xs
xsm
sm
md
lg

ใต้อ่วมหนัก ฝนตกสะสม คลื่นลมแรง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กรมอุตุฯ แจ้งใต้ตอนล่างฝนตกหนัก อ่าวไทยคลื่นลมแรงถึง 25 ธ.ค. ด้านแหลมตะลุมพุกอ่วมแทบเป็นหมู่บ้านร้าง ชายฝั่งหัวไทร-โคกเคียนวิกฤติบ้านพังระนาว ผู้ว่าฯ นราธิวาส เตือนอย่าเชื่อข่าวลือคลื่นยักษ์ เรือประมงชุมพรถูกคลื่นซัดเกยโขดหิน ต้องออกไปช่วยท่ามกลางพายุ เฟอร์รี่ดอนสัก-สมุย-พะงัน งดเดินเรือกลางคืน ผู้ประสบภัยปลื้มปิติ “ในหลวง-พระเทพฯ” พระราชทานถุงยังชีพ-เรือท้องแบนช่วย

เมื่อเวลา 17.00 น. วานนี้ (23 ธ.ค.) นายวันชัย ศักดิ์อุดมไชย อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศ “ฝนตกหนักบริเวณภาคใต้ตอนล่างและคลื่นลมแรงในอ่าวไทย” ฉบับที่ 13 ว่าช่วงวันที่ 23-25 ธ.ค.57 บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรง ยังคงปกคลุมประเทศไทยและอ่าวไทยตอนบน ส่งผลให้มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทยมีกำลังแรง ทำให้ภาคใต้ตอนล่างบริเวณ จ.นครศรีธรรมราช จ.พัทลุง และ จ.สงขลา มีฝนต่อเนื่องและมีฝนตกหนักบางแห่ง ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณชายฝั่งประเทศมาเลเซีย ทำให้ จ.ปัตตานี จ.ยะลา และ จ.นราธิวาส มีฝนหนักมากเกิดขึ้นได้ ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนตกหนักและปริมาณฝนตกสะสมไว้ด้วย

สำหรับอ่าวไทยจะมีคลื่นลมแรง โดยมีคลื่นสูง 2-4 เมตร ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ใกล้ชายฝั่งระวังอันตรายจากคลื่นลมแรงที่ซัดเข้าหาฝั่ง ชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและเรือเล็กในอ่าวไทยควรงดออกจากฝั่งจนถึงวันที่ 24 ธ.ค.57

วันเดียวกัน ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ (ศภช.) รายงานสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ว่า บริเวณ จ.พัทลุง จ.สงขลา จ.ปัตตานี จ.ยะลา และจ.นราธิวาส คลี่คลายแล้วบางพื้นที่ ส่วนพื้นที่ปลายน้ำของแต่ละลุ่มน้ำระดับน้ำยังคงเพิ่มขึ้น โดยที่ จ.พัทลุง น้ำท่วม อ.ศรีนครินทร์ อ.ศรีบรรพต อ.กงหรา อ.เขาชัยสน อ.ตะโหมด อ.ควนขนุน และอ.เมือง

จ.สงขลา น้ำท่วม อ.สะเดา อ.คลองหอยโข่ง อ.หาดใหญ่ อ.ควนเนียง อ.สะบ้าย้อย อ.นาทวี อ.เทพา และอ.จะนะ จ.ปัตตานี น้ำท่วมขังใน อ.ทุ่งยางแดง อ.กะพ้อ อ.แม่ลาน อ.ยะรัง อ.ยะหริ่ง อ.หนองจิก อ.สายบุรี และอ.เมือง จ.ยะลา น้ำท่วมขังใน อ.เบตง อ.ธารโต อ.บันนังสตา อ.กาบัง อ.ยะหา อ.กรงปินัง อ.รามัน และอ.เมือง จ.นราธิวาส น้ำท่วมหลายจุดทั่วจังหวัด โดยเฉพาะริมแม่น้ำสุไหงโก-ลก ที่ระดับน้ำยังคงท่วมสูง นอกจากนี้ยังมีคลื่นลมแรงกัดเซาะชายฝั่งทะเลเป็นแนวยาวและน้ำทะเลหนุน จ.นครศรีธรรมราช ท่วมบ้านเรือนและถนนตั้งแต่ อ.ขนอม อ.สิชล อ.ท่าศาลา อ.เมือง อ.ปากพนัง และอ.หัวไทร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่หมู่บ้านชาวประมง หมู่ 2 และ 3 ต.แหลมตะลุมพุก อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ถูกคลื่นซัดถล่มอย่างหนักตลอด 3 วันจนเต็มไปด้วยซากปรักหักพัง ถนนคอนกรีตมีแต่ทรายและขยะที่ถูกคลื่นหอบขึ้นมาทับถม ในหมู่บ้านเหลือแต่คนชราและเด็กที่อยู่ดูแลทรัพย์สิน ผู้ชายพยายามออกไปหางานทำ โดยที่ยังไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาบรรเทาทุกข์

