xs
xsm
sm
md
lg

“นักเลือกตั้ง ปรามาส คสช.”

เผยแพร่:   โดย: วิทยา วชิระอังกูร


คืนวันส่งท้ายปีเก่า 31 ธันวาคม ที่ผ่านมา แม้ใจจริงอยากจะอยู่เงียบๆ เพื่อทบทวนรำลึกอดีตที่ผ่านมาในขวบปี แต่ชีวิตที่ต้องโอนอ่อนผ่อนตามผู้คนและสิ่งแวดล้อมใกล้ตัวบ้าง ผมจึงต้องพาภรรยาไปร่วมงานสังสรรค์ส่งท้ายปีเก่ากับผองเพื่อน เพื่อรอเวลาเคาท์ดาวน์ตามธรรมเนียมนิยมที่รับมาจากฝรั่งตะวันตก หลังงานเลี้ยงเลิกรา ผมจึงได้มานั่งครุ่นคิด และเขียนบทกวีนี้ ก่อนนอนพับหลับใหลไปในค่อนดึก 31 ธันวาคมต่อวันที่ 1 มกราคม 2558

“เมื่อมีเส้นสมมติให้สุดสิ้น
แผ่นสุดท้ายปฏิทินสิ้นปีเก่า
สามสิบเอ็ดธันวาโบกลาเรา
ฝากรอยสุขรอยเศร้าวันสิ้นปี
ส่งท้ายทุกข์ที่มีในปีเก่า
ให้ลบเลือนไม่เหลือเงาให้เปล่าปลี้
เตรียมรับวันปีใหม่ในพรุ่งนี้
รับแต่สิ่งดีๆ มีโชคชัย
หนึ่งมกราคมให้สมหวัง
หวังทุกครั้งความหวังสว่างใส
หวังการปฏิรูปประเทศไทย
หวังได้หรือไม่ได้ยังไม่รู้
แต่อย่างน้อยปีใหม่ยังได้หวัง
ทิ้งปีเก่าล้าหลังให้สุดกู่
ลงหลังม้ามาขี่แพะ แบะๆ ดู
เป็นแพะสู้ หรือแพะตุ๋น ลุ้นต่อไป
ส่งท้ายปีเก่าที่เหลาเหย่
ร่วมเริงร่าฮาเฮ รับปีใหม่
ปีแห่งการปฏิรูปประเทศไทย
กลั้นหายใจลึกๆ...พี่น้องเอ้ยยย!”

หลังจากทบทวนเหตุการณ์บ้านเมืองที่ผ่านมาตลอดปี 2557 และกำลังจะดำเนินต่อไปในปี 2558 ผมเริ่มรู้สึกลึกๆ ในใจเช่นนั้นจริงๆ ว่า มวลมหาประชาชนที่ออกมาเรียกร้องการปฏิรูปประเทศไทยบนท้องถนนในกรุงเทพฯ นับหลายสิบล้านคนโดยยืดเยื้อมากกว่าครึ่งปี คงจะต้องเริ่มทำใจสงบสติอารมณ์ สูดลมหายใจยาวๆ กลั้นลมหายใจลึกๆ เพื่อรอดูการปฏิรูปประเทศไทย ที่อาจจะยังไม่เป็นไปตามเป้าประสงค์ที่คนส่วนใหญ่เรียกร้องต้องการอยากให้เป็นเพราะดูตามโรดแมปและกำหนดระยะเวลา ที่ คสช.ขีดเส้นให้มีการเลือกตั้งในปี 2559 กับท่วงท่าท่วงทีในการจัดการบริหารบ้านเมืองแบบรูทีน ยืดยาดยืดเยื้อโดยอำนาจพิเศษเด็ดขาดที่ได้มาจากการรัฐประหารไม่ได้แสดงศักยภาพความพิเศษเด็ดขาดเท่าที่ควรให้เห็นเลย

ผ่านไปเกินกว่าครึ่งปีแล้ว การกระทำผิดต่างๆ ของนักการเมืองและพรรคการเมืองที่เป็นข้ออ้างต้องทำการยึด อำนาจนั้น ยังไม่มีวี่แววว่าจะได้รับการจัดการสะสางนำคนผิดมาลงโทษได้เลย ไม่ว่าจะกรณีทุจริตโครงการจำนำข้าว ที่ปรากฏหลักฐานชัดแจ้งมากมาย ก็ยังปล่อยให้ลอยนวลไปตามกระบวนการยุติธรรมที่ล่าช้าตามยถากรรม และผลสุดท้ายจะจัดการกับการคอร์รัปชันที่ทำร้ายทำลายขื่อแปของบ้านเมืองอย่าง มโหฬารได้หรือไม่ก็ยังไม่รู้ บทความนี้กำหนดต้องออนไลน์ในวันที่ 8-9 มกราคมจึงต้องเขียนล่วงหน้า โดยยังไม่สามารถรับรู้ผลการพิจารณาถอดถอน นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา,นายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา และนางสาวยิ่งลักษณ์ นายกรัฐมตรี ที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ กำหนดจะพิจารณาในวันที่ 8-9 มกราคม

ซึ่งกรณีนี้ถ้าหากผลการพิจารณาของ สนช.ถอดถอนได้เพื่อประกาศความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมายและความยุติธรรมของบ้านเมือง ก็จะคลี่คลายความอึดอัดคับข้องของคนไทยส่วนใหญ่ได้อีกเปลาะหนึ่ง แต่ถ้าผลออกมาตรงกันข้าม ไม่สามารถถอดถอนบุคคลทั้งสามดังกล่าวตามที่ได้มีการวิเคราะห์เจาะลึกจากบรรดากูรูทางการเมืองมาโดยตลอด หรือมีการทอดเวลาซื้อเวลาออกไปอีก นี่ก็จะยิ่งเป็นลางบอกเหตุว่า การรัฐประหารไม่สามารถจัดการอะไรกับระบอบทักษิณได้เลย ซึ่งย่อมสวนกระแสความคาดหวังของมวลมหาประชาชนอย่างน่าเสียดาย

ยิ่งเมื่อได้ฟังคำสัมภาษณ์สื่อจากนายอนุทิน ชาญวีรกุล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่ต่อสายพัวพันเดินทางไปพบทักษิณ ชินวัตร ที่เมืองนอกตลอดเวลา เปิดปากพูดแบบอหังการว่า

“... ไม่ห่วงพรรคทหารที่จะตั้งเพื่อสืบทอดต่อรองอำนาจเพราะที่ผ่านมาพรรคทหารไม่เคยไปรอด และไม่เชื่อว่าคุณสุดารัตน์จะกล้าทิ้งทักษิณมาช่วย ส่วนเนวินคงไม่เล่นการเมืองระดับชาติแล้ว อยู่เป็นเทพเจ้าของวงการกีฬาและของชาวบุรีรัมย์ ส่วนการเลือกตั้งคราวหน้า จะอยู่ราวมิถุนายน 2559 แต่รัฐบาลหลังเลือกตั้งจะอยู่ไม่นาน โดยนักการเมืองส่วนใหญ่ไม่ยอมรับรัฐธรรมนูญต้องมีแก้ไขกันใหม่ ข้าราชการเวลานี้จะเกียร์ว่างรอเวลาเพราะไม่นานรัฐบาลนี้ก็ไป 

... การเมืองวันนี้ไม่ต้องไปดูอะไรมาก อย่างตนมาจากนักธุรกิจทำพรรคการเมืองแบบ “ทุนนิยม” ไม่ต้องอะไรมาก ไม่เคยกลัวเลยว่าจะเลือกตั้งแบบไหนทั้งแบบแบ่งเขต รวมเขต จะเรียงเบอร์ไม่เรียงเบอร์ หรือให้เลือกนายกฯ โดยตรงได้ทั้งนั้น เพราะ “ปัจจัยสำคัญอยู่ที่หัวคะแนน” ไม่ใช่ “ผู้สมัคร” ฉะนั้นการเขียนรัฐธรรมนูญครั้งนี้ ไม่ได้เป็นการปฏิรูปการเมืองเป็นการเขียนรัฐธรรมนูญเพื่อกัน พ.ต.ท. ทักษิณมากกว่า ...”

