ทุกครั้งที่ขึ้นปีใหม่ เชื่อว่าหลายๆ คน น่าจะจดลิสต์เป้าหมายที่อยากทำในชีวิตกันเอาไว้บ้าง แต่ถึงอย่างนั้น เป้าหมายที่คุณวางไว้อาจจะไม่ได้มาจากใจของคุณจริงๆ เพราะถูกตีกรอบจากบริบทรอบตัว อย่างเช่นอาชีพการงานหรือคนในครอบครัว
ลองหยุดคิดสักนาทีหนึ่งและลองตอบคำถามว่า ลิสต์พวกนี้มีความหมายต่อคุณจริงๆ หรือ? จะเป็นอย่างไรถ้าคุณได้ใช้ชีวิตเหมือนในความฝัน และจะเป็นอย่างไรถ้าลองหลีกหนีจากกิจวัตรเดิมๆ ทุกวัน ดังที่ วิลเลียม รอสส์ นักประพันธ์เพลงประกอบภาพยนตร์ชื่อดังเคยกล่าวเอาไว้ว่า “ทุกคนเกิดมาก็ต้องตาย แต่ใช่ว่าทุกคนจะมีชีวิตอย่างแท้จริง” และนี่คือ 10 สิ่งที่น่าตื่นเต้นที่คุณควรลองสักครั้งในชีวิต!!
1. เก็บกระเป๋าแล้วออกไปลุย!!
การแบ็คแพ็คไปท่องเที่ยวน่าจะอยู่ในลิสต์ลำดับต้นๆ ของใครหลายคน ถึงแม้การสะพายกระเป๋าออกไปตะลุยโลกกว้างอาจเป็นสิ่งที่หลายคนหวาดกลัว แต่เชื่อเถอะว่าหากคุณได้ลองสักครั้งจะติดใจไม่รู้ลืมกับประสบการณ์แบบนี้แน่นอน เพราะการแบ็คแพ็คนั้นจะทำให้คุณเพลิดเพลินไปกับสถานที่ท่องเที่ยวต่างประเทศในแบบงบน้อย แต่ได้กลับมาทั้งความอิสระเสรีและความสนุกสนาน
อีกอย่างคือถึงแม้จะต้องเดินทางคนเดียวแต่มันก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกโดดเดี่ยวหรอกนะ เพราะคุณต้องไปเจอคนอื่นๆ อีกมากมายที่ร่วมเส้นทางเดียวกัน ที่สำคัญการแบ็คแพ็คจะสอนให้เรารู้จักคำว่า “ชีวิต” มากขึ้นกว่าเดิม เพราะฉะนั้นลองออกไปเปิดประสบการณ์สักครั้งเถอะ
2. ฝึกฝนทักษะอาชีพใหม่ๆ
แน่ละ หลายคนพึงพอใจและแฮปปี้ในงานที่กำลังทำอยู่ และก็ยังไม่ได้คิดจะออกไปหางานใหม่ในเร็วๆ นี้ด้วย แต่ก็มีบางขณะที่อยากลองจดลิสต์ใหม่ๆ นับตั้งแต่ที่พบว่าการทำสิ่งที่แตกต่างจากเดิมไปบ้างมันก็เจ๋งดีอยู่ไม่ใช่น้อย ลองนึกดูถึงสิ่งที่คุณทำแล้วมีความสุขอย่างเช่น งานอดิเรก หรือสิ่งที่คุณสนใจ เพราะสิ่งเหล่านี้มีแนวโน้มมากที่จะพัฒนาไปสู่การทำแบบเต็มตัวและทำเป็นอาชีพได้เลย
สเตปแรกที่คุณควรทำคือลองมองหางานพาร์ทไทม์ หรือไม่ก็ร่วมเป็นอาสาสมัครในสายงานที่ชอบ งานใหม่ๆ แบบนี้แหละที่จะช่วยให้คุณได้ขยายขอบเขตความรู้และอาจช่วยสานฝันให้เป็นจริงก็ได้
3. ทดลองเป็นอาสาสมัคร
การจะทำความดีโดยไม่ต้องรอที่จะได้ผลตอบแทนน่าจะเป็นหนึ่งในประสบการณ์ที่ดีที่สุดที่คุณควรลอง และการอาสาสมัครก็ไม่จำเป็นต้องทำอะไรให้มันยิ่งใหญ่อลังการหรือต้องบริจาคเงินแบบมหาศาล มีอีกเป็นร้อยๆ อย่างที่คุณสามารถจะทำเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นได้ เช่น การให้ความช่วยเหลือในหอผู้ป่วยหนัก, การทำงานร่วมกับเด็กพิการ, การปกป้องสัตว์หรือทำความสะอาด ล้วนเป็นกิจกรรมที่ดีทั้งนั้น
