“สอดแนมการเมือง”
โดย“ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย”
ชาติไทยดีแทบทุกอย่าง แต่ดันโคตรซวยอย่างเดียว คือ มีนักการเมืองส่วนใหญ่-ชั่ว!
ไทย-มีประชากรกว่า 65 ล้านคนแล้ว ถือเป็นประเทศขนาดไม่เล็กและไม่ใหญ่เกินไป ภูมิศาสตร์ที่ตั้งประเทศไทยก็ดี ภัยธรรมชาติที่อันตรายก็น้อย อากาศก็ไม่ร้อนและไม่หนาวเกินไป มีฝนมีน้ำให้ใช้อย่างเพียงพอ ถ้าบริหารจัดการดีมีประสิทธิภาพ จนมีถ้อยคำโบราณว่า “เมืองไทยใหญ่อุดม ดินดีสมเป็นนาสวน”ไงล่ะ
ไทย-จึงนับเป็นชาติที่เหมาะแก่การทำการเกษตร กับต่อยอดด้วยอุตสาหกรรมการเกษตร เพื่อเพิ่มมูลค่าของพืชผลทางการเกษตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นการเกษตรปลอดสารพิษ ก็จะสามารถยกระดับราคาพืชผลได้มากขึ้นอีกพะเรอ
นี่ยังไม่รวมพืชผลสมุนไพรที่ทรงคุณค่า ใช้ผลิตเป็นยาและเครื่องสำอาง ที่วัตถุดิบมาจากธรรมชาติล้วนๆ ซึ่งเป็นกระแสและความต้องการอย่างกว้างขวาง ของผู้รักสุขภาพทั่วโลกอยู่ในขณะนี้
ดังนั้น ผืนแผ่นดินไทยที่บรรพบุรุษ ได้สละชีวิตรักษาไว้มาจนถึงลูกหลานไทยในวันนี้ จึงเต็มไปด้วยสิ่งมีค่ามากมาย ทั้งที่อยู่บนดิน-ในน้ำ-ใต้พื้นดิน ฯลฯ บรรดาชาติมหาอำนาจทั้งในอดีตและปัจจุบัน จึงพยายามจะยึดครองชาติไทยไปไว้ในกำมือ
ชาติไทยเป็นหนึ่งในจุดยุทธศาสตร์สำคัญ ที่มหาอำนาจทั้งหลายเดินทางเข้ามา ทั้งซื้อขายสินค้านานาชนิด และกอบโกยผลประโยชน์ โดยเฉพาะบ่อก๊าซและน้ำมันกันอย่างต่อเนื่อง นับแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบันและต่อเลยไปยังอนาคต
ในยุคโลกดิจิตอลอันล้ำสมัย นอกจากมหาอำนาจทั้งหลาย จะยังปักหลักโกยผลประโยชน์ในทุกมิติแล้ว ไทยยังเป็นจุดภูมิศาสตร์ที่มหาอำนาจหลายชาติ หวังจะใช้ไทยเป็นฐานปฏิบัติการทางทหาร และสอดแนมฝ่ายตรงข้ามอีกด้วย
โดยเฉพาะมหาอำนาจอเมริกา ที่ประกาศอย่างเปิดเผยว่า ศัตรูหมายเลขหนึ่งของตน-คือ-ชาติจีน!
กองทัพอันเกรียงไกรของอเมริกา จึงอยากได้ประเทศไทย เป็นฐานทัพทางการทหาร เพื่อปฏิบัติการทางยุทธศาสตร์-ยุทธวิธี-สอดแนม ฯลฯ หวังจะ “ขังมังกรจีนไว้ในกรง” หรือ จำกัด-ปิดล้อม-อิทธิพลของจีนในทุกด้านนั่นเอง
ต้องเข้าใจไว้ ณ ที่นี้ก่อนนะว่า มหาอำนาจบางชาติ โดยเฉพาะอเมริกานั้น ยังคงความเป็น “นักล่าอาณานิคม” ด้วยรูปแบบเก่าและใหม่อันทันสมัย ทำกันแบบซ่อนเร้นและเปิดเผย ทั้งทางด้านการเมือง-เศรษฐกิจ-การเงิน-ศิลปวัฒนธรรม-การศึกษา ฯลฯไปทั่วโลก
ด้วยข้ออ้างเจ้าเล่ห์แสนโกงที่ว่า ต้องเป็น “ประชาธิปไตยเลือกตั้ง(สกปรกก็ได้)” และต้องเป็น “การค้าเสรี(แบบกูผูกขาดได้)”นั่นเอง
การล่าอาณานิคมแบบเก่าๆนั้น มหาอำนาจอเมริกากับพวก จะใช้จังหวะบางสถานการณ์ นำกำลังทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์ทันสมัยสารพัดชนิด ถล่มใส่ชาติที่อ่อนแอกว่า และเป็นเป้าหมายในการยึดครอง จนบ้านเมืองพังพินาศย่อยยับ ทหารและพลเรือนบาดเจ็บล้มตายกันเป็นเบือ ก่อนจะยกกองทัพยาตราเข้ายึดครองเอาดื้อๆ
ยกตัวอย่างการโกหกบันลือโลก ที่รัฐบาลอเมริกาและชาติตะวันตก ใช้องค์กรสหประชาชาติ และสื่อระดับโลกโฆษณาชวนเชื่อว่า ผู้นำอิรักเป็นอันตรายร้ายแรงต่อสันติภาพโลก เพราะ “ลุงแซม”กับพวก ได้แอบสอดแนมทุกรูปแบบจนเชื่อว่า อิรักมีอาวุธนิวเคลียร์ไว้ในครอบครอง
ดังนั้น ผู้นำ-ทหาร-พลเรือนของอิรัก-จึงสมควรตาย ชาติบ้านเมืองของอิรักก็สมควรโดนถล่มให้ย่อยยับ ด้วยกองทัพและอาวุธอันทรงอานุภาพ ทั้งของอเมริกาและชาติตะวันตก
หลังยึดประเทศอิรักได้ อเมริกากับพวกก็แบ่ง “เค้กอิรัก” กินกันหนุบหนับ ทั้งตั้งรัฐบาลหุ่นอิรักขึ้น ทั้งส่งบริษัทที่หนุนหลังนักการเมืองชาติตะวันตกต่างๆ เข้าไปรับงานก่อสร้างอาคารบ้านเรือน และระบบสาธารณูปโภค-การคมนาคม-การสื่อสาร ฯลฯ
โดยค่าใช้จ่ายในการทำศึกสงคราม ที่อเมริกาและชาติตะวันตก บุกไปยึดไปฆ่าผู้นำ-ทหาร-ประชาชนอิรัก รวมทั้งฟื้นฟูชาติอิรักทั้งหมดนี้ ประชาชนอิรักทั้งชาติเป็นผู้จ่าย ด้วยวิธียอมให้กลุ่มทุนอเมริกาและชาติตะวันตก ขนน้ำมันมหาศาลของประเทศอิรัก ออกขายในตลาดโลกตราบจนทุกวันนี้ไงล่ะ
เรียกว่า..ประชาชนอิรักทั้งชาติ ถูกบังคับให้ “จ่ายค่าจ้าง” แก่กองทัพอเมริกากับตะวันตกบางชาติ มาถล่มบ้านเมืองของตัวเองจนพังยับเยิน และฆ่าผู้นำ-ทหาร-ประชาชน จนบาดเจ็บล้มตายกันเป็นเบือ และยึดประเทศของตัวเอง ในราคาที่แพงโคตรๆ!
ผู้นำอิรักถูกแขวนคอตาย ทหารและคนอิรักบาดเจ็บล้มตายนับไม่ถ้วน บ้านเมืองอิรักพินาศย่อยยับไปนานแล้ว แต่ยังไม่มีใครหน้าไหนค้นพบ อาวุธนิวเคลียร์ในประเทศอิรักเลย
องค์การสหประชาชาติ-อเมริกา-ชาติตะวันตกทั้งหลาย รวมทั้งสื่อฝรั่งมังค่าที่ทรงอิทธิพลในโลก ซึ่งเคยรุมประณามผู้นำและชาติอิรัก ยังไม่เคยแสดงความรับผิดชอบใดๆทั้งสิ้น กับการสร้างเรื่องโกหกบันลือโลก จนก่อให้เกิดสงครามที่ประเทศอิรัก
“เหตุเกิดในประเทศอิรัก”ครั้งนั้น คือ หนึ่งในเหตุการณ์อยุติธรรมของโลก ที่อเมริกากับพวกพ้องทั้งหลาย รุมฆ่าหมู่มนุษย์ครั้งใหญ่อย่างอำมหิต ในประเทศที่อ่อนแอกว่า ด้วยการใช้สื่อไร้คุณธรรมจริยธรรม ทำการ“ปั้นน้ำเป็นตัว”หลอกลวงชาวโลก
สงครามอันโหดร้ายในประเทศอิรักนี้ ได้คร่าชีวิตทั้งของชาวอเมริกันและอิรัก เพียงเพื่อให้นายทุนอเมริกาและชาติตะวันตกเพียงหยิบมือ โกยผลประโยชน์เข้ากระเป๋าอย่างหน้าด้านๆเท่านั้น
ทุกชาติต่างยึดประโยชน์ชาติของตนเป็นสำคัญ ยกเว้นผู้นำชาติที่ขายตัวยอมตนเป็นขี้ข้า ของพวกมหาอำนาจบางชาติเท่านั้น ที่ขายผลประโยชน์ชาติและประชาชน แลกกับความร่ำรวยของตนและพวกพ้อง
มหาอำนาจอเมริกาและชาติตะวันตก กับมหาอำนาจรัสเซียและจีน ที่กำลังสัประยุทธ์กันอย่างเข้มข้น ทั้งทางด้านการเมือง เศรษฐกิจ เทคโนโลยี ฯลฯ มิได้รักชาติใดในโลกอย่างจริงใจ เพียงหวังได้หนึ่งมือของทุกชาติบนโลก ไปแสดง “ปาหี่”ในห้องประชุมขององค์การสหประชาชาติ หรือในการประชุมสำคัญๆของโลก ที่มีชาติมหาอำนาจชักใยอยู่เบื้องหลังเท่านั้น
ชาติมหาอำนาจทั้งหลาย ที่ชอบเอารัดเอาเปรียบชาติที่อ่อนแอกว่า มักใช้ห้องประชุมขององค์การสหประชาชาติ สร้างภาพหลอกให้พวกตนดูชอบธรรม ต่อการกอบโกยทรัพยากรและการยึดครอง ชาติที่อ่อนแอกว่ามาโดยตลอด
หากไม่พินิจพิเคราะห์ให้ชัดแจ้งถึงแก่นแท้ ผู้นำบางชาติอาจหลงผิดคิดว่า ชาติมหาอำนาจนี้-โน้น-โน่น-นี่ เป็นมหามิตรบ้างล่ะ เป็นมิตรแท้บ้างล่ะ หรือเป็นพี่เป็นน้องกัน ว่ากันไปนั่นเลย ฯลฯ
คนบางคนในชาติไทยที่ขายตัว ยังทะลึ่งช่วยโฆษณาชวนเชื่อว่า ชาติมหาอำนาจเหล่านั้นมาลงทุน โดยมิได้มาเอาเปรียบอะไรกับชาติไทย เช่น ลงทุนขุดเจาะก๊าซและน้ำมัน ก็เพื่อทำให้ชาติไทยมีก๊าซและน้ำมันใช้ และไม่ได้ขายน้ำมันราคาแพงกว่าตลาดโลกอีกด้วยนะ YEAH..THANK YOU THREE TIMES
โอว!..ชาติมหาอำนาจทั้งหลายช่างน่ารัก ดีเลิศประเสริฐศรี เสียนี่กระไร!
ใช่ครับ..ชาติไทยกำลัง “เนