปลงในช่อง หรือนำทั้งช่องที่มีเรตติ้งติ้งดีไปทั้งช่อง ภายใต้งบลงทุนที่คาดว่าจะต้องมีไม่น้อยกว่า 3,000 ล้านบาท ซึ่งการลงทุนดังกล่าวไม่ได้อยู่ในระยะอันใกล้นี้ แต่ต้องขึ้นอยู่กับเวลา ความพร้อม และสถานการณ์ที่มั่งคงของอุตสาหกรรมทีวีดิจิตอลเสียก่อน”
นายสยามรัศมิ์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามมองว่า ภาพรวมของธุรกิจทีวีดาวเทียมและเคเบิลทีวีเป็นธุรกิจที่ครองส่วนแบ่งผู้ชมกว่า 70%ของอุตสาหกรรมทีวีรวมทั้งหมด ขณะที่ทีวีดิจิตอลจะเข้ามาเสริมในส่วน 30%ที่เหลือ และจากการเกิดของทีวีดิจิตอล ทำให้เกิดการแข่งขันมากขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของคุณภาพและคอนเท้นท์ ส่งผลให้ช่องทีวีดาวเทียมบางช่องต้องปิดตัวลง โดยเฉพาะในช่องที่เน้นขายสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน และในอนาคตเชื่อว่าจะยังมีการปิดตัวลงอีกมาก สุดท้ายจะเหลืออยู่เฉพาะช่องที่ดีและสามารถแข่งขันได้จริง
ทั้งนี้มั่นใจว่าทีวีดาวเทียมยังไปได้ดีอยู่ เพราะครองฐานผู้ชมเป็นส่วนใหญ่ อีกทั้งยังมีเรตติ้งใกล้เคียงกับทีวีดิจิตอลในปัจจุบัน ขณะที่ราคาโฆษณาถูกกว่า ทั้งนี้ยิ่งทีวีดิจิตอลมีความพร้อมและมีเรตติ้งผู้ชมดีขึ้นและมีการขยับราคาโฆษณาเกิดขึ้น ทีวีดาวเทียมก็จะมีโอกาสในการปรับราคาโฆษณาขึ้นตามเช่นกัน เนื่องจากพบว่าขณะที่เอเจนซี่โฆษณาจะตัดงบโฆษณาของทีวีดาวเทียมและเคเบิลทีวี ในช่องที่อยู่ต่ำกว่าท็อป5ลงมาไปลองใช้ในทีวีดิจิตอล ขณะที่กลุ่มช่องที่อยู่ในระดับท็อป3-5 ยังเป็นกลุ่มที่เอเจนซี่ยังพร้อมใช้งบลงโฆษณาอย่างต่อเนื่อง
ในส่วนของบริษัท ปัจจุบันมีอยู่ 2 ช่อง คือ 1.เอ็มแชนแนล เป็นช่องภาพยนตร์ จับกลุ่มแมส ปีที่ผ่านมารายได้โฆษณาต่ำกว่าเป้าจากสภาพการเมืองและเศรษฐกิจ แต่มีรายได้จากการขายคอนเท้นท์ให้กับช่องทีวีดิจิตอลเข้ามาช่วย จึงทำให้ปี57 ปิดรายได้ที่ 200 ล้านบาท 2.ช่องบูมเมอแรง เป็นช่องการ์ตูนนานาชาติ จับกลุ่มเด็กอายุ4-15 ปี ซึ่งทำให้มีข้อจำกัดในการลงโฆษณาหลายตัว แต่ปีที่ผ่านมายังคงมีรายได้สูงถึง 80 ล้านบาทจากเป้าที่วางไว้ 60 ล้านบาท ส่งผลให้ปีก่อนปิดรายได้รวมที่ 280 ล้านบาท
โดยในปีนี้บริษัทพร้อมใช้งบลงทุนรวมกว่า 300-400 ล้านบาท ในปีนี้ในการเพิ่มศักยภาพการแพร่ภาพของทั้ง2ช่อง ให้มีความคมชัดเทียบเท่าระบบHD เพื่อเป็นส่วนสำคัญในการทำให้ทั้ง 2 ช่องยังคงอยู่ในระดับท็อป3-5 ในกลุ่มทีวีดาวเทียมที่เอเจนซี่ยังคงใช้ลงโฆษณาต่อไป โดยที่ปีนี้ยังมีการปรับราคาโฆษณาขึ้นอีกประมาณ2เท่า หรืออยู่ที่เรตนาทีละ 20,000บาทต่อนาที
