xs
xsm
sm
md
lg

หุ้นตก “ประยุทธ์” จะตายเอา

เผยแพร่:   โดย: สุนันท์ ศรีจันทรา

ตลาดเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เหมือนกับเกิดเหตุการณ์แบล็กมันเดย์ เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2530 โดยดัชนีหุ้นทรุดตัวลงหนักถึ ง 140 จุด ระหว่างชั่วโมงซื้อขาย ขณะที่นักลงทุนตกอยู่ในความตื่นตระหนก พากันเทขายหุ้นในลักษณะหนีตาย ก่อนที่ตลาดจะดีดกลับขึ้นมาช่วงปลายตลาด

เพียงสัปดาห์เดียว ตลาดหุ้นไทยเกิดความพลิกผัน จากที่คาดว่า ดัชนีปลายปีจะยืนเหนือระดับ 1,600 จุด แต่ดัชนีกลับทรุดลงไปต่ำกว่า 1,500 จุด เพราะทรุดลงต่อเนื่องถึง 5 วันทำการติด

การปรับตัวลงครั้งใหญ่ของตลาดหุ้น เริ่มแรกเกิดจากผลกระทบราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง ฉุดให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปักหัวลง และทำให้ตลาดหุ้นไทยทรุดตาม

ความผันผวนรุนแรงเมื่อวันจันทร์ ไม่ใช่ประเด็นราคาน้ำมันเท่านั้น แต่มีข่าวลือในประเทศมาซ้ำเติม ควบคู่กับความวิตกกังวลในภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา

ราคาน้ำมันตลาดโลกเคยเคลื่อนไหวในระดับ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แต่ร่วงลงมาม้วนเดียวเหลือประมาณ 57 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศกลับลดลงน้อยมาก ส่วนตลาดหุ้นถูกผลกระทบเต็มเปา

เพราะหุ้นกลุ่มพลังงาน หุ้นเครือข่ายปตท. เป็นกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ที่สุด มีผลต่อการคำนวณดัชนี เมื่อราคาหุ้นกลุ่มพลังงานได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ลง จึงฉุดดัชนีให้ดิ่งลงตาม

แต่ราคาน้ำมันไม่ใช่ปัจจัยลบเพียงประการเดียวเสียแล้ว เพราะมีเรื่องข่าวลือที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อความเชื่อมั่นสอดแทรกเข้ามา นอกจากนั้นยังมีความกังวลในภาวะเศรษฐกิจปีหน้าอีกด้วย จึงเกิดตระหนก แห่กันขายหุ้นฝุ่นตลบ

ดัชนีหุ้นที่แดงเถือก เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า ประเทศไทยอยู่ในภาวะที่เปราะบางด้านความเชื่อมั่น มีข่าวลือที่กระทบก็เกิดความกังวลผลกระทบทันที และพื้นฐานทางด้านเศรษฐกิจก็ไม่แข็งแกร่ง หรือมีความไม่แน่นอนด้วยซ้ำ ทุกคนจึงพร้อมชะลอหรือถอนการลงทุน

ราคาน้ำมันโลกที่ดิ่งลง เกิดขึ้นในเวลาใกล้เคียงที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังประกาศว่า อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจหรือจีดีพีประเทศปีนี้คงไม่ถึง 1% แต่ปีหน้าประมาณการว่าจีดีพีจะโตประมาณ 4%

จีดีพีที่แทบไม่โต เป็นเพราะการส่งออกต่ำกว่าเป้าหมาย การลงทุนภาคเอกชนไม่ฟื้น กำลังซื้อตกต่ำ และสถานการณ์จะดำเนินต่อเนื่องถึงปีหน้า โดยอาจคาดหวังการลงทุนภาครัฐได้เท่าใดนัก เพราะรัฐบาลไม่อยู่ฐานะที่จะหาเงินมาอัดฉีดได้อย่างคล่องตัวนัก

ประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจปีหน้าที่ตั้งไว้ประมาณ 4% ถือเป็นอัตราเติบโตที่พอดูได้ แต่ยังไม่แน่ใจว่า รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาจะทำได้ถึงไหม และต้องปรับลดประมาณการจีดีพีลงเหมือนปีนี้อีก

ถ้าจีดีพีขยายตัวต่ำ ดัชนีตลาดหุ้นก็ขยับขึ้นไม่ได้ไกล แรงจูงใจที่จะต้องไล่ซื้อหุ้นจึงไม่มี และเมื่อมีตัวแปรด้านอื่นที่ต้องระวัง นักลงทุนจึงหลีกเลี่ยงในความเสี่ยง

มีอะไรไม่น่าไว้วางใจ “เผ่น” หนีก่อน เทขายหุ้นทิ้ง และออกไปยืนดูสถานการณ์อยู่ห่างๆ ชั่วคราว

ดัชนีตลาดหุ้นเป็นกระจกเงาสะท้อนความเชื่อมั่นในรัฐบาล ดัชนีหุ้นที่ตกรูดครั้งนี้ แม้จะไม่ได้สะท้อนว่า รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ล้มเหลวในการบริหารประเทศ แต่น่าจะบ่งชี้ในระดับหนึ่งว่า ความคาดหวังจากรัฐบาลคงลดน้อยถอยลง โดยเฉพาะความคาดหวังการกระตุ้นเศรษฐกิจ

กราฟหุ้นที่ปักหัวลงดิน กำลังไล่ทิ่มแทงแรงศรัทธาของพล.อ.ประยุทธ์ โดยแสดงให้เห็นว่า รัฐบาลไม่สามารถรักษาความเชื่อมั่นของประชาชนได้

ไม่อาจสะกดนักลงทุนให้ฝันหวานถึงอนาคต

ช่วงส่งท้ายปีเก่า ตลาดหุ้นส่งสัญญาณเตือนภัยออกมาแล้ว เตือนให้รู้ว่า ประเทศมีความเปราะบางขนาดไหน เตือนให้รู้ว่า วิกฤตใหญ่พร้อมจะเกิดขึ้นทุกขณะ

และเตือนพล.อ.ประยุทธ์ว่า ปีหน้าเหนื่อยหนักแน่กับปัญหาเศรษฐกิจ รัฐบาลจะรอดหรือไม่รอด ชี้ขาดกันที่เศรษฐกิจนี่แหละ

นักลงทุนที่กระเป๋าฉีกจากตลาดหุ้น จะเป็นหัวขบวนโจมตีรัฐบาล จะเป็นคนกลุ่มแรกที่ก่อปฏิกิริยาต่อต้านพล.อ.ประยุทธ์ และไม่สามารถเรียกตัวมาปรับทัศนคติได้เหมือนกลุ่มการเมืองทั่วไป

สถานการณ์ของประเทศเวลานี้ไม่น่าไว้วางใจ เพราะเศรษฐกิจซบเซาอย่างหนัก การเมืองไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข่าวลือร้ายๆ ก็เข้ามาเป็นระยะๆ และจะหวังตัวช่วยจากต่างประเทศไม่ได้

เพราะสถานการณ์ต่างประเทศก็ไม่ดีเหมือนกัน ราคาน้ำมันลงไม่หยุด ออสเตรเลียเกิดปัญหาก่อการร้าย เศรษฐกิจโลกระส่ำระสาย โดยผลกระทบจากภายนอกเป็นปัจจัยเสี่ยงในปีหน้า

ข่าวร้ายๆ เต็มไปหมด แต่ข่าวดีๆ หาไม่มี ส่วนรัฐบาลก็ยังไม่แก้ปัญหาอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ประเทศจึงวังเวงและดูสิ้นหวัง

ตลาดหุ้นทานผลกระทบไม่ไหว พังนำร่องไปแล้ว และอาจเป็นจุดเริ่มต้นการนับถอยหลังรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ก็ได้ ปี 2558 ดูท่าจะรอดยาก
กำลังโหลดความคิดเห็น