00 ตามข่าวบอกว่าในวันจันทร์ที่ 15 ธ.ค. คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯเป็นประธาน มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม เป็นกรรมการ จะพิจารณาปรับโครงสร้างราคาพลังงานครั้งใหญ่ พิจารณาจากแนวโน้มแล้ว เชื่อว่าจะจะมีการปรับลดราคาน้ำมันทุกชนิด ในแบบที่เรียกว่า "เป็นเนื้อเป็นหนัง" ผิดไปจากครั้งก่อน แต่ขณะเดียวกัน "ข่าวร้าย" ก็คือจะมีการปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้มแบบสวนทางขึ้นมา ซึ่งการปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้มนี่แหละ จะกลายเป็นหายนะของคนไทยประเภท "กินข้าวแกง" ข้างทาง มาจนถึงคนชั้นกลาง มนุษย์เงินเดือน และก๊าซหุงต้ม จะกลายเป็นต้นทุน เป็นข้ออ้างในการขึ้นราคาสินค้าตามมาแทบทุกอย่าง
00 ขณะเดียวกันถามว่า ทำไมต้องลดราคาน้ำมันลงมา ก็เพราะว่ามันเลี่ยงไม่ได้ ฝืนไม่ได้อีกแล้ว ที่ผ่านมาดันอ้างกลไกตลาด แต่เมื่อกลไกตลาดมันลดลงแบบพรวดพราด จะลดทีละลิตรละ 50-60 ส.ต. แบบนี้มันก็มีสิทธิ์โดนยำเละ แต่ปัญหาก็คือเมื่อน้ำมันลดลง แล้วทำไมต้องมาขึ้นราคาก๊าซสวนทาง ทั้งที่ในความเป็นจริงก๊าซมันก็ลดลงตามมาอยู่แล้ว เวลานี้ราคาก๊าซหุงต้มน้ำหนัก 15 ก.ก.ราคาถังละ 415 บาท แต่ขอโทษ ในความเป็นจริงที่เพิ่งพิสูจน์มากับตา (เพิ่งสั่งก๊าซมาหมาดๆ) ตกถังละ 435 บาท (ปิคนิคแก๊ส) ถามว่าเมื่อเป็นแบบนี้ราคาสินค้า ราคาข้าวแกงจะขึ้นไปอีกเท่าไหร่ ที่ผ่านมาก๊าซหุงต้มปรับราคาไปแล้ว ก.ก.ละ 5.98 บาท หากมีการปรับขึ้นไปอีก 1.37 บาท เป็นกก.ละ 7.35 บาท หายนะหรือเปล่า ลองคิดดูแล้วกันพี่น้อง
00 จากข้อมูลของ รสนา โตสิตระกูล ที่ติดตามเรื่องพลังงานมาอย่างใกล้ชิด ยืนยันว่า หากปรับราคาขึ้นมาแบบนี้ จะทำให้พวกธุรกิจขายก๊าซฟันกำไรวันละ 94.8 ล้านบาท หรือปีละ 34,617 ล้านบาท ข้อสังเกตก็คือ นี่คือการอุ้มธุรกิจก๊าซ หลังจากไม่อาจสวนกระแสราคาน้ำมันที่ลดลงตามตลาดโลก การขึ้นราคาก๊าซคราวนี้เป็นไปตามข้อเสนอของพวกนักวิชาการ และข้าราชการในกระทรวงพลังงาน ที่มีผลประโยชน์ทับซ้อนในธุรกิจพลังงานทั้งสิ้น ดังนั้นก็ต้องรอดูว่า "ลุงตู่" จะคืนความสุข หรือยัดเยียดความทุกข์ให้คนไทย ในช่วงปีใหม่กันแน่ !!
00 ปัญหาปากท้องคนไทยยังเป็นตัวแปรสำคัญชี้ชะตาอนาคตของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ คสช. ทั้งเรื่องราคาสินค้า ราคาสินค้าเกษตร โดยเฉพาะราคายางพารา ราคาที่เวลานี้ยัง "3โลร้อย" เริ่มสร้างความตึงเครียดในพื้นที่มากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากพิจารณาจากแนวโน้มแล้วในอนาคตยังสิ้นหวัง และเรื่องนี้แหละ ที่จะทำลายศรัทธา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลงไปเรื่อยๆ
00 เริ่มมีการจับตามองและคาดการณ์กันมากขึ้นแล้วว่า หลังปีใหม่น่าจะต้องมีการปรับคณะรัฐมนตรีกันค่อนข้างแน่ โดยเฉพาะ "ทีมเศรษฐกิจ" ที่นำโดย ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ว่าจะอยู่หรือไป แต่เมื่อพิจารณาจากผลงานในการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ผ่านมา ก็ต้องบอกตามตรงว่าไม่เข้าตา แต่ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าจะชี้ขาดอย่างไร !!