ล่าสุดได้ร่วมมือกับทางบริษัท เทิร์นเนอร์ บรอดแคสติ้ง ซิสเต็มส์ เอเชีย แปซิฟิค อิงค์ ภายใต้บริษัท เอ็ม เทิร์นเนอร์ จำกัด เปิดตัวช่องการ์ตูนอีก 1 ช่อง คือ ทูนามิ (Toonami) เป็นช่องบันเทิงรวมการ์ตูนซูเปอร์ฮีโร่จากทั่วโลกมาไว้รวมกัน เช่น Ben 10, Justice League Unlimited, Teen Titans, Transformers Prime, Wolverine and the X-Men และBatman เป็นต้น จับกลุ่มอายุ 15 ปีขึ้นไปจนถึงผู้ใหญ่ ถือเป็นช่องที่เข้ามาจับกลุ่มเป้าหมายที่ว่างอยู่ รวมถึงรองรับโฆษณาบางตัวที่ไม่สามารถลงช่องเด็กได้ สิ้นปีนี้เชื่อว่าจะทำรายได้อยู่ที่ 60 ล้านบาท พร้อมส่งรายได้รวมทั้งปีนี้อยู่ที่ 400 ล้านบาท
นายสยามรัศมิ์ เลาหสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมเจอร์ กันตนา บรอดแคสติ้ง จำกัด เจ้าของช่องเอ็มแชนแนล (M Channel) เปิดเผยว่า บริษัทมีความสนใจในการเข้าไปลงทุนในแพลทฟอร์มทีวีดิจิตอล ทั้งในส่วนการขายคอนเท้นท์ภาพยนตร์ และการรับจ้างผลิตคอนเท้นท์ ที่ล่าสุดได้มีการพูดคุยกับทางช่อง3แฟมิลี่ ภายใต้บริษัท เอ็ม เทิร์นเนอร์ จำกัด จะเข้ามาร่วมผลิตรายการในช่วงไพร์มไทม์ตั้งแต่เวลา 17.00น.เป็นต้นไป ในสล็อตทุกวันจันทร์-ศุกร์ คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ภายใน 1- 2 เดือนหลังจากนี้
“ที่สำคัญบริษัทยังได้ศึกษาความเป็นไปได้ในการเข้าไปลงทุนในแพลทฟอร์มทีวีดิจิตอลด้วย ทั้งในรูปแบบของการจับมือกับพันธมิตร และประมูลใหม่หากมีบางช่องที่ส่งคืนคลื่น โดยมองว่าความเป็นไปได้ที่จะลงทุนครั้งนี้มีสูงถึง 30-40% จากช่องทั้งหมด ซึ่งหากมีการลงทุนจริงแล้วจะต้องมีการศึกษาในรายละเอียดเชิงลึกมากขึ้น และเน้นช่องที่อิงกับความถนัดของทางกลุ่มเมเจอร์เป็นหลัก ซึ่งอาจจะเป็นการนำคอนเท้นท์ไปลงในช่อง หรือนำทั้งช่องที่มีเรตติ้งติ้งดีไปทั้งช่อง ภายใต้งบลงทุนที่คาดว่าจะต้องมีไม่น้อยกว่า 3,000 ล้านบาท ซึ่งการลงทุนดังกล่าวไม่ได้อยู่ในระยะอันใกล้นี้ แต่ต้องขึ้นอยู่กับเวลา ความพร้อม และสถานการณ์ที่มั่งคงของอุตสาหกรรมทีวีดิจิตอลเสียก่อน”
นายสยามรัศมิ์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามมองว่า ภาพรวมของธุรกิจทีวีดาวเทียมและเคเบิลทีวีเป็นธุรกิจที่ครองส่วนแบ่งผู้ชมกว่า 70%ของอุตสาหกรรมทีวีรวมทั้งหมด ขณะที่ทีวีดิจิตอลจะเข้ามาเสริมในส่วน 30%ที่เหลือ และจากการเกิดของทีวีดิจิตอล ทำให้เกิดการแข่งขันมากขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของคุณภาพและคอนเท้นท์ ส่งผลให้ช่องทีวีดาวเทียมบางช่องต้องปิดตัวลง โดยเฉพาะในช่องที่เน้นขายสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน และในอนาคตเชื่อว่าจะยังมีการปิดตัวลงอีกมาก สุดท้ายจะเหลืออยู่เฉพาะช่องที่ดีและสามารถแข่งขันได้จริง