เช่นเดียวกับหมู่บ้านชาวไทยมุสลิม บ้านเกาะยาว ต.หน้าสตน อ.หัวไทร ที่ถูกน้ำทะเลหนุน และคลื่นซัดเข้าหาฝั่งจนน้ำท่วมหมู่บ้าน ชาวบ้านต้องช่วยกันนำท่อพญานาคสูบน้ำที่ท่วมในหมู่บ้านทิ้งทะเล บ้านเรือนริมฝั่งพังเสียหายกว่า 10 หลัง ชาวบ้านไม่พอใจที่ไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาช่วยเหลือด้วยเช่นกัน

จ.นราธิวาส ที่บ้านบาเฆะ หมู่ 1 ต.โคกเคียน อ.เมือง หน่วยนาวิกโยธิน กองทัพเรือ 50 นาย เข้าไปช่วยชาวบ้านที่ประสบทั้งอุทกภัยและวาตภัย โดยขนย้ายสิ่งของไปไว้สูง รื้อบ้านที่ถูกคลื่นทะเลซัดพังทั้งหลัง 3 หลัง และถูกน้ำทะเลหนุนจนเสียหาย 22 หลังคาเรือน ซึ่งนายมาหะมะ เจะและ อายุ 39 ปี ราษฎรบ้านบาเฆะ กล่าวว่า เวลา 20.00 น. วันที่ 22 ธ.ค.57 คลื่นแรงมาก น้ำทะเลขึ้นสูงจนน่ากลัว เนื่องจากด้านหน้าเป็นทะเล ด้านหลังเป็นคลองโคกเคียน ชาวบ้านต่างหนีตายกันโกลาหล โชคดีที่มีทหาร ตำรวจและฝ่ายปกครองมาช่วย

“บ้านบาเฆะไม่ได้อยู่ริมหาด อยู่ห่างประมาณ 1 กิโลเมตร แต่น้ำทะเละกัดเซาะเรื่อยมาทางการก็ไม่แก้ไข ปีนี้ถือว่าแรงที่สุดในรอบ 15 ปี หากปล่อยแบบนี้บ้านบาเฆะจะไร้ที่อยู่อาศัย ที่ผ่านมาที่ดินมีโฉนดถูกกัดเซาะเสียหายแล้ว 21 แปลง เจ้าของ 80 ราย”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดได้มีหน่วยงานสาธารณสุขลงพื้นที่ตรวจสุขภาพและแจกจ่ายยาให้ ขณะที่ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เริ่มต่อสายไฟให้ชาวบ้านใช้ชั่วคราวก่อน อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านยังคงขนย้ายสิ่งของอย่างต่อเนื่อง เพื่ออพยพไปอยูที่มัสยิดอาบูบกัร และสำนักงานองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) โคกเคียน ประมาณ 300 ครัวเรือนแล้ว

นายณัฐพงศ์ ศิริชนะ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า ตามที่มีการส่งข้อความทางไลน์แจ้งเตือนคลื่นยักษ์ขนาดใหญ่เป็น 3 เท่าของที่ซัดเข้าฝั่งก่อนหน้านี้ ซึ่งไม่อยากให้ประชาชนตื่นตกใจเพราะเป็นเพียงข่าวลือ แต่ถ้าหากเกิดขึ้นจริงจังหวัดจะแจ้งเตือนทันที นอกจากนี้ให้เฝ้าระวังถึงวันที่ 25 ธ.ค.57 ซึ่งอาจจะมีคลื่นสูงบ้าง แต่ไม่เท่ากับที่ผ่านมา

ด้าน นายผดุง คงทน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 บ้านฝั่งแดง ต.หาดทรายรี อ.เมือง จ.ชุมพร รับแจ้งว่าพบเรือประมงขนาดใหญ่ติดโขดหินหน้าหาดฝั่งแดง ห่างฝั่งประมาณ 1 กิโลเมตร จึงแจ้งหน่วยกู้ภัยทางน้ำ เทศบาลตำบลปากน้ำชุมพร นำเรือยางติดเครื่องยนต์เข้าช่วยท่ามกลางคลื่นสูงกว่า 2 เมตรซัดตัวเรืออย่างต่อเนื่อง พบว่าเป็นเรืออวนลากชื่อรุ่งรัศมี 2 เกยโขดหินแหลมเทียน ไต้ก๋งและลูกเรือรวม 12 คน ในที่สุดสามารถนำลูกเรือชาวพม่าขึ้นมาได้ 10 คน นำส่งโรงพยาบาลตำบลปากน้ำชุมพร เนื่องจากอยู่ในอาการตื่นตระหนกและหนาวสั่น ส่วนไต้ก๋งและผู้ช่วยขออยู่เฝ้าเรือ ไม่ยอมกลับขึ้นฝั่ง