ฟังคำปรามาสจากนักการเมืองระดับหัวหน้าพรรคการเมืองในระบบเก่าอย่างนี้แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับคณะนายทหารที่ร่วมกันทำรัฐประหารครั้งนี้จะมีข้อตอบโต้อรรถาธิบายข้อเท็จจริงให้มวลมหาประชาชนได้ช่วยกันประเมินว่า ยังจะสามารถยึดถือฝากความหวังไว้กับฝ่ายทหารที่มีอำนาจเต็มได้อีกต่อไปหรือไม่ หรือว่าการปฏิรูประเทศไทยตามโรดแมปของท่าน จะกลับลำหันกลับไปพึ่งโหร คมช.นายวารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ ที่ออกมาประกาศคำทำนายว่า ชะตากรรมทักษิณหมดสิ้นอำนาจไม่มีทางหวนคืนกลับประเทศได้ ตามเกณฑ์ไม่มีเค้าลางการปฏิวัติซ้อนแน่นอน และนิมิตเห็นแสงเฮ้ากวงปรากฏเหนือศีรษะและเรือนร่างพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตชาตินายทหารเอกของพระองค์ดำ ที่จะมาเป็นผู้นำกอบกู้ปฏิรูปประเทศไทย นั่งเป็นนายกฯ ยาว 3 ปี การเลือกตั้งจะไม่เกิดขึ้นเร็ว จะมีเหตุการณ์พลิกผันไม่เอื้ออวยให้มีการเลือกตั้งอย่างแน่นอน

ก็เอาเถิด จะมีการเลือกตั้งตามโรดแมปของ คสช.หรือจะเลื่อนออกไปตามคำทนายของโหรที่การบริหารจัดการบ้านเมืองไทยพึ่งบริการไสยศาสตร์แขนงนี้มาโดยตลอด ก็เพียงขอให้หวังได้ว่าจะมีการปรับเปลี่ยนกลไกการเลือกตั้งที่ก่อให้เกิดการ เปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่ดีขึ้นกว่าเดิม ได้พรรคการเมือง นักการเมืองที่ดีขึ้นกว่าเดิม แม้จะไม่สมบูรณ์แบบ ก็ขอให้เป็นพื้นฐานที่จะปฏิรูปให้ดีขึ้นได้ต่อๆ ไป

ผมขอทิ้งท้ายบทความนี้ ด้วยการลอกบทกวีเก่าที่เคยเขียนฝาก คสช.ไว้หลังการรัฐประหาร ดังนี้ครับ

“อย่าเร่งไปเลือกตั้ง”
ถ้ามุ่งไปเลือกตั้ง
ทั้งที่ยังไม่พัฒนา
เลือกตั้งอีกครั้งครา
ฝูงผีห่ามาคืนเมือง
ตัดต้นไม่โค่นตอ
จึงแตกหน่ออยู่เนืองเนือง
ปลดเปลื้องจึงเปล่าเปลือง
เมื่อปลดปล่อย ปล่อยไม่ไป
ถ้ารีบไปเลือกตั้ง
เพราะยังห่วงประชาธิปไตย
ฉ้อฉลทุกกลไก
ก็ครอบได้อีกครั้งครา
ผู้แทนก็หน้าเก่า
แผ่รากเหง้าแผ่เขี้ยวงา
อัปรีย์ปรกรัฐสภา
ฝูงผีห่าเป็นรัฐบาล
อำนาจยึดได้มา
อย่าเสียท่าอย่าเสียการ
ล้างเลวร้ายปราบภัยพาล
นานเท่านาน ก็ทำไป
อย่าเร่งไปเลือกตั้ง
พื้นฐานยังไม่แก้ไข
อำนาจอธิปไตย
ซื้อขายได้ ไม่เสรี
ต้องปรับทั้งโครงสร้าง
รื้อทุกทางที่ไม่ดี
ปรับแก้กลวิธี
การเลือกตั้งให้ตั้งตรง
ทำได้ค่อยไปเลือก
อย่าขึงเชือกตามชี้บ่ง
ประเทศไทย ไทดำรง
อย่าตามธง ใครชี้นำ 

            ว.แหวนลงยา
กำลังโหลดความคิดเห็น