ทั้งนี้มั่นใจว่าทีวีดาวเทียมยังไปได้ดีอยู่ เพราะครองฐานผู้ชมเป็นส่วนใหญ่ อีกทั้งยังมีเรตติ้งใกล้เคียงกับทีวีดิจิตอลในปัจจุบัน ขณะที่ราคาโฆษณาถูกกว่า ทั้งนี้ยิ่งทีวีดิจิตอลมีความพร้อมและมีเรตติ้งผู้ชมดีขึ้นและมีการขยับราคาโฆษณาเกิดขึ้น ทีวีดาวเทียมก็จะมีโอกาสในการปรับราคาโฆษณาขึ้นตามเช่นกัน เนื่องจากพบว่าขณะที่เอเจนซี่โฆษณาจะตัดงบโฆษณาของทีวีดาวเทียมและเคเบิลทีวี ในช่องที่อยู่ต่ำกว่าท็อป5ลงมาไปลองใช้ในทีวีดิจิตอล ขณะที่กลุ่มช่องที่อยู่ในระดับท็อป3-5 ยังเป็นกลุ่มที่เอเจนซี่ยังพร้อมใช้งบลงโฆษณาอย่างต่อเนื่อง
ในส่วนของบริษัท ปัจจุบันมีอยู่ 2 ช่อง คือ 1.เอ็มแชนแนล เป็นช่องภาพยนตร์ จับกลุ่มแมส ปีที่ผ่านมารายได้โฆษณาต่ำกว่าเป้าจากสภาพการเมืองและเศรษฐกิจ แต่มีรายได้จากการขายคอนเท้นท์ให้กับช่องทีวีดิจิตอลเข้ามาช่วย จึงทำให้ปี57 ปิดรายได้ที่ 200 ล้านบาท 2.ช่องบูมเมอแรง เป็นช่องการ์ตูนนานาชาติ จับกลุ่มเด็กอายุ4-15 ปี ซึ่งทำให้มีข้อจำกัดในการลงโฆษณาหลายตัว แต่ปีที่ผ่านมายังคงมีรายได้สูงถึง 80 ล้านบาทจากเป้าที่วางไว้ 60 ล้านบาท ส่งผลให้ปีก่อนปิดรายได้รวมที่ 280 ล้านบาท
โดยในปีนี้บริษัทพร้อมใช้งบลงทุนรวมกว่า 300-400 ล้านบาท ในปีนี้ในการเพิ่มศักยภาพการแพร่ภาพของทั้ง2ช่อง ให้มีความคมชัดเทียบเท่าระบบHD เพื่อเป็นส่วนสำคัญในการทำให้ทั้ง 2 ช่องยังคงอยู่ในระดับท็อป3-5 ในกลุ่มทีวีดาวเทียมที่เอเจนซี่ยังคงใช้ลงโฆษณาต่อไป โดยที่ปีนี้ยังมีการปรับราคาโฆษณาขึ้นอีกประมาณ2เท่า หรืออยู่ที่เรตนาทีละ 20,000บาทต่อนาที
ล่าสุดได้ร่วมมือกับทางบริษัท เทิร์นเนอร์ บรอดแคสติ้ง ซิสเต็มส์ เอเชีย แปซิฟิค อิงค์ ภายใต้บริษัท เอ็ม เทิร์นเนอร์ จำกัด เปิดตัวช่องการ์ตูนอีก 1 ช่อง คือ ทูนามิ (Toonami) เป็นช่องบันเทิงรวมการ์ตูนซูเปอร์ฮีโร่จากทั่วโลกมาไว้รวมกัน เช่น Ben 10, Justice League Unlimited, Teen Titans, Transformers Prime, Wolverine and the X-Men และBatman เป็นต้น จับกลุ่มอายุ 15 ปีขึ้นไปจนถึงผู้ใหญ่ ถือเป็นช่องที่เข้ามาจับกลุ่มเป้าหมายที่ว่างอยู่ รวมถึงรองรับโฆษณาบางตัวที่ไม่สามารถลงช่องเด็กได้ สิ้นปีนี้เชื่อว่าจะทำรายได้อยู่ที่ 60 ล้านบาท พร้อมส่งรายได้รวมทั้งปีนี้อยู่ที่ 400 ล้านบาท