ASTVผู้จัดการรายวัน-“พาณิชย์”จับมือเอกชน ดันส่งออกปีหน้าโต 4% เล็งสร้างแบรนด์สินค้าไทยให้เป็นที่ยอมรับ พร้อมทำแผนบุกเจาะตลาดเป็นรายเมือง ส่วนแพ็กเกจลดค่าครองชีพ เอกชนตอบรับจัดเต็ม เตรียมเสนอครม.รับทราบวันนี้
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) วานนี้ (8 ธ.ค.) ว่า ได้กำหนดแนวทางความร่วมมือระหว่างกระทรวงพาณิชย์กับภาคเอกชนในการส่งเสริมและผลักดันการค้าระหว่างประเทศของไทยในปี 2558 โดยจะร่วมมือกันในการทำตลาด
ทั้งการส่งออกไปยังตลาดดั่งเดิมและตลาดใหม่ เพื่อผลักดันเป้าหมายการส่งออกให้ได้ 4% ตามที่ได้ตั้งไว้
โดยแนวทางในการทำงาน จะร่วมกันผลักดันและสร้างการยอมรับสินค้าไทย ทั้งสินค้าอุตสาหกรรมและสินค้าเกษตร รวมถึงภาคบริการ และจะเพิ่มการเจาะตลาดใหม่ที่มีโอกาส โดยจะดูลึกลงไปถึงขั้นที่ว่าเมืองใดที่กำลังเติบโต มีความต้องการสินค้าอะไร และไทยจะผลักดันส่งออกสินค้าอะไรได้บ้าง ซึ่งเท่าที่ดูไว้ เช่น รัสเซีย ที่มีความต้องการสินค้ามากและมีโอกาสที่สินค้าไทยจะขายได้มาก โดยรัสเซียกำลังรวมตัวกับประเทศพันธมิตรเป็นยูโรเซีย รวมถึงตลาดแอฟริกา อเมริกาใต้ และอินเดียใต้ เป็นต้น
นางอภิรดีกล่าวว่า สำหรับการลดค่าครองชีพ ภาคเอกชนทั้งจากสภาหอฯ และส.อ.ท. ได้ร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ในการปรับลดราคาสินค้าอย่างเต็มที่ โดยจะเสนอแพ็กเกจของขวัญปีใหม่ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบวันนี้ (9 ธ.ค.) ได้แก่ โครงการลดราคาสินค้าเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน ที่จะมีการลดราคาสินค้า 20-70%
ในทุกห้างและร้านสะดวกซื้อที่เข้าร่วมโครงการ ซึ่งทางพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะมีการแถลงข่าวที่ทำเนียบรัฐบาลในวันที่ 17 ธ.ค.นี้ และเปิดตัวโครงการ (คิกออฟ) วันที่ 23 ธ.ค. ซึ่งโครงการลดราคาสินค้าจะมีขึ้นทั้งหมด 7 วัน คือ ตั้งแต่วันที่ 24-30 ธ.ค. เป็นต้นไป
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังได้เตรียมของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน โดยกรมทรัพย์สินทางปัญญาจะจัดทำกิจกรรมโมมาย ยูนิต หรือรถเคลื่อนที่ เพื่อไปรับจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาให้กับประชาชน กรมพัฒนาธุรกิจการค้า จะจัดมหกรรมเมกะเซลส์ ขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ และกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศจะเปิดตัวศูนย์ข้อมูลการค้าให้ภาคเอกชนได้เข้ามาใช้บริการ
นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จะร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ในการผลักดันให้การส่งออกปีหน้าเติบโตให้ได้ 4% โดยจะเน้นการผลักดันให้ผู้ซื้อยอมรับในสินค้าไทย และจะร่วมมือในการทำให้ทั้งสายการผลิตได้ประโยชน์จากการส่งออก ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ เช่น สินค้าข้าว
จะเข้าไปช่วยเพิ่มมูลค่าการผลิตโดยนำเอาไปทำเครื่องสำอาง ทำอาหารเสริม ซึ่งจะเพิ่มมูลค่าได้มากกว่าการขายข้าวเพียงอย่างเดียว
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า ปัจจุบันสินค้าไทยเป็นที่ยอมรับในตลาดต่างประเทศ ก็จะเร่งผลักดันให้มีการยอมรับในแบรนด์สินค้าไทย ซึ่งส.อ.ท. จะเน้นในสินค้าอุตสาหกรรม เช่น อิเล็กทรอนิกส์ สิ่งทอ และอาหาร และจะร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ในการออกไปทำตลาด โดยดูประเทศที่มีโอกาสทั้งด้านการลงทุนและการค้าขาย
สำหรับปัญหาและอุปสรรคที่จะมีผลกระทบต่อการส่งออกในปีหน้า น่าจะเป็นภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ฟื้นตัวดี ทำให้กำลังซื้อลดลง และยังมีปัญหาในเรื่องการที่สหภาพยุโรป (อียู) ตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (จีเอสพี) สินค้าไทย ซึ่งภาคเอกชนกำลังรวบรวมปัญหา ผลกระทบ และแนวทางแก้ไขว่าจะหาตลาดไหนมาเสริมกับยอดส่งออกที่ลดลงไป
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) วานนี้ (8 ธ.ค.) ว่า ได้กำหนดแนวทางความร่วมมือระหว่างกระทรวงพาณิชย์กับภาคเอกชนในการส่งเสริมและผลักดันการค้าระหว่างประเทศของไทยในปี 2558 โดยจะร่วมมือกันในการทำตลาด
ทั้งการส่งออกไปยังตลาดดั่งเดิมและตลาดใหม่ เพื่อผลักดันเป้าหมายการส่งออกให้ได้ 4% ตามที่ได้ตั้งไว้
โดยแนวทางในการทำงาน จะร่วมกันผลักดันและสร้างการยอมรับสินค้าไทย ทั้งสินค้าอุตสาหกรรมและสินค้าเกษตร รวมถึงภาคบริการ และจะเพิ่มการเจาะตลาดใหม่ที่มีโอกาส โดยจะดูลึกลงไปถึงขั้นที่ว่าเมืองใดที่กำลังเติบโต มีความต้องการสินค้าอะไร และไทยจะผลักดันส่งออกสินค้าอะไรได้บ้าง ซึ่งเท่าที่ดูไว้ เช่น รัสเซีย ที่มีความต้องการสินค้ามากและมีโอกาสที่สินค้าไทยจะขายได้มาก โดยรัสเซียกำลังรวมตัวกับประเทศพันธมิตรเป็นยูโรเซีย รวมถึงตลาดแอฟริกา อเมริกาใต้ และอินเดียใต้ เป็นต้น
นางอภิรดีกล่าวว่า สำหรับการลดค่าครองชีพ ภาคเอกชนทั้งจากสภาหอฯ และส.อ.ท. ได้ร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ในการปรับลดราคาสินค้าอย่างเต็มที่ โดยจะเสนอแพ็กเกจของขวัญปีใหม่ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบวันนี้ (9 ธ.ค.) ได้แก่ โครงการลดราคาสินค้าเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน ที่จะมีการลดราคาสินค้า 20-70%
ในทุกห้างและร้านสะดวกซื้อที่เข้าร่วมโครงการ ซึ่งทางพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะมีการแถลงข่าวที่ทำเนียบรัฐบาลในวันที่ 17 ธ.ค.นี้ และเปิดตัวโครงการ (คิกออฟ) วันที่ 23 ธ.ค. ซึ่งโครงการลดราคาสินค้าจะมีขึ้นทั้งหมด 7 วัน คือ ตั้งแต่วันที่ 24-30 ธ.ค. เป็นต้นไป
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังได้เตรียมของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน โดยกรมทรัพย์สินทางปัญญาจะจัดทำกิจกรรมโมมาย ยูนิต หรือรถเคลื่อนที่ เพื่อไปรับจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาให้กับประชาชน กรมพัฒนาธุรกิจการค้า จะจัดมหกรรมเมกะเซลส์ ขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ และกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศจะเปิดตัวศูนย์ข้อมูลการค้าให้ภาคเอกชนได้เข้ามาใช้บริการ
นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จะร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ในการผลักดันให้การส่งออกปีหน้าเติบโตให้ได้ 4% โดยจะเน้นการผลักดันให้ผู้ซื้อยอมรับในสินค้าไทย และจะร่วมมือในการทำให้ทั้งสายการผลิตได้ประโยชน์จากการส่งออก ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ เช่น สินค้าข้าว
จะเข้าไปช่วยเพิ่มมูลค่าการผลิตโดยนำเอาไปทำเครื่องสำอาง ทำอาหารเสริม ซึ่งจะเพิ่มมูลค่าได้มากกว่าการขายข้าวเพียงอย่างเดียว
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า ปัจจุบันสินค้าไทยเป็นที่ยอมรับในตลาดต่างประเทศ ก็จะเร่งผลักดันให้มีการยอมรับในแบรนด์สินค้าไทย ซึ่งส.อ.ท. จะเน้นในสินค้าอุตสาหกรรม เช่น อิเล็กทรอนิกส์ สิ่งทอ และอาหาร และจะร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ในการออกไปทำตลาด โดยดูประเทศที่มีโอกาสทั้งด้านการลงทุนและการค้าขาย
สำหรับปัญหาและอุปสรรคที่จะมีผลกระทบต่อการส่งออกในปีหน้า น่าจะเป็นภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ฟื้นตัวดี ทำให้กำลังซื้อลดลง และยังมีปัญหาในเรื่องการที่สหภาพยุโรป (อียู) ตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (จีเอสพี) สินค้าไทย ซึ่งภาคเอกชนกำลังรวบรวมปัญหา ผลกระทบ และแนวทางแก้ไขว่าจะหาตลาดไหนมาเสริมกับยอดส่งออกที่ลดลงไป
