xs
xsm
sm
md
lg

กบง.รีดเงินเข้ากองทุนฯดีเซล-โซฮอล์91เพิ่มLPG-NGVรอคิวขึ้นปีหน้า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“กบง.”เดินหน้าปรับโครงสร้างราคาน้ำมันปรับเพิ่มเงินนำส่งกองทุนฯส่วนของดีเซล 0.70 บ./ลิตร แก๊สโซฮอล์ 91 อีก 0.30 บ./ลิตรจัดระเบียบราคาให้เหมาะสม ส่งผลให้วันที่ 24 ธ.ค.เป็นต้นไปน้ำมันขายปลีกกลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์ลดลง 0.30 บ./ลิตรเว้นแก๊สโซฮอล์ 91 E 85 และดีเซลคงเดิม ส่งสัญญาปี 2558 ถึงคิวปฏิรูป LPG -NGV ส่งสัญญาณต้องปรับขึ้น

นายณรงค์ชัย อัครเศรณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.) ว่า กบง.มีมติเห็นชอบเพิ่มอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในส่วนของดีเซลเพิ่มขึ้นอีก 0.70 บาทต่อลิตร และเก็บเงินเข้าในส่วนของแก๊สโซฮอล์ 91เพิ่มอีก 0.30 บาทต่อลิตร ซึ่งจากมติดังกล่าวจะทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันกลุ่มเบนซิน

และแก๊สโซออล์ปรับลดราคาลง 0.30 บาทต่อลิตร ยกเว้นแก๊สโซฮอล์ 91 แก๊สโซออล์E 20 และดีเซลไม่เปลี่ยนแปลง มีผลตั้งแต่วันที่ 24 ธ.ค.เป็นต้นไป

ทั้งนี้ผลการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันเป็นดังนี้ เบนซิน 95 เป็น 37.06 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 95 ราคา 30 บาทต่อลิตร แก๊สโซออล์ 91 คงเดิม 28.28 บาทต่อลิตร E 20 เป็น 26.68 บาทต่อลิตร E 85 คงเดิมที่22.48 และดีเซลคงเดิมที่ 26.89 บาทต่อลิตร ซึ่งการลดราคาครั้งนี้จะทำให้ส่วนต่างราคาของแก๊สโซฮอล์ 91 และ 95 เหมาะสมโดยต่างกันที่ 1.70 บาทต่อลิตร และราคาน้ำมันE 20 เริ่มใกล้เคียงกับดีเซล

“กบง.พิจารณาเห็นว่าจังหวะที่ราคาน้ำมันตลาดโลกที่ต่ำลงนี้เป็นโอกาสที่เราจะปรับโครงสร้างราคาน้ำมันให้มากที่สุดแทนที่เราจะไปลดราคาน้ำมันให้ต่ำๆก็จะถือโอกาสนี้เก็บเงินเข้าด้วยโดยเฉพาะดีเซลที่รัฐเองก็มีเป้าหมายที่จะเก็บภาษีสรรพสามิตดีเซลให้เหมาะสมกับกลุ่มเบนซินซึ่งเงินที่เก็บเข้ากองทุนน้ำมันฯครั้งนี้ก็จะสะสมไว้แล้วโยกไปเป็นภาษีฯเหมือนที่ทำไว้ก่อนหน้าซึ่งเป้าหมายก็จะเก็บให้ได้ระดับ 4 บาทกว่าต่อลิตรจากขณะนี้อยู่ที่ 3.25 บาทต่อลิตร”

สำหรับการปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ครั้งนี้ทำให้กองทุนน้ำมันฯ มีสภาพคล่องเพิ่มขึ้น ประมาณ 1,196 ล้านบาท/เดือน จากเดิม 4,487 ล้านบาท/เดือน สำหรับฐานะสุทธิเงินกองทุนน้ำมันฯ ณ วันที่ 21 ธันวาคม 2557 อยู่ที่ประมาณ 14,230 ล้านบาท

สำหรับการปรับโครงสร้างราคาน้ำมันให้เหมาะสมเป็นธรรมต่อทุกกลุ่มทั้งการจัดระเบียบภาษีฯและการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯถือว่าได้ดำเนินการมาใกล้จบแล้ว ขั้นตอนจากนี้คงจะต้องมาพิจารณาในส่วนของก๊าซปิโตรเลียมเหลว(LPG ) ที่ขณะนี้ได้มีการพิจารณาลอยตัวราคาแล้วก็จะต้องมาพิจารณาถึงราคาให้สะท้อนต้นทุน รวมถึงsก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (NGV)ซึ่งจะดำเนินการในปี 2558 ต่อไป โดยทั้ง 2 ชนิดนี้ถือเป็นเชื้อเพลิงที่จะต้องจัดอยู่ในกลุ่มที่ต้องเสียภาษีสรรพสามิตด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น