เงิน, ทักษะและสถานะทางสังคมไม่มีความหมายอีกต่อไป ความปรารถนาและความพยายามที่จะช่วยเหลือผู้อื่นของคุณต่างหากเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดเกี่ยวกับการเป็นอาสาสมัคร ลองออกไปทำความดีเมื่อคุณมีเวลาและจดจำไว้ว่าการกระทำของคุณจะทำให้โลกแตกต่างไปจากเดิม
4. ลิ้มลองประสบการณ์นัดบอดสักครั้ง
การไปนัดบอดกับใครสักคนนี่อาจเรียกได้ว่าเป็นการผจญภัยเลยนะ เพราะคุณไม่รู้เลยว่าเขาหรือเธอที่คุณจะไปพบหน้านั้นเป็นใคร และต่อจากนั้นมันจะเป็นอย่างไร มันคงจะสร้างความประหลาดใจและความตื่นเต้นเป็นอย่างมาก นับตั้งแต่ที่คุณกำลังนั่งคิดเพลินๆ ว่าคู่ของคุณจะเป็นคนแบบไหนกันนะ
สิ่งที่ดีที่สุดในการนัดบอดคงจะเป็นการที่ไม่ต้องรู้สึกผิดและไม่ต้องมารับผิดชอบอะไร หากคู่นัดบอดที่ได้เจอยังไม่ถูกใจคุณก็สามารถปฏิเสธได้แบบไม่ยากเย็น เอาจริงๆ มันมีข้อดีมากกว่าข้อเสียด้วยซ้ำ เพราะคุณจะได้พบกับคนใหม่ๆ ได้พูดคุยในเรื่องที่ต่างออกไป และยังสามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างตรงไปตรงมาอีกด้วย นี่ล่ะ คือโอกาสที่จะได้พบเจอเพื่อนดีๆ สักคนหรือไม่ก็อาจเป็นคนรักที่คุณตามหามาแสนนานก็ได้ ใครจะไปรู้
5. ลองเล่นกีฬาผาดโผนสุดเร้าใจ!!
บางคนอาจมีความหลงใหลในกีฬาผาดโผน ขณะที่คนอื่นๆ คิดว่ามันเป็นเรื่องที่โคตรบ้า ส่วนคนที่ชอบความผาดโผนก็อาจบอกว่าเป็นเพราะเขาชอบประสบการณ์สุดมันส์ในรูปแบบใหม่ๆ อาทิ การกระโดดบันจี้จัมป์, การพายเรือคายัค, การเล่นพาราไกลดิง หรือการว่ายน้ำกับฝูงฉลามขาว ซึ่งจะเป็นประสบการณ์ที่คุณไม่มีวันลืม และถึงแม้กิจกรรมบางอย่างที่กล่าวมาอาจใช้เวลาแค่ไม่กี่นาที แต่มันจะเป็นวินาทีที่คุณนั้นจดจำไปตลอดชีวิต
ทั้งนี้ กีฬาผาดโผนอาจอันตรายจนสร้างบาดแผลและความเจ็บปวดให้คุณอยู่บ้าง ดังนั้น คุณควรต้องทำทุกอย่างด้วยความระมัดระวังที่สุด และที่สำคัญคือต้องเล่นกับครูฝึกมืออาชีพเท่านั้น
6. เลี้ยงกาแฟคนแปลกหน้า
ความรู้สึกของการได้รับกาแฟจากคนแปลกหน้าเป็นอีกเรื่องราวที่น่าประทับใจ เมื่อผู้ให้เพียงอยากจะให้โดยไม่ได้หวังอะไรตอบแทน ผู้รับย่อมสัมผัสได้ มันช่างเป็นความรู้สึกที่ดีอย่างบอกไม่ถูก ดังนั้นครั้งหน้าที่คุณไปร้านกาแฟ ลองเลี้ยงกาแฟคนแปลกหน้าดู มันเป็นเรื่องที่ง่ายมากแต่ดีเหลือเชื่อจริงๆ
7. เดินทางไปชมแสงเหนือ
ผู้คนจากทั่วโลกเดินทางมายังทางเหนือก็เพื่อที่จะมาชมแสงขั้วโลกเหนือ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่สวยงามน่าประทับใจ ช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่จะเห็นแสงเหนือได้งดงามก็คือระหว่างเดือนตุลาคม - เมษายน นอกจากการชมแสงขั้วโลกเหนือแล้วยังมีกิจกรรมอื่นๆ ให้เพลิดเพลิน เช่น เลื่อนหิมะ และสกี ดังนั้นครั้งหน้าหากคิดจะไปเที่ยว อย่าลืมเก็บอลาสก้า ไอร์แลนด์ และนอร์เวย์ไว้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในดวงใจ ขอบอกว่าบรรยากาศขั้วโลกเหนือนี่แสนจะโรแมนติกและมีเสน่ห์มากทีเดียว