00 ขณะเดียวกันถามว่า ทำไมต้องลดราคาน้ำมันลงมา ก็เพราะว่ามันเลี่ยงไม่ได้ ฝืนไม่ได้อีกแล้ว ที่ผ่านมาดันอ้างกลไกตลาด แต่เมื่อกลไกตลาดมันลดลงแบบพรวดพราด จะลดทีละลิตรละ 50-60 ส.ต. แบบนี้มันก็มีสิทธิ์โดนยำเละ แต่ปัญหาก็คือเมื่อน้ำมันลดลง แล้วทำไมต้องมาขึ้นราคาก๊าซสวนทาง ทั้งที่ในความเป็นจริงก๊าซมันก็ลดลงตามมาอยู่แล้ว เวลานี้ราคาก๊าซหุงต้มน้ำหนัก 15 ก.ก.ราคาถังละ 415 บาท แต่ขอโทษ ในความเป็นจริงที่เพิ่งพิสูจน์มากับตา (เพิ่งสั่งก๊าซมาหมาดๆ) ตกถังละ 435 บาท (ปิคนิคแก๊ส) ถามว่าเมื่อเป็นแบบนี้ราคาสินค้า ราคาข้าวแกงจะขึ้นไปอีกเท่าไหร่ ที่ผ่านมาก๊าซหุงต้มปรับราคาไปแล้ว ก.ก.ละ 5.98 บาท หากมีการปรับขึ้นไปอีก 1.37 บาท เป็นกก.ละ 7.35 บาท หายนะหรือเปล่า ลองคิดดูแล้วกันพี่น้อง
00 จากข้อมูลของ รสนา โตสิตระกูล ที่ติดตามเรื่องพลังงานมาอย่างใกล้ชิด ยืนยันว่า หากปรับราคาขึ้นมาแบบนี้ จะทำให้พวกธุรกิจขายก๊าซฟันกำไรวันละ 94.8 ล้านบาท หรือปีละ 34,617 ล้านบาท ข้อสังเกตก็คือ นี่คือการอุ้มธุรกิจก๊าซ หลังจากไม่อาจสวนกระแสราคาน้ำมันที่ลดลงตามตลาดโลก การขึ้นราคาก๊าซคราวนี้เป็นไปตามข้อเสนอของพวกนักวิชาการ และข้าราชการในกระทรวงพลังงาน ที่มีผลประโยชน์ทับซ้อนในธุรกิจพลังงานทั้งสิ้น ดังนั้นก็ต้องรอดูว่า "ลุงตู่" จะคืนความสุข หรือยัดเยียดความทุกข์ให้คนไทย ในช่วงปีใหม่กันแน่ !!
00 ปัญหาปากท้องคนไทยยังเป็นตัวแปรสำคัญชี้ชะตาอนาคตของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ คสช. ทั้งเรื่องราคาสินค้า ราคาสินค้าเกษตร โดยเฉพาะราคายางพารา ราคาที่เวลานี้ยัง "3โลร้อย" เริ่มสร้างความตึงเครียดในพื้นที่มากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากพิจารณาจากแนวโน้มแล้วในอนาคตยังสิ้นหวัง และเรื่องนี้แหละ ที่จะทำลายศรัทธา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลงไปเรื่อยๆ
00 เริ่มมีการจับตามองและคาดการณ์กันมากขึ้นแล้วว่า หลังปีใหม่น่าจะต้องมีการปรับคณะรัฐมนตรีกันค่อนข้างแน่ โดยเฉพาะ "ทีมเศรษฐกิจ" ที่นำโดย ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ว่าจะอยู่หรือไป แต่เมื่อพิจารณาจากผลงานในการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ผ่านมา ก็ต้องบอกตามตรงว่าไม่เข้าตา แต่ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าจะชี้ขาดอย่างไร !!
