ASTVผู้จัดการรายวัน- “ณรงค์ โชควัฒนา” เผยผ่านเฟซบุ๊ก มีข้อมูลน้ำมันดิบจากประเทศไทยอาจถูกลักลอบขนออกทางเรือวันละ 1 ล้านบาร์เรล โดยเรือบรรทุกน้ำมันขนาด 7 หมื่นตัน บางส่วนกลั่นเป็นน้ำมันสุกกลับมาขายไทย จี้ คสช. เอาใจใส่ เพราะเท่ากับเราต้องสั่งซื้อน้ำมันดิบที่เราผลิตเอง ด่านศุลกากรพรมแดนไทย-มาเลเซียเพิ่มความเข้มงวดป้องกันการลักลอบขนน้ำมันเถื่อนจากประเทศมาเลเซียเข้ามาฝั่งไทย หลังจากที่ทางการมาเลเซียประกาศลดราคาน้ำมันทั้งดีเซล และเบนซินลงลิตรละ5 บาท ทำให้ราคาถูกกว่าน้ำมันของไทยลิตรละ 9-12 บาท และเป็นแรงจูงใจให้มีการลักลอบค้าน้ำมันเถื่อนมากขึ้น
เมื่อวันที่ 4 ม.ค. นายณรงค์ โชควัฒนา นักธุรกิจและนักวิชาการอิสระ ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว “ณรงค์ โชควัฒนา” ตั้งคำถามในลักษณะปุจฉา-วิสัชชนา ว่า ประเทศไทยมีน้ำมันดิบหรือไม่ มีมากหรือมีน้อย ทำไมเจ้าหน้าที่รัฐจึงมาบอกให้ข้อมูลว่า “เราต้องพึ่งพาการนำเข้าอยู่”
น้ำมันดิบก็เช่นเดียวกันครับ ที่เคยเรียนว่าทุกบ่อก๊าซมีน้ำมัน ทุกบ่อน้ำมันมีก๊าซธรรมชาติอยู่ร่วมกัน ในอ่าวไทยจึงไม่ได้มีก๊าซเพียงอย่างเดียวครับ หลุมเจาะที่มีก๊าซธรรมชาติทุกหลุมมีน้ำมันด้วยครับ วันนี้เรามีหลุมเจาะก๊าซธรรมชาติและน้ำมัน 400 กว่าหลุม ที่ดำเนินการผลิตอยู่ในขณะนี้ ก๊าซทุกหลุมถูกลำเลียงทางท่อมาขึ้นที่ จ.ระยอง มาป้อนโรงแยกก๊าซถึงหกโรง และยังมีส่วนเหลือที่ต้องเผาทิ้งคาตาและบาดใจอยู่ทุกหลุม
ส่วนน้ำมันไม่มีท่อลำเลียงขึ้นบกจะถูกเก็บและลำเลียงออกโดยเรือบรรทุกน้ำมัน ซึ่งมีวนเวียนในอ่าวไทย 400 กว่าลำ ลำเล็กๆ บรรทุกได้ 3 หมื่นตัน ลำใหญ่ 7 หมื่นตัน ลำเล็กลำเดียวจุได้เทียบเท่ากับน้ำมันกว่า 1 แสนบาร์เรล 1 บาร์เรล คือ ถังบรรจุน้ำมันได้ 160 ลิตร ถ้าหากมีเรือบรรทุกน้ำมันลักลอบออกจากอ่าวไทยวันละ 7 ลำ จาก 400 ลำ แปลว่าประเทศไทยจะถูกลักลอบนำน้ำมันดิบเถื่อนออกไป 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเท่ากับกำลังการผลิตของโรงกลั่นน้ำมันทั้ง 6 โรงในประเทศไทยรวมกันในหนึ่งวัน
แต่ประเทศไทยไม่ได้ใช้น้ำมันทั้ง 1 ล้านบร์าเรลหรอกครับ หลายแสนบาร์เรลต่อวันถูกลำเลียงไปขายยังประเทศเพื่อนบ้านไม่ว่าจะเป็นสิงคโปร์ พม่า ลาว เวียดนาม เขมร ประเทศไทยเราเป็นประเทศที่ผลิตน้ำมันดิบส่งออกและเป็นประเทศที่ผลิตน้ำมันสุกที่ กลั่นแล้วส่งออกด้วยครับ คนไทยทราบหรือไม่ว่าวันนี้เราขายน้ำมันดิบให้จีน สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น เราขายน้ำมันสุกที่กลั่นให้กับประเทศเพื่อนบ้านในบริเวณนี้รวมทั้ง สิงคโปร์ด้วย
