วันนี้... “ฝูงนก” ยังปักหลักเม้าธ์การเมืองที่บ้านพระอาทิตย์ แต่ไม่ต้องเปิดแอร์ให้เปลืองไฟ เพราะมีลมหนาวเคล้ามากับกลิ่นกาแฟหอมฉุย บรรยากาศแสนสบาย แต่สถานการณ์กลับร้อนแรง...
“พี่...ป๋าเปรมพูดเรื่องคอร์รัปชันเนี่ย ทำเอาใครบางคนร้อนก้นจนนั่งไม่ติดเลย...”
หนุ่มผมยาวหน้าใสปิ๊งเปิดฉากพูด ก่อนที่นักข่าวสาย ป.ป.ช.จะเผยว่า
“ป๋าเปรมบอกปัญหาใหญ่ชาติมี 2 เรื่อง หนึ่ง-ความจน สอง-การโกงชาติ! รัฐบาลต้องแก้ไขให้คนจนน้อยลง แต่ปัญหาด่วน คือการโกงชาติ เพราะเป็นต้นตอทำให้คนจน ชาติเรามีการโกงชาติมากมาย เราแก้ให้น้อยหรือหายไปยังไม่ได้ บางคนให้ใช้คุณธรรม-จริยธรรม-ธรรมาภิบาล ก็ใช้ได้...แต่ช้าเกินไป ไม่ทันความเลวร้ายของไอ้พวกโกงชาติ”
นักข่าวสาวหยิบขนมปังทาเนยขึ้นกัดคำหนึ่ง จิบชาร้อนหอมกรุ่นก่อนพูดเสริมว่า..
“ป๋าเปรมบอก...ต้องไม่ไหว้คนโกงชาติ ทำอย่างไรก็ได้ให้ทุกคนเกลียดคนโกง เพราะคนโกงชาติคือสิ่งเลวร้ายที่สุดในชาติ เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ผู้มีหน้าที่ต้องทำคดีคนคอร์รัปชันให้เร็ว ให้ติดคุกนานๆ ให้มันกลัว แต่ที่สำคัญกว่ากฎหมายลงโทษ คือความอับอายของชาติเรา ชาวโลกจะว่าชาติไทยเราขี้โกง ซึ่งปล่อยปละละเลยไม่ได้ เป็นหน้าที่เราที่อาสามาช่วยชาติ ต้องแก้ความอับอายนี้ให้ได้ ต้องทำให้ชาติไทยมีเกียรติถ้าไม่ทำเรื่องนี้ ให้ถือว่าไม่พัฒนาชาติ ไม่รักชาติ ไม่ได้แทนคุณของแผ่นดิน”
นักข่าวอาวุโสขยับแว่นตาให้เข้าที่ ก่อนจะพูดเสียงขรึมๆ ว่า
“นั่นเป็นสิ่งที่ป๋าเปรมเสนอ ให้ผู้มีอำนาจหรือรัฐบาลนั่นแหละทำ แต่ผู้นำบิ๊กตู่กลับคิดและทำอีกแบบ นั่นคือ บิ๊กตู่ชอบพูดซ้ำซากว่า ทุกฝ่ายต้องถือเรื่องปรองดองเป็นหลัก ต้องอยู่ร่วมกันให้ได้ ส่วนเรื่องคนโกงชาตินั้น ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม อย่าไปยุ่ง-อย่าไปวิจารณ์-เพราะยังไม่รู้ว่า ใครถูกใครผิด ต้องดูข้อเท็จจริง ต้องให้ศาลตัดสินก่อน อย่าขยายความ เดี๋ยวจะไปสร้างความขัดแย้งใหม่ จะกระทบแผนการปรองดองของรัฐบาล”
นักข่าวอาวุโสคนเดิมกลืนพายหมูแดงชิ้นสุดท้ายลงคอ ตามด้วยกาแฟดำอีกหนึ่งอึก ก่อนพูดต่อว่า
“ภัยคอร์รัปชัน...ถือเป็นวาระแห่งชาติที่ต้องรีบปราบปราม แต่ผู้นำบางคนกลับจัดการปัญหาคนโกงชาติแบบเรื่อยๆ มาเรียงๆ ตลอด ปล่อยให้บรรดาคนโกงชาติ ยังลอยนวลสบายใจเฉิบจนทุกวันนี้ เผลอๆ คนชั่วบางคนอาจตายไปก่อนโดนลงโทษก็ได้นะ บิ๊กตู่เคยพูดในงานต้านคอร์รัปชัน Hand to Hand ว่ากฎหมายไม่ได้เอื้อให้ทำร้ายใคร ระยะไม่กี่ปีนี้ กฎหมายทำให้เกิดปัญหามากมาย ฉะนั้น วันนี้ต้องคิดพิจารณาว่า อะไรควรเดินไปอย่างไร เพื่อให้เกิดการยอมรับ วันนี้ต้องคิดใหม่ทำใหม่ ต้องรีบทำให้ชาติพ้นจากความขัดแย้ง เราต้องไม่สร้างความขัดแย้งอีกต่อไป...”
เหยี่ยวข่าวสตรีอาวุโสคนหนึ่ง ส่ายหัวก่อนจะพูดแบบเซ็งๆ ว่า
“ผู้นำตู่พูดแล้วสร้างความสับสนให้สังคมไทย กฎหมายน่ะมีไว้สำหรับทำร้ายหรือลงโทษคนทำผิด กฎหมายไม่ได้เป็นตัวปัญหา คนโกงชาติต่างหากที่เป็นตัวปัญหาที่แท้จริง โจรไม่เคยยอมรับว่า กฎหมายที่ลงโทษตนดีและเที่ยงธรรม นักการเมืองชั่วคอร์รัปชันโกงชาตินั้น ถือเป็นพวกทำลายชาติ-ทำลายความชอบธรรม เป็นต้นตอก่อเกิดความเหลื่อมล้ำ
วิกฤตชาติไทย ต้นเหตุมิใช่สงครามสีเสื้อ และมิใช่คนไทยไม่ปรองดองกัน แต่ต้นเหตุทั้งหมดเกิดจากรัฐบาลทุนสามานย์เหลี่ยมโกงชาติและจะล้มเจ้า จึงทำให้คนไทยที่ดี ต้องออกมาชุมนุมขับไล่รัฐบาลชั่ว ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีและเป็นคุณต่อชาติ เป็นความรักชาติที่แท้จริง ซึ่งควรได้รับการยกย่องจากทุกรัฐบาล ขณะที่อันธพาลการเมืองของรัฐบาลชั่ว ใช้ความรุนแรงเข่นฆ่าผู้ชุมนุม จนบาดเจ็บล้มตายไปมากมาย เพียงหวังจะปกป้องรัฐบาลโกงชาตินั้น ควรถูกประณามและลงโทษตามกฎหมาย...”
นักข่าวหน้าใสใช้หนังยางรัดผมจนดูเรียบร้อย ก่อนจะพูดขึ้นว่า
“...คนชั่วที่คอร์รัปชันเป็นมะเร็งร้ายทำลายชาติไทย คนชั่วกับคนดีจึงปรองดองกันไม่ได้ เพราะถ้าโจรกับตำรวจ-อัยการ-ศาล อยู่ด้วยกันได้-ปรองดองกันได้ ชาติและประชาชนวายป่วงแน่นอน ดังนั้น ถ้าผู้นำคนไหนแยกไม่ออกว่า ใครดีใครชั่ว ใครถูกใครผิด ผู้นำชาตินั่นแหละมีปัญหาใหญ่หลวงแล้วล่ะ...”
“งานนี้...เพราะผู้มีอำนาจบางคน คิดจะสืบทอดอำนาจจนหน้ามืดตามัว จึงจงใจไม่แยกถูก-ผิด-ดี-ชั่ว เฮ้อ!...เห็นทีต้องพึ่งผู้ใหญ่ในบ้านเมืองที่กล้าหาญอย่าง ‘ป๋าเปรม’ ช่วยลงแส้หนักๆ บ่อยๆ ให้รู้ดีรู้ชั่ว เพราะเข้าเดือนที่ 7 แล้ว ผลงานปราบพวกโกงชาติและล้มเจ้าของรัฐบาลนี้ยังไม่เป็นชิ้นเป็นอันเลย แต่เก่งเหลือเกินกับการทำลายมิตรและคนดี แถมยังใช้ความกล้าแบบผิดๆ ปล่อยปละละเลยการลงโทษคนโกงชาติและล้มเจ้ามาจนทุกวันนี้...”
เหยี่ยวข่าวรุ่นป้าที่พูดน้อยต่อยหนักสรุปตบท้ายว่า
“งานนี้...นอกจากป๋าเปรมแล้ว จะมีผู้ใหญ่อื่นๆ ในบ้านเมืองแสดงความกล้าหาญ ช่วยเทศนาอบรมสั่งสอน ‘อัศวินขี่ม้าเขียว’ ที่หลงทาง ให้ชักม้าคืนสู่เส้นทางธรรม ที่รู้ถูก-รู้ผิด-รู้ชั่ว-รู้ดี-รู้มิตร-รู้ศัตรู-รู้ควร-รู้มิควร..อีกครั้งมั้ย?”