สอบถามลูกเรือประมงชาวพม่าทราบว่า เรือกำลังกลับเข้าเทียบท่าสะพานปากน้ำชุมพร แต่เมื่อถึงที่เกิดเหตุ มีคลื่นลมโหมกระหน่ำอย่างรุนแรง ไต๋เรือจึงเข้าไปทอดสมอหลบลมหลังเกาะเสม็ด จากนั้นทุกคนนอนหลับด้วยความอ่อนเพลีย มารู้สึกตัวอีกทีเรือก็ลอยมาเกยโขดหินแล้ว เพราะสายสมอเรือถูกกระชากจนขาด

ด้าน องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สงขลา ประกาศหยุดให้บริการแพขนานยนต์ข้ามทะเลสาบสงขลา ระหว่าง อ.เมือง กับอ.สิงหนคร ไม่มีกำหนด เนื่องจากคลื่นลมแรง ผู้ที่จะเดินทางระหว่าง 2 อำเภอต้องข้ามสะพานติณสูลานนท์แทน เช่นเดียวกับ บริษัท ราชาเฟอร์รี่ จำกัด ประกาศหยุดให้บริการเรือเฟอร์รี่จากท่าเทียบเรือเฟอร์รี่ อ.ดอนสัก จ.สุราษฎร์ธานี ไปยังเกาะสมุยและเกาะพะงันในเวลากลางคืน เนื่องจากไม่มีความปลอดภัย ส่วนเที่ยวกลางวันหากเดินเรือได้จะพยายามเสริมเที่ยวให้

การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เขื่อนบางลาง อ.บันนังสตา จ.ยะลา ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ศาลากลางจังหวัดยะลา เพื่อประเมินสถานการณ์น้ำ สรุปว่าแม้มีน้ำไหลเข้าอ่างเฉลี่ยวันละ 40 ล้านลูกบาศก์เมตรก็จะไม่พร่องน้ำ โดยน้ำที่ออกจากเขื่อนในขณะนี้เป็นการผลิตกระแสไฟฟ้าตามปกติ จึงขอแจ้งประชาชนในพื้นที่ท้ายน้ำ อย่าได้วิตกกังวล เพราะน้ำที่ท่วมอยู่ในขณะนี้มาจากฝนที่ตกต่อเนื่องหลายวัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงห่วงใยประชาชนทั้งในจ.สงขลา และ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้พระราชทานเรือท้องแบน 5 ลำให้ศูนย์พัฒนาและบำรุงรักษาทางน้ำที่ 4 กรมเจ้าท่า ใช้ช่วยเหลือประชาชน โดยนายธรา วรรณพฤกษ์ รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ฯ นำเรือท้องแบนออกช่วยเหลือชาวบ้านที่บ้าน 2 ลำ เตรียมพร้อมไว้ 3 ลำ หากประชาชนหรือหน่วยงานใด ต้องการเร่งด่วน ติดต่อได้ที่ศูนย์ฯ โทร.08 9197 1978 ตลอด 24 ชั่วโมง

ขณะเดียวกัน มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยกรรมการบริหาร ได้นำถุงยังชีพพระราชทานมามอบให้ผู้ประสบอุทกภัยในจังหวัดต่างๆ สร้างความปลื้มปิติอย่างหาที่สุดไม่ได้ให้แก่ราษฎรผู้ประสบอุทกภัยที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงใยพสกนิกรที่ประสบความเดือดร้อน

ด้าน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานสถานการณ์ภัยหนาวว่า ปัจจุบันมีการประกาศเขตประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินภัยหนาว 8 จังหวัด 34 อําเภอ 199 ตําบล 2,028 หมู่บ้าน ประกอบด้วย จ.แม่ฮ่องสอน 6 อำเภอ จ.เลย 4 อำเภอ จ.เชียงใหม่ 12 อำเภอ จ.เพชรบูรณ์ 1 อำเภอ จ.น่าน 4 อำเภอ จ.อุตรดิตถ์ 1 อำเภอ จ.นครพนม 6 อำเภอ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดจ.เชียงใหม่ ประกาศเพิ่มเป็น 18 อำเภอ จ.กาฬสินธุ์ 18 อำเภอ
กำลังโหลดความคิดเห็น