“ข้อมูลเหล่านี้เป็นสิ่งที่คนไทยควรรู้ และเป็นสิ่งที่รัฐบาล คณะ คสช. ต้องเอาใจใส่ เพราะเป็นผลประโยชน์มหาศาล ถ้ามีเรือลักลอบขนน้ำมันเถื่อน 7 ลำต่อวัน ก็แปลว่า ประเทศไทยของเราสั่งซื้อน้ำมันที่มีต้นกำเนิดจากประเทศไทยกลับมาใช้ครับ” นายณรงค์ ระบุ
**สกัดน้ำมันมาเลย์ราคาถูกกว่า9-12บาท/ลิตร
เจ้าหน้าที่ด่านศุลกากรพรมแดนไทย-มาเลเซีย ทั้งอ.สะเดา และอ.นาทวี จ.สงขลา เพิ่มมาตรการเข้มงวดตรวจสอบรถยนต์ที่ผ่านเข้า-ออก ป้องกันการลักลอบขนน้ำมันเถื่อนจากชายแดนมาเลเซียเข้ามายังฝั่งไทย โดยเฉพาะรถดัดแปลงถังน้ำมันให้บรรจุน้ำมันได้ 1,000-2,000 ลิตร หลังจากทางการมาเลเซียประกาศลดราคาน้ำมันทั้งดีเซลและเบนซินลงลิตร 5 บาท ตามราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวลดลง ส่งผลให้ราคาน้ำมันเบนซินและดีเซลในมาเลเซียขณะนี้ ลดลดจาก 22.30 บาท เหลือเพียง 18.50 บาท ขณะที่ราคาน้ำมันหน้าปั้มในจ.สงขลา ดีเซลลิตรละ 26.76 บาท ต่างกัน 9 บาท ส่วนแก๊สโซฮอล์ 91 ราคา 28.15 บาท แก๊สโซฮอล์ 95 ราคา 29.87 บาท ต่างกันเกือบ 12 บาท
จากส่วนต่างค่อนข้างมาก ทำให้กลุ่มผู้ค้าน้ำมันเถื่อนชายแดนไทย-มาเลเซีย พยายามลักลอบขนน้ำมันจากมาเลเซียเข้ามาขายตามแนวพรมแดนเพิ่มขึ้น เนื่องจากทำกำไรได้เป็นกอบเป็นกำ แต่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อปั้มน้ำมันของไทย ที่ยอดขายลดลง
อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ยังผ่อนปรนให้กับประชาชนตามแนวชายแดน สามารถเข้าไปเติมน้ำมันฝั่งมาเลเซียได้ แต่ต้องเป็นรถที่ไม่ดัดแปลงสภาพเท่านั้น
**แห่ขายริมถนนคลองหอยโข่ง-ปาดังเบซาร์
ขณะที่ผู้ค้าน้ำมันพากันนำน้ำมันเถื่อนบรรจุแกลลอนขนาด 5 ลิตร 10 ลิตร และ 20 ลิตร มาวางขายกันริมถนน โดยที่บ้านท่าหรั่ง อ.คลองหอยโข่ง เปิดเป็นปั้มหลอด 2 ปั้ม มี 3 หัวจ่ายอยู่ริมถนนเลี่ยงเมือง ระหว่างบ้านพรุ อ.หาดใหญ่ กับบ้านท่าหรั่ง อ.คลองหอยโข่ง และถนนเลี่ยงเมือง อ.คลองหอยโข่ง-ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา นอกจากนี้ยังบรรจุขวดลิตรวางขายริมถนนไปถึงบ้านปาดังเบซาร์ อ.สะเดา โดยขายน้ำมันเบนซินลิตรละ 28 บาท ดีเซล 25 บาท
ขณะที่ด่านศุลกากรปาดังเบซาร์ อ.สะเดา ยังไม่มีการตรวจเข้มผู้ลักลอบขนน้ำมันเถื่อน ที่ขับรถยนต์มาจากประเทศมาเลเซีย คงมีแต่เจ้าหน้าที่มายืนดูรถยนต์ที่วิ่งผ่านด่านเท่านั้น.
