xs
xsm
sm
md
lg

นิชา-หญิงใจเหนือชายบางคน!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“สอดแนมการเมือง”
โดย “ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย”

ปลายปี 2557 นิตยสาร “ฟอร์บส์” (Forbes) ได้จัดอันดับผู้หญิงทรงอิทธิพลที่สุดในโลก 100 ลำดับ ประกอบด้วยผู้หญิงหลากวงการ ซึ่งมีบางคนน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง เช่น

Angela Merkel ประธานาธิบดีหญิงคนแรกของเยอรมัน เป็นหญิงทรงอิทธิพลที่สุด อันดับ 1 ของโลกในปีนี้ เธอครองตำแหน่งนี้มาแล้วถึง 6 ครั้ง อันดับ 3 Dilma Rousseff ประธานาธิบดีหญิงคนแรกของบราซิล เธออยู่ในอันดับนี้เป็นปีที่ 2 อันดับ 11 Oprah Winfrey ที่ทำงานสื่อมานานเกือบ 30 ปี เป็นคนผิวดำร่ำรวย ที่สุดคนหนึ่งของโลก และเป็นมหาเศรษฐีผิวดำคนเดียวในโลก ทั้งยังเป็นหญิงผิวดำใจบุญยิ่งใหญ่ที่สุด ในประวัติศาสตร์ของอเมริกาอีกด้วย..โอ..มายก็อด!

อันดับ 16 Cristina Kirchner ประธานาธิบดีหญิงคนที่ 2 ของอาร์เจนตินา ที่เขย่าการเมืองโลกด้วยกีฬา โดยเธอให้นักกีฬาโอลิมปิกของอาร์เยนตินา โฆษณาตอบโต้อังกฤษที่บุกยึดเกาะฟอล์คแลนด์ เล่นเอาประเทศเจ้าภาพไม่แฮปปี้ไปเลย

ปาร์ค กีน-เฮ เป็นชาวเอเชียที่ติดอันดับ 1 ใน 100 หญิงที่มีอิทธิพลสูงสุดในโลก เพราะเธอได้ขึ้นเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของประเทศเกาหลีใต้ ในปี 2556 เช่นเดียวกับบิดาของเธอ ปาร์ค จุงฮี ที่เป็นผู้นำเผด็จการทหารที่ได้ขึ้นดำรงตำแหน่ง เป็นประธานาธิบดีเมืองกิมจิในช่วงปี 2506 ถึง 2522 และทั้งแม่และพ่อของเธอได้เสียชีวิตจากการถูกลอบสังหารทั้งคู่

อันดับ 19 อองซาน ซูจี ที่พ่อถูกลอบสังหารเช่นกัน เธอได้เป็นหัวหน้าพรรคสันนิบาตประชาธิปไตยแห่งชาติพม่า และถูกรัฐบาลเผด็จการทหาร กักบริเวณไว้ในบ้านนานเกือบ 15 ปี ถูกปล่อยตัวเป็นอิสระเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2553 ซูจีถูกเลือกให้ได้รางวัลโนเบลตั้งแต่ปี 2534 โน่น แต่เธอเพิ่งได้กล่าวคำปราศรัย รับรางวัลโนเบลในปี 2555 นี้เอง ซูจีต่อสู้เพื่อชาติพม่าอย่างต่อเนื่อง โดยไม่กลัวภัยจากเผด็จการทหาร จนได้รับการยกย่องจากคนทั้งโลก เธอไม่ได้เป็นนายกฯหรือรัฐมนตรีใดๆเลย แต่กลับได้เป็นหนึ่งในผู้หญิงทรงอิทธิพลที่สุดของโลก เพราะเธอเป็น “ซูจีทองแท้” นั่นเอง

ส่วน “พริ้ตตี้ปู” นายกฯหญิงคนแรกของไทย ที่พี่ชายใช้เงินยึดอำนาจรัฐอุ้มขึ้นสู่ตำแหน่ง เธอมีแต่ผลงานที่ล้มเหลว ผลาญเงินชาติอย่างมหาศาล อ้อ..แถมเป็นรัฐบาล “โกงจังมึง”จนฉาวไปทั้งโลก

“พริ้ตตี้ปู” ยังเป็นนายกฯไทยที่ “ปล่อยไก่” ไปทั่วโลก นำความอับอายมาสู่คนไทย จนแทบจะเอาปี๊บคลุมหัวกันทั้งชาติ แต่ด้วย “พี่ชาย” ทุ่มเงินซื้อสื่อทั้งในและนอกประเทศไว้ เธอจึงติดอันดับ 31 ในปี 2556 พอหลุดจาก “นายกฯส้มหล่น” เธอก็หายจ้อยไม่ติดอันดับ 1 ใน 100 เพราะชาวไทยกับชาวโลกรู้ว่า เธอคือนายกฯ“ปูทองเทียม”นักสร้างภาพลวงโลกนั่นเอง..กู๊ดบายทรีไทมส์..

