ประชาธิปไตยมี 3 ฐานะหรือ 3 มิติคือ
1. มิติที่เป็นอุดมการณ์หรืออุดมคติ
2. มิติที่เป็นระบอบการเมือง-การปกครอง
3. มิติที่เป็นวิถีชีวิตของพลเมือง
การปฏิรูปทางการเมือง คือ การพัฒนาประชาธิปไตยแบบองค์รวมคือ ต้องพัฒนาทั้ง 3 มิติ
อาจกล่าวได้ว่าตลอดระยะเวลา 80 ปีที่ผ่านมานี้ ไทยเรามีการพัฒนาประชาธิปไตยโดยที่มิติที่ 1 เป็นที่ยอมรับโดยทั่วไป จะเห็นได้จากการยืนหยัดต่อสู้เพื่ออุดมการณ์นี้ และต้องการให้มีรัฐธรรมนูญเป็นหลักประกันรองรับอุดมคติประชาธิปไตย แต่เรายังมีปัญหาในการนำประชาธิปไตยมาเป็นระบอบการเมืองการปกครอง ดังเห็นได้จากการล้มล้างและปรับปรุงรัฐธรรมนูญหลายฉบับ เราจึงต้องมีการปฏิรูปการเมืองในแง่ของการจัดทำรัฐธรรรมนูญ และพัฒนาระบอบการเมืองให้เหมาะสม สามารถแก้ไขปัญหาสังคม เศรษฐกิจ การเมือง และกิจการด้านต่างๆ ตามที่สภาปฏิรูปได้มีการแบ่งเป็นหลายๆ ด้านด้วย
ที่สำคัญก็คือ การปฏิรูปเป็นการสร้างอาณาบริเวณให้ประชาธิปไตยมิติที่ 3 ให้มีพื้นที่กว้างขวางขึ้นและมีความแข็งแกร่ง
ดังนั้น ภารกิจของการปฏิรูปจึงจะไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ หากไม่มีการพัฒนาประชาธิปไตยในมิตินี้
ในการนี้ ควรจัดตั้งคณะอนุกรรมาธิการเพื่อการนี้โดยเฉพาะ จึงจะทำให้เกิดความสมบูรณ์เป็นองค์รวมดังภาพ
การพัฒนาประชาธิปไตยในมิติที่ 3 เป็นการพัฒนาและส่งเสริมวิถีชีวิต และคุณค่าทัศนคติของประชาชน เพื่อสร้างความเป็นพลเมืองที่มีวิถีชีวิตและความสัมพันธ์ ที่สอดคล้องกับอุดมการณ์ (มิติที่ 1) และระบอบการเมือง (มิติที่ 2) ของประชาธิปไตย และกระทำได้ด้วยการจัดให้มีการศึกษาเพื่อพลเมือง (Civic Education) ควบคู่ไปกับการศึกษาในโรงเรียน ตลอดจนนอกโรงเรียนในครอบครัว สถานที่ทำงาน
การศึกษาเพื่อพลเมืองหรือเพื่อสร้างความเป็นพลเมืองในสังคมประชาธิปไตย
1. เน้นการเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมเหนือประโยชน์ส่วนตัว
2. เน้นการร่วมมือร่วมใจกันพึ่งพิงอิงกัน ประนีประนอมกันมากกว่าการแข่งขัน
3. เน้นความผาสุก ความเจริญของชุมชนมากกว่าความสุขของปัจเจกบุคคล
4. เน้นสันติสุข ความสงบ อหิงสามากกว่าความขัดแย้ง การทะเลาะเบาะแว้ง และความรุนแรง
5 .เน้นการมีความแตกต่างหลากหลาย โดยไม่มีความแตกแยก
6 .เน้นสมานฉันท์ ความปรองดอง การแสวงหาความเห็นพ้องต้องกัน
7. เน้นความพอเพียง พอดีมากกว่าการแสวงหากำไรอย่างปราศจากขอบเขตความพอดี
8. เน้นความเป็นอิสระ และการกำหนดชะตาชีวิตของตนเองได้ และยอมรับผลแห่งการกระทำของตน
จะเห็นได้ว่า การจัดการศึกษาของพลเมืองมี 2 ส่วนคือ ส่วนแรกการสร้างคุณค่าดังกล่าว ส่วนที่สองคือ การทำความเข้าใจและติดตามการปฏิบัติงานของระบอบการเมือง การปกครองโดยมีส่วนร่วม
ในการจัดหลักสูตรการศึกษาควรเน้นการเรียนรู้ที่มีกิจกรรมเป็นพื้นฐาน โดยจัดกิจกรรมเพื่อให้เด็กและบุคคลทั่วไปมีการกระทำตามคุณค่าต่างๆ ควรมีการจัดตั้งลูกสือ และยุวนารีประชาธิปไตย
1. มิติที่เป็นอุดมการณ์หรืออุดมคติ
2. มิติที่เป็นระบอบการเมือง-การปกครอง
3. มิติที่เป็นวิถีชีวิตของพลเมือง
การปฏิรูปทางการเมือง คือ การพัฒนาประชาธิปไตยแบบองค์รวมคือ ต้องพัฒนาทั้ง 3 มิติ
อาจกล่าวได้ว่าตลอดระยะเวลา 80 ปีที่ผ่านมานี้ ไทยเรามีการพัฒนาประชาธิปไตยโดยที่มิติที่ 1 เป็นที่ยอมรับโดยทั่วไป จะเห็นได้จากการยืนหยัดต่อสู้เพื่ออุดมการณ์นี้ และต้องการให้มีรัฐธรรมนูญเป็นหลักประกันรองรับอุดมคติประชาธิปไตย แต่เรายังมีปัญหาในการนำประชาธิปไตยมาเป็นระบอบการเมืองการปกครอง ดังเห็นได้จากการล้มล้างและปรับปรุงรัฐธรรมนูญหลายฉบับ เราจึงต้องมีการปฏิรูปการเมืองในแง่ของการจัดทำรัฐธรรรมนูญ และพัฒนาระบอบการเมืองให้เหมาะสม สามารถแก้ไขปัญหาสังคม เศรษฐกิจ การเมือง และกิจการด้านต่างๆ ตามที่สภาปฏิรูปได้มีการแบ่งเป็นหลายๆ ด้านด้วย
ที่สำคัญก็คือ การปฏิรูปเป็นการสร้างอาณาบริเวณให้ประชาธิปไตยมิติที่ 3 ให้มีพื้นที่กว้างขวางขึ้นและมีความแข็งแกร่ง
ดังนั้น ภารกิจของการปฏิรูปจึงจะไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ หากไม่มีการพัฒนาประชาธิปไตยในมิตินี้
ในการนี้ ควรจัดตั้งคณะอนุกรรมาธิการเพื่อการนี้โดยเฉพาะ จึงจะทำให้เกิดความสมบูรณ์เป็นองค์รวมดังภาพ
การพัฒนาประชาธิปไตยในมิติที่ 3 เป็นการพัฒนาและส่งเสริมวิถีชีวิต และคุณค่าทัศนคติของประชาชน เพื่อสร้างความเป็นพลเมืองที่มีวิถีชีวิตและความสัมพันธ์ ที่สอดคล้องกับอุดมการณ์ (มิติที่ 1) และระบอบการเมือง (มิติที่ 2) ของประชาธิปไตย และกระทำได้ด้วยการจัดให้มีการศึกษาเพื่อพลเมือง (Civic Education) ควบคู่ไปกับการศึกษาในโรงเรียน ตลอดจนนอกโรงเรียนในครอบครัว สถานที่ทำงาน
การศึกษาเพื่อพลเมืองหรือเพื่อสร้างความเป็นพลเมืองในสังคมประชาธิปไตย
1. เน้นการเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมเหนือประโยชน์ส่วนตัว
2. เน้นการร่วมมือร่วมใจกันพึ่งพิงอิงกัน ประนีประนอมกันมากกว่าการแข่งขัน
3. เน้นความผาสุก ความเจริญของชุมชนมากกว่าความสุขของปัจเจกบุคคล
4. เน้นสันติสุข ความสงบ อหิงสามากกว่าความขัดแย้ง การทะเลาะเบาะแว้ง และความรุนแรง
5 .เน้นการมีความแตกต่างหลากหลาย โดยไม่มีความแตกแยก
6 .เน้นสมานฉันท์ ความปรองดอง การแสวงหาความเห็นพ้องต้องกัน
7. เน้นความพอเพียง พอดีมากกว่าการแสวงหากำไรอย่างปราศจากขอบเขตความพอดี
8. เน้นความเป็นอิสระ และการกำหนดชะตาชีวิตของตนเองได้ และยอมรับผลแห่งการกระทำของตน
จะเห็นได้ว่า การจัดการศึกษาของพลเมืองมี 2 ส่วนคือ ส่วนแรกการสร้างคุณค่าดังกล่าว ส่วนที่สองคือ การทำความเข้าใจและติดตามการปฏิบัติงานของระบอบการเมือง การปกครองโดยมีส่วนร่วม
ในการจัดหลักสูตรการศึกษาควรเน้นการเรียนรู้ที่มีกิจกรรมเป็นพื้นฐาน โดยจัดกิจกรรมเพื่อให้เด็กและบุคคลทั่วไปมีการกระทำตามคุณค่าต่างๆ ควรมีการจัดตั้งลูกสือ และยุวนารีประชาธิปไตย