8. เผชิญหน้ากับความกลัว
คนส่วนใหญ่ยังใช้ชีวิตได้สบายๆ ท่ามกลางความกลัวและไม่ได้คิดที่จะหาทางเอาชนะความกลัวนั้น พวกเขาอาจคิดว่าความกลัวเป็นเกราะป้องกันที่ดีซึ่งจะช่วยตัดสินใจและใช้ชีวิตอย่างไม่ต้องเสี่ยงอันตราย แต่ในความเป็นจริงนั้นความกลัวไร้ซึ่งเหตุผล เช่น การกลัวขาดทุน กลัวความโดดเดี่ยว กลัวคน และอื่นๆ อีกมากมาย
ตราบใดที่คุณปล่อยให้ความกลัวครอบงำ คุณจะไม่สามารถแสดงศักยภาพออกมาได้อย่างเต็มที่ พยายามตระหนักว่าความกลัวนั้นเกิดขึ้นภายในจิตใจและมันแค่ดูเหมือนจะน่ากลัว แต่พวกมันไม่ได้ทำร้ายเราจริงๆ สักหน่อย คุณจะไม่สามารถวิ่งหนีความกลัวนั้นพ้น สิ่งเดียวที่ทำให้เราก้าวข้ามผ่านมันไปได้ก็คือเผชิญหน้ากับมัน พูดกับคนแปลกหน้า ร้องเพลงต่อหน้าคนดูเยอะๆ หรือกระโดดร่ม แน่ใจว่าคงมีสัก 10 อย่างที่คุณนั้นกลัว เผชิญหน้ากับมันสักตั้งแล้วคุณจะภูมิใจในตัวเองสุดๆ เมื่อความกลัวนั้นทำอะไรคุณไม่ได้อีก
9. ลองค้างบ้านคนท้องถิ่นดู
คุณอาจจะเคยได้ยินเรื่องราวด้านลบของการไปนอนค้างบ้านคนต่างถิ่น แต่เชื่อเถอะว่าโลกนี้ไม่มีอะไรปลอดภัยนักหรอก การไปนอนค้างบ้านคนอื่นก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียซึ่งมีนักเดินทางพิสูจน์มาแล้วมากมาย ข้อดีอย่างหนึ่งคือเราสามารถออกไปผจญภัยโลกกว้างได้โดยไม่ต้องใช้เงินมากนัก นอกจากนั้นการพักแบบนี้ยังทำให้เราได้เจอคนที่มีแนวคิดคล้ายๆ กัน และได้รู้จักนักเดินทางเจ๋งๆ ที่สร้างแรงบันดาลใจในการเดินทางได้อย่างดี
ปัจจุบันรูปแบบของการค้างบ้านคนท้องถิ่น (Couch surfing) มีสมาชิกมากกว่า 1 ล้านคนจากมากกว่า 70,000 เมืองทั่วโลก ศึกษาหาข้อมูลให้พร้อมก่อนที่จะเข้าพัก และเมื่อคุณได้ลองค้างบ้านคนท้องถิ่นดูแล้ว ชีวิตของคุณจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป อย่าลืมเพิ่มสิ่งนี้ไว้ในลิสต์ที่ต้องลองล่ะ
10. ลองเขียนหนังสือสักเล่มสิ
ทุกคนคงจะมีความคิดอยากจะลงมือเขียนหนังสือสักครั้งในชีวิต แต่คนส่วนมากมักจะคิดกลัวไปเองว่า มันเป็นเรื่องเพ้อฝันและเป็นเรื่องที่แสนยากเย็น แน่นอนละว่าประเด็นสำคัญที่สุดคือการจะเขียนหนังสือสักเล่มคุณต้องเก่งไวยากรณ์ ต้องมีทักษะในด้านวรรณกรรม แต่รู้มั้ยงานเขียนมันก็แค่การแบ่งปันความคิดของเราส่งต่อไปให้ผู้อื่นก็เท่านั้น มันไม่จำเป็นเลยที่คุณจะต้องเป็นนักเขียนมืออาชีพหรอกนะ
อาจจะมีลิสต์อีกมากมายที่น่าจะมากพอๆ กับการขอพรถูกจดไว้ในกระดาษของคุณ อย่าลืมเปิดมันขึ้นบ่อยๆ และเช็คว่าคุณได้ก้าวข้ามเป้าหมายของตัวเองไปได้หรือยัง และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือคุณต้องไม่ลืมใช้ชีวิตในแนวทางเดียวกับเป้าหมายที่วางไว้ด้วย เอ๊ะ! แล้วตอนนี้ คุณมีลิสต์ของปี 2558 ไว้กี่ข้อแล้วล่ะ??
ที่มา : http://womanitely.com