ฟอร์บส์ชอบหากินกับอันดับโลกเรื่องนั้นเรื่องนี้ แต่เรื่องของหญิงไทยที่กล้าต่อสู้กับอำนาจอธรรม ทั้งเผด็จการรัฐสภาและเผด็จการทหารนั้น ฟอร์บส์ไม่สนใจ..แต่คนไทยสนใจว่ะ..

ผู้หญิงไทยที่ดีและเก่งมีมากมาย จะร่ายยาวให้ครบทุกคนคงไม่ได้ จึงขอพูดถึงผู้หญิงคนหนึ่ง ที่รักชาติ-คิดดี-ใจกล้า “นิชา หิรัญบูรณะ ธุวธรรม” ที่สูญเสียสามี “พลเอกร่มเกล้า ธุวธรรม” ไปกับการทำหน้าที่ทหารหาญของชาติ จนนำความสงบคืนมาสู่ชาติไทยได้ ในเหตุการณ์ก่อการร้ายโดยคนแดนไกลปี 2553

ไทยโพสต์ ฉบับต้นปี 2558 สัมภาษณ์พิเศษ“นิชา” จั่วหัว “คนผิดไม่สำนึก อย่าบังคับให้อภัยกัน” ยั่วให้อยากอ่านจริงๆ และนี่คือบางส่วนของคำพูดเธอ..นิชา..

ทุกชาติต่างปรารถนาความสงบสุขสันติ ประชาชนสามัคคีไม่ขัดแย้งกัน แต่การทำให้คนที่กำลังขัดแย้งกัน กลับมารักสามัคคีกันได้ ต้องเกิดจากเหตุผล คือ มีความเข้าใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้น จนทั้งสองฝ่ายเกิดการยอมรับด้วยใจที่จะยุติความขัดแย้ง และปรับความสัมพันธ์ในรูปแบบใหม่ที่เลิกเป็นศัตรูคู่ขัดแย้ง มีความเห็นอกเห็นใจ มีมิตรภาพต่อกัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ หากสภาวะในจิตใจยังมีความรู้สึกเป็นปฏิปักษ์ ยังมีความระแวง เจ็บปวด โกรธแค้น ไม่ไว้ใจต่อกัน

สมมติเด็กนักเรียนสองคนทะเลาะกัน ตีกัน ครูก็คงจะต้องไต่สวนถามความก่อนว่า เกิดอะไรขึ้น และตัดสินก่อนว่าใครถูกใครผิด คนผิดจะยอมรับผิดแล้วขอโทษเขาไหม และเมื่อขอโทษแล้วนักเรียนที่ถูกรังแกจะยอมให้อภัยเขาไหม เมื่อฝ่ายหนึ่งขอโทษยอมรับผิด ก็เป็นหน้าที่อีกฝ่ายหนึ่งที่ต้องให้อภัย เมื่อทั้งสองฝ่ายยอม การปรองดองจึงเกิดขึ้นได้ หรือหากครูเห็นว่าผิดทั้งสองคน ครูก็ต้องอธิบายให้ฟังว่า คนไหนทำผิดอย่างไร แต่หากว่าเด็กนักเรียนสองคนทะเลาะกัน ครูบอกให้ทั้งสองฝ่ายหยุดทะเลาะ ต้องปรองดองรักกันเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม ในความเป็นจริงเด็กสองคนก็จะหยุดทะเลาะกันเพราะกลัวครู แต่ในใจไม่ได้คลายความเป็นปฏิปักษ์ลงต่อกัน เพราะไม่ได้ผ่านกระบวนการทำความเข้าใจ และก็มีความเสี่ยงที่จะกลับมาทะเลาะกันอีกเมื่อใดที่ครูไม่อยู่

ถ้ายอมรับว่าองค์ประกอบของความปรองดองที่แท้จริง ต้องเกิดจากการสำนึกรับผิดและการให้อภัยควบคู่กัน เราสั่งให้คนรู้สึกสำนึกผิดไม่ได้ ขณะเดียวกันก็ไปสั่งให้คนอื่นให้อภัยไม่ได้ ที่ผ่านมานอกจากไม่ได้นำเข้าสู่กระบวนการที่ถูกต้องแล้ว ผู้ที่พยายามสร้างความปรองดอง จะให้ความสำคัญแต่การให้อภัยเท่านั้น โดยไม่เคยให้ค่ากับการสำนึกผิดของอีกฝ่าย เงื่อนไขสำคัญสองประการจึงไม่เกิดพร้อมกัน เมื่อไม่เกิดการสำนึกรับผิดก็ไม่เกิดการให้อภัย

ดังนั้น ถ้าอยากได้การให้อภัยจากอีกฝ่าย จึงต้องไปเร่งกระบวนการที่ทำให้คนผิดยอมรับผิด สำนึกผิด ขอโทษในความผิดก่อน แต่ที่ผ่านมา มีแต่กดดันให้ฝ่ายหนึ่งให้อภัย แต่อีกฝ่ายหนึ่งไม่ถูกกดดันให้สำนึกรับผิด ญาติผู้เสียชีวิตจะถูกกดดันตลอดว่า ต้องลืมให้ได้ ต้องให้อภัยให้ได้ ในขณะที่คดีความไม่คืบหน้าฆาตกรก็ลอยนวล นอนเล่นอยู่บ้านสบายใจ นั่งรอนิรโทษกรรม

ไม่มีใครไปกดดันให้เขารู้ว่าเขาทำผิด รู้ไหมว่าโทษของความผิดนั้นคืออะไร รู้ไหมว่าคนอื่นได้รับผลกระทบจากการกระทำของพวกเขาอย่างไร สัญญาไหมว่าจะไม่ทำความผิดอีก ซึ่งสิ่งเหล่านี้ต้องผ่านขั้นตอนกระบวนการ สรุปแล้วความปรองดองจะเกิดขึ้นได้ จึงต้องผ่านความเป็นธรรม และความยุติธรรมเบื้องต้นก่อนจึงจะมีทางสำเร็จ

คำว่านิรโทษกรรมจึงกลายเป็นปัญหา ทั้งๆที่ความจริงถ้าทำให้ถูกต้องตามขั้นตอน นิรโทษกรรมก็เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการไม่ใช่สิ่งผิด แต่ต้องเกิดขึ้นแล้วให้หลักประกันความสงบสุขเรียบร้อยในสังคม ไม่ใช่ทำให้คนทำผิดได้ใจและย้อนกลับมาทำผิดอีกครั้งแล้วครั้งเล่า ส่วนเยาวชนคนรุ่นหลังก็เห็นเยี่ยงอย่างว่า ทำผิดแล้วไม่ผิด วันหน้าใครไม่พอใจอะไรก็ลุกขึ้นมาใช้ความรุนแรงแก้ปัญหา เสร็จแล้วกลับบ้านไปรอนิรโทษกรรม นี่ไม่ใช่สังคมที่เราต้องการให้เกิดขึ้น การรักษาสังคมถือเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของพวกเราทุกคน ต้องระมัดระวังกับดักของคำว่า“ปรองดอง” เราปรองดองกับผู้เห็นต่างที่ไม่ได้ทำผิดกฎหมายและศีลธรรมได้ แต่ผู้ทำผิดก็ต้องเข้าสู่กระบวนการไป

ผมไม่เคยรู้จัก“นิชา”เป็นการส่วนตัว แต่เธอเฉกเช่นผู้หญิงไทยไม่น้อย ที่ผมเฝ้าติดตามผลงานการต่อสู้กับอำนาจอธรรม เพื่อส่วนรวม-เพื่อชาติ-เพื่อประชาชน เธอที่เป็นผู้หญิงทั้งหลายเหล่านั้น ล้วนเป็นผู้หญิงที่มีคุณค่าควรแก่การยกย่องสรรเสริญ

ดังนั้น ความคิด-คำพูด-การกระทำที่คงเส้นคงวา ของผู้หญิงธรรมดาสามัญตัวเล็กๆอย่าง“นิชา”คนนี้ เป็นผู้หญิงอีกคนหนึ่งที่ผู้ชายอกสามศอกทั้งหลาย ต้องค้อมศีรษะคารวะให้ ด้วยเธอมีทั้งสมองที่เปี่ยมเหตุผล กับใจกล้าหาญที่รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ประชาชน เหนือกว่าทหารใหญ่บางคนด้วยซ้ำไป

ดวงวิญญาณของ “พลเอกร่มเกล้า ธุวธรรม” บนสรวงสวรรค์ คงภูมิใจกับภรรยาที่ชื่อ “นิชา หิรัญบูรณะ ธุวธรรม”แน่นอน


กำลังโหลดความคิดเห็น