ASTVผู้จัดการรายวัน-"หมอวรงค์"สงสัยข้าวหายจากบัญชี 2.2 ล้านตัน แต่ผลตรวจสอบชุด "ปนัดดา" ระบุว่าหายแค่ 2 แสนตัน จี้ "ประยุทธ์"แจงให้ชัดดำเนินคดีใครไปแล้วบ้าง เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับรัฐบาล
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยถึงการติดตามตรวจสอบข้าวในสต๊อกของรัฐว่า จากการตรวจสอบรายงานของคณะอนุกรรมการตรวจสอบปริมาณและคุณภาพข้าวคงเหลือของรัฐ ที่มี ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เปรียบเทียบกับรายงานของอนุกรรมการปิดบัญชีที่มีการปิดบัญชีเมื่อวันที่ 22 พ.ค.2557 ที่ผ่านมา พบว่า มีความแตกต่างกันมาก โดยตัวเลขข้าวในสต๊อกของคณะอนุกรรมการปิดบัญชี มีปริมาณข้าว 19.2 ล้านตัน แต่ของคณะอนุกรรมการชุดม.ล.ปนัดดา มีข้าวเหลือแค่ 17 ล้านตัน แสดงว่าข้าวสารหายไปสูงถึง 2.2 ล้านตัน แต่ในรายงานของชุดม.ล.ปนัดดา ระบุว่าหายไปเพียงแค่ 2 แสนตัน
ทั้งนี้ คณะอนุกรรมการตรวจสอบชุด ม.ล.ปนัดดา สรุปผลการตรวจสอบข้าวในสต๊อกว่า มีข้าวสารคงเหลือในสต๊อกจำนวน 17 ล้านตัน เป็นข้าวคุณภาพดี 10 เปอร์เซ็นต์ หรือประมาณ 2 ล้านตัน ข้าวคุณภาพต่ำกว่ามาตรฐาน 80 เปอร์เซ็นต์ โดยลักษณะภายนอกเหลืองบางส่วนจำนวน 14 ล้านตัน เป็นข้าวเสื่อมคุณภาพ 4 เปอร์เซ็นต์ หรือ 7 แสนตัน และข้าวหายอีก 2 แสนตัน
"พล.อ.ประยุทธ์ (จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ) ประกาศนโยบายชัดเจนในการปราบปรามการทุจริต ก็ควรชี้แจงว่า ปริมาณข้าวสารที่หายและข้าวสารที่เสื่อมสภาพเหล่านี้ ล้วนเกิดจากการทุจริต รัฐบาลได้ให้เจ้าหน้าที่รัฐดำเนินคดีแก่ผู้เกี่ยวข้องต่อความเสียหายดังกล่าวไปแล้วจำนวนกี่คดี ถ้ารัฐบาลสามารถรวบรวมคดีต่างๆ ที่ดำเนินการและรายงานให้ประชาชนทราบ ก็จะสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชนว่ารัฐบาลเอาจริงในการปราบปรามการทุจริต" นพ.วรงค์ กล่าว
นพ.วรงค์ กล่าวอีกว่า ล่าสุดมีข่าวว่าบริษัทคอฟโก ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบการนำเข้าข้าวของรัฐบาลจีน ที่มีสัญญาซื้อข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) กับรัฐบาลไทย ได้สั่งชะลอการรับมอบข้าวลอตที่ 3 จากฝ่ายไทย รัฐบาลต้องลงไปดูแลปัญหานี้อย่างใกล้ชิดว่าเกิดจากฝ่ายใด เพราะไม่ควรที่จะเกิดจากฝ่ายไทย โดยเฉพาะปัญหาคุณภาพข้าวที่ส่งมอบ และรัฐบาลควรชี้แจงให้ประชาชนรับทราบด้วย เพราะสัญญาการซื้อขายข้าวแบบจีทูจีเป็นเครดิตของประเทศ
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยถึงการติดตามตรวจสอบข้าวในสต๊อกของรัฐว่า จากการตรวจสอบรายงานของคณะอนุกรรมการตรวจสอบปริมาณและคุณภาพข้าวคงเหลือของรัฐ ที่มี ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เปรียบเทียบกับรายงานของอนุกรรมการปิดบัญชีที่มีการปิดบัญชีเมื่อวันที่ 22 พ.ค.2557 ที่ผ่านมา พบว่า มีความแตกต่างกันมาก โดยตัวเลขข้าวในสต๊อกของคณะอนุกรรมการปิดบัญชี มีปริมาณข้าว 19.2 ล้านตัน แต่ของคณะอนุกรรมการชุดม.ล.ปนัดดา มีข้าวเหลือแค่ 17 ล้านตัน แสดงว่าข้าวสารหายไปสูงถึง 2.2 ล้านตัน แต่ในรายงานของชุดม.ล.ปนัดดา ระบุว่าหายไปเพียงแค่ 2 แสนตัน
ทั้งนี้ คณะอนุกรรมการตรวจสอบชุด ม.ล.ปนัดดา สรุปผลการตรวจสอบข้าวในสต๊อกว่า มีข้าวสารคงเหลือในสต๊อกจำนวน 17 ล้านตัน เป็นข้าวคุณภาพดี 10 เปอร์เซ็นต์ หรือประมาณ 2 ล้านตัน ข้าวคุณภาพต่ำกว่ามาตรฐาน 80 เปอร์เซ็นต์ โดยลักษณะภายนอกเหลืองบางส่วนจำนวน 14 ล้านตัน เป็นข้าวเสื่อมคุณภาพ 4 เปอร์เซ็นต์ หรือ 7 แสนตัน และข้าวหายอีก 2 แสนตัน
"พล.อ.ประยุทธ์ (จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ) ประกาศนโยบายชัดเจนในการปราบปรามการทุจริต ก็ควรชี้แจงว่า ปริมาณข้าวสารที่หายและข้าวสารที่เสื่อมสภาพเหล่านี้ ล้วนเกิดจากการทุจริต รัฐบาลได้ให้เจ้าหน้าที่รัฐดำเนินคดีแก่ผู้เกี่ยวข้องต่อความเสียหายดังกล่าวไปแล้วจำนวนกี่คดี ถ้ารัฐบาลสามารถรวบรวมคดีต่างๆ ที่ดำเนินการและรายงานให้ประชาชนทราบ ก็จะสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชนว่ารัฐบาลเอาจริงในการปราบปรามการทุจริต" นพ.วรงค์ กล่าว
นพ.วรงค์ กล่าวอีกว่า ล่าสุดมีข่าวว่าบริษัทคอฟโก ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบการนำเข้าข้าวของรัฐบาลจีน ที่มีสัญญาซื้อข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) กับรัฐบาลไทย ได้สั่งชะลอการรับมอบข้าวลอตที่ 3 จากฝ่ายไทย รัฐบาลต้องลงไปดูแลปัญหานี้อย่างใกล้ชิดว่าเกิดจากฝ่ายใด เพราะไม่ควรที่จะเกิดจากฝ่ายไทย โดยเฉพาะปัญหาคุณภาพข้าวที่ส่งมอบ และรัฐบาลควรชี้แจงให้ประชาชนรับทราบด้วย เพราะสัญญาการซื้อขายข้าวแบบจีทูจีเป็นเครดิตของประเทศ