“...เฮ้อ!...ยากว่ะ...ยากยิ่งกว่าเข็นครกขึ้นภูเขาหิมาลัยเสียอีก เพราะ ‘อัศวินขี่ม้าเขียว’ ผู้หลงทางคนนี้ ฟังใครที่ไหนล่ะพ่อคุณเอ๊ย!...”
“พี่...ป๋าเปรมพูดเรื่องคอร์รัปชันเนี่ย ทำเอาใครบางคนร้อนก้นจนนั่งไม่ติดเลย...”
หนุ่มผมยาวหน้าใสปิ๊งเปิดฉากพูด ก่อนที่นักข่าวสาย ป.ป.ช.จะเผยว่า
“ป๋าเปรมบอกปัญหาใหญ่ชาติมี 2 เรื่อง หนึ่ง-ความจน สอง-การโกงชาติ! รัฐบาลต้องแก้ไขให้คนจนน้อยลง แต่ปัญหาด่วน คือการโกงชาติ เพราะเป็นต้นตอทำให้คนจน ชาติเรามีการโกงชาติมากมาย เราแก้ให้น้อยหรือหายไปยังไม่ได้ บางคนให้ใช้คุณธรรม-จริยธรรม-ธรรมาภิบาล ก็ใช้ได้...แต่ช้าเกินไป ไม่ทันความเลวร้ายของไอ้พวกโกงชาติ”
นักข่าวสาวหยิบขนมปังทาเนยขึ้นกัดคำหนึ่ง จิบชาร้อนหอมกรุ่นก่อนพูดเสริมว่า..
“ป๋าเปรมบอก...ต้องไม่ไหว้คนโกงชาติ ทำอย่างไรก็ได้ให้ทุกคนเกลียดคนโกง เพราะคนโกงชาติคือสิ่งเลวร้ายที่สุดในชาติ เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ผู้มีหน้าที่ต้องทำคดีคนคอร์รัปชันให้เร็ว ให้ติดคุกนานๆ ให้มันกลัว แต่ที่สำคัญกว่ากฎหมายลงโทษ คือความอับอายของชาติเรา ชาวโลกจะว่าชาติไทยเราขี้โกง ซึ่งปล่อยปละละเลยไม่ได้ เป็นหน้าที่เราที่อาสามาช่วยชาติ ต้องแก้ความอับอายนี้ให้ได้ ต้องทำให้ชาติไทยมีเกียรติถ้าไม่ทำเรื่องนี้ ให้ถือว่าไม่พัฒนาชาติ ไม่รักชาติ ไม่ได้แทนคุณของแผ่นดิน”
นักข่าวอาวุโสขยับแว่นตาให้เข้าที่ ก่อนจะพูดเสียงขรึมๆ ว่า
“นั่นเป็นสิ่งที่ป๋าเปรมเสนอ ให้ผู้มีอำนาจหรือรัฐบาลนั่นแหละทำ แต่ผู้นำบิ๊กตู่กลับคิดและทำอีกแบบ นั่นคือ บิ๊กตู่ชอบพูดซ้ำซากว่า ทุกฝ่ายต้องถือเรื่องปรองดองเป็นหลัก ต้องอยู่ร่วมกันให้ได้ ส่วนเรื่องคนโกงชาตินั้น ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม อย่าไปยุ่ง-อย่าไปวิจารณ์-เพราะยังไม่รู้ว่า ใครถูกใครผิด ต้องดูข้อเท็จจริง ต้องให้ศาลตัดสินก่อน อย่าขยายความ เดี๋ยวจะไปสร้างความขัดแย้งใหม่ จะกระทบแผนการปรองดองของรัฐบาล”
นักข่าวอาวุโสคนเดิมกลืนพายหมูแดงชิ้นสุดท้ายลงคอ ตามด้วยกาแฟดำอีกหนึ่งอึก ก่อนพูดต่อว่า
“ภัยคอร์รัปชัน...ถือเป็นวาระแห่งชาติที่ต้องรีบปราบปราม แต่ผู้นำบางคนกลับจัดการปัญหาคนโกงชาติแบบเรื่อยๆ มาเรียงๆ ตลอด ปล่อยให้บรรดาคนโกงชาติ ยังลอยนวลสบายใจเฉิบจนทุกวันนี้ เผลอๆ คนชั่วบางคนอาจตายไปก่อนโดนลงโทษก็ได้นะ บิ๊กตู่เคยพูดในงานต้านคอร์รัปชัน Hand to Hand ว่ากฎหมายไม่ได้เอื้อให้ทำร้ายใคร ระยะไม่กี่ปีนี้ กฎหมายทำให้เกิดปัญหามากมาย ฉะนั้น วันนี้ต้องคิดพิจารณาว่า อะไรควรเดินไปอย่างไร เพื่อให้เกิดการยอมรับ วันนี้ต้องคิดใหม่ทำใหม่ ต้องรีบทำให้ชาติพ้นจากความขัดแย้ง เราต้องไม่สร้างความขัดแย้งอีกต่อไป...”
