พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆนี้ ได้ร่วมประชุมสถานการณ์การค้ามนุษย์ โดยมีพล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และได้สั่งการกระทรวงแรงงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมสรุปผลการดำเนินงานการป้องกันและแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ในภาพรวมของประเทศให้แล้วเสร็จภายในวันที่12 ม.ค.นี้ เพื่อเสนอนายกรัฐมนตรีพิจารณา หลังจากนั้นกระทรวงการต่างประเทศ จะจัดทำรายงานฉบับภาษาอังกฤษให้แล้วเสร็จก่อนวันที่ 26 ม.ค.และส่งรายงานไปยังสหรัฐอเมริกาในวันที่ 30ม.ค.นี้
รมว.แรงงาน กล่าวอีกว่า ตนได้ชี้แจงต่อนายกรัฐมนตรี ถึงแนวทางป้องกันและแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ แรงงานเด็กและแรงงานบังคับที่กระทรวงแรงงานดำเนินการไปแล้ว และแผนงานที่จะทำต่อไปในอนาคต หลังจากนี้จะนำข้อสังเกตของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เกี่ยวกับสถานการณ์การค้ามนุษย์ของไทยซึ่งเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงแรงงานมีทั้งหมด 8 ข้อมาดำเนินการให้เข้มข้นมากขึ้น เช่น การไม่ปรับปรุงสภาพการจ้างงานในอุตสาหกรรมประมง การบังคับใช้กฎหมายไม่เข้มแข็ง แรงงานต่างด้าวถูกเอารัดเอาเปรียบ ค่าใช้จ่ายการเดินทางไปทำงานต่างประเทศของแรงงานไทยสูงเกินจริง
พล.อ.สุรศักดิ์ กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมากระทรวงแรงงานได้วางแนวทางป้องกัน คือการประกาศใช้กฎกระทรวงว่าด้วยการคุ้มครองแรงงานในภาคเกษตรที่ห้ามจ้างงานเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี และกฎกระทรวงว่าด้วยการคุ้มครองแรงงานในกิจการประมงทะเล ที่ห้ามจ้างงานเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีต้องมีสัญญาจ้างงานก่อนลงเรือที่มีการแปลภาษาทั้งไทย อังกฤษและภาษาประเทศเพื่อนบ้าน และสวัสดิการต่างๆ นอกจากนี้ ยังมีสายด่วนรับเรื่องร้องทุกข์แรงงานต่างด้าวของกรมการจัดหางาน(กกจ.) 1694 ที่มีล่ามคอยให้บริการโดยตนจะประชุมหน่วยงานกระทรวงแรงงานเพื่อสรุปผลในเดือนมกราคมนี้ หลังจากนั้นเดือนกุมภาพันธ์จะประชุมอีกครั้งประเมินว่ามีจุดใดที่ยังบกพร่องเพื่อปรับแผนงานให้รัดกุมขึ้น
“แนวทางป้องกันและแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ของกระทรวงแรงงานในปีนี้ จะเน้นการบังคับใช้กฎหมายให้เข้มข้นขึ้น เช่น กฎคุ้มครองแรงงานประมง กฎคุ้มครองแรงงานภาคเกษตร ต้องตรวจสอบการใช้แรงงานต่างด้าว แรงงานเด็กและแรงงานประมงอย่างจริงจังโดยต้องมีสัญญาจ้างและสวัสดิการที่ดีและร่วมมือกับกรมประมงและสมาคมประมงรณรงค์ให้ผู้ประกอบการประมงเป็นกิจการที่ดี จะหารือกันเรื่องแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงานในภาคประมงในเดือนมกราคมนี้โดยมีรมว.เกษตรและสหกรณ์เป็นประธานการประชุม” รมว.แรงงาน กล่าว
ด้านนายอารักษ์ พรหมณี รองปลัดกระทรวงแรงงานในฐานะโฆษกกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า หลังจากนี้จะประชาสัมพันธ์การบังคับใช้กฎกระทรวงว่าด้วยการคุ้มครองแรงงานในกิจการประมงทะเล รวมทั้งกฎกระทรวงว่าด้วยการคุ้มครองแรงงานในภาคเกษตรต่อนายจ้างและลูกจ้างเพื่อให้รับทราบมากยิ่งขึ้นและจัดชุดเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการตรวจแรงงานอย่างเข้มข้น บังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง โดยจัดประเภทกิจการที่เป็นกลุ่มเสี่ยงในอุตสาหกรรมต่างๆ รวมทั้งลดค่าใช้จ่ายแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศให้ถูกลงและในอนาคตจะปรับเป็นระบบการจัดส่งโดยรัฐต่อรัฐ ทั้งนี้ จะเริ่มดำเนินการมาตรการต่างๆให้เข้มข้นขึ้นตั้งแต่เดือนมกราคมนี้ และจะรายงานสรุปผลต่อรมว.แรงงานทุก 2 สัปดาห์
รมว.แรงงาน กล่าวอีกว่า ตนได้ชี้แจงต่อนายกรัฐมนตรี ถึงแนวทางป้องกันและแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ แรงงานเด็กและแรงงานบังคับที่กระทรวงแรงงานดำเนินการไปแล้ว และแผนงานที่จะทำต่อไปในอนาคต หลังจากนี้จะนำข้อสังเกตของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เกี่ยวกับสถานการณ์การค้ามนุษย์ของไทยซึ่งเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงแรงงานมีทั้งหมด 8 ข้อมาดำเนินการให้เข้มข้นมากขึ้น เช่น การไม่ปรับปรุงสภาพการจ้างงานในอุตสาหกรรมประมง การบังคับใช้กฎหมายไม่เข้มแข็ง แรงงานต่างด้าวถูกเอารัดเอาเปรียบ ค่าใช้จ่ายการเดินทางไปทำงานต่างประเทศของแรงงานไทยสูงเกินจริง
พล.อ.สุรศักดิ์ กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมากระทรวงแรงงานได้วางแนวทางป้องกัน คือการประกาศใช้กฎกระทรวงว่าด้วยการคุ้มครองแรงงานในภาคเกษตรที่ห้ามจ้างงานเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี และกฎกระทรวงว่าด้วยการคุ้มครองแรงงานในกิจการประมงทะเล ที่ห้ามจ้างงานเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีต้องมีสัญญาจ้างงานก่อนลงเรือที่มีการแปลภาษาทั้งไทย อังกฤษและภาษาประเทศเพื่อนบ้าน และสวัสดิการต่างๆ นอกจากนี้ ยังมีสายด่วนรับเรื่องร้องทุกข์แรงงานต่างด้าวของกรมการจัดหางาน(กกจ.) 1694 ที่มีล่ามคอยให้บริการโดยตนจะประชุมหน่วยงานกระทรวงแรงงานเพื่อสรุปผลในเดือนมกราคมนี้ หลังจากนั้นเดือนกุมภาพันธ์จะประชุมอีกครั้งประเมินว่ามีจุดใดที่ยังบกพร่องเพื่อปรับแผนงานให้รัดกุมขึ้น
“แนวทางป้องกันและแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ของกระทรวงแรงงานในปีนี้ จะเน้นการบังคับใช้กฎหมายให้เข้มข้นขึ้น เช่น กฎคุ้มครองแรงงานประมง กฎคุ้มครองแรงงานภาคเกษตร ต้องตรวจสอบการใช้แรงงานต่างด้าว แรงงานเด็กและแรงงานประมงอย่างจริงจังโดยต้องมีสัญญาจ้างและสวัสดิการที่ดีและร่วมมือกับกรมประมงและสมาคมประมงรณรงค์ให้ผู้ประกอบการประมงเป็นกิจการที่ดี จะหารือกันเรื่องแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงานในภาคประมงในเดือนมกราคมนี้โดยมีรมว.เกษตรและสหกรณ์เป็นประธานการประชุม” รมว.แรงงาน กล่าว
ด้านนายอารักษ์ พรหมณี รองปลัดกระทรวงแรงงานในฐานะโฆษกกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า หลังจากนี้จะประชาสัมพันธ์การบังคับใช้กฎกระทรวงว่าด้วยการคุ้มครองแรงงานในกิจการประมงทะเล รวมทั้งกฎกระทรวงว่าด้วยการคุ้มครองแรงงานในภาคเกษตรต่อนายจ้างและลูกจ้างเพื่อให้รับทราบมากยิ่งขึ้นและจัดชุดเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการตรวจแรงงานอย่างเข้มข้น บังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง โดยจัดประเภทกิจการที่เป็นกลุ่มเสี่ยงในอุตสาหกรรมต่างๆ รวมทั้งลดค่าใช้จ่ายแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศให้ถูกลงและในอนาคตจะปรับเป็นระบบการจัดส่งโดยรัฐต่อรัฐ ทั้งนี้ จะเริ่มดำเนินการมาตรการต่างๆให้เข้มข้นขึ้นตั้งแต่เดือนมกราคมนี้ และจะรายงานสรุปผลต่อรมว.แรงงานทุก 2 สัปดาห์