เหยี่ยวข่าวสตรีอาวุโสคนหนึ่ง ส่ายหัวก่อนจะพูดแบบเซ็งๆ ว่า
“ผู้นำตู่พูดแล้วสร้างความสับสนให้สังคมไทย กฎหมายน่ะมีไว้สำหรับทำร้ายหรือลงโทษคนทำผิด กฎหมายไม่ได้เป็นตัวปัญหา คนโกงชาติต่างหากที่เป็นตัวปัญหาที่แท้จริง โจรไม่เคยยอมรับว่า กฎหมายที่ลงโทษตนดีและเที่ยงธรรม นักการเมืองชั่วคอร์รัปชันโกงชาตินั้น ถือเป็นพวกทำลายชาติ-ทำลายความชอบธรรม เป็นต้นตอก่อเกิดความเหลื่อมล้ำ
วิกฤตชาติไทย ต้นเหตุมิใช่สงครามสีเสื้อ และมิใช่คนไทยไม่ปรองดองกัน แต่ต้นเหตุทั้งหมดเกิดจากรัฐบาลทุนสามานย์เหลี่ยมโกงชาติและจะล้มเจ้า จึงทำให้คนไทยที่ดี ต้องออกมาชุมนุมขับไล่รัฐบาลชั่ว ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีและเป็นคุณต่อชาติ เป็นความรักชาติที่แท้จริง ซึ่งควรได้รับการยกย่องจากทุกรัฐบาล ขณะที่อันธพาลการเมืองของรัฐบาลชั่ว ใช้ความรุนแรงเข่นฆ่าผู้ชุมนุม จนบาดเจ็บล้มตายไปมากมาย เพียงหวังจะปกป้องรัฐบาลโกงชาตินั้น ควรถูกประณามและลงโทษตามกฎหมาย...”
นักข่าวหน้าใสใช้หนังยางรัดผมจนดูเรียบร้อย ก่อนจะพูดขึ้นว่า
“...คนชั่วที่คอร์รัปชันเป็นมะเร็งร้ายทำลายชาติไทย คนชั่วกับคนดีจึงปรองดองกันไม่ได้ เพราะถ้าโจรกับตำรวจ-อัยการ-ศาล อยู่ด้วยกันได้-ปรองดองกันได้ ชาติและประชาชนวายป่วงแน่นอน ดังนั้น ถ้าผู้นำคนไหนแยกไม่ออกว่า ใครดีใครชั่ว ใครถูกใครผิด ผู้นำชาตินั่นแหละมีปัญหาใหญ่หลวงแล้วล่ะ...”
“งานนี้...เพราะผู้มีอำนาจบางคน คิดจะสืบทอดอำนาจจนหน้ามืดตามัว จึงจงใจไม่แยกถูก-ผิด-ดี-ชั่ว เฮ้อ!...เห็นทีต้องพึ่งผู้ใหญ่ในบ้านเมืองที่กล้าหาญอย่าง ‘ป๋าเปรม’ ช่วยลงแส้หนักๆ บ่อยๆ ให้รู้ดีรู้ชั่ว เพราะเข้าเดือนที่ 7 แล้ว ผลงานปราบพวกโกงชาติและล้มเจ้าของรัฐบาลนี้ยังไม่เป็นชิ้นเป็นอันเลย แต่เก่งเหลือเกินกับการทำลายมิตรและคนดี แถมยังใช้ความกล้าแบบผิดๆ ปล่อยปละละเลยการลงโทษคนโกงชาติและล้มเจ้ามาจนทุกวันนี้...”
เหยี่ยวข่าวรุ่นป้าที่พูดน้อยต่อยหนักสรุปตบท้ายว่า
“งานนี้...นอกจากป๋าเปรมแล้ว จะมีผู้ใหญ่อื่นๆ ในบ้านเมืองแสดงความกล้าหาญ ช่วยเทศนาอบรมสั่งสอน ‘อัศวินขี่ม้าเขียว’ ที่หลงทาง ให้ชักม้าคืนสู่เส้นทางธรรม ที่รู้ถูก-รู้ผิด-รู้ชั่ว-รู้ดี-รู้มิตร-รู้ศัตรู-รู้ควร-รู้มิควร..อีกครั้งมั้ย?”
“...เฮ้อ!...ยากว่ะ...ยากยิ่งกว่าเข็นครกขึ้นภูเขาหิมาลัยเสียอีก เพราะ ‘อัศวินขี่ม้าเขียว’ ผู้หลงทางคนนี้ ฟังใครที่ไหนล่ะพ่อคุณเอ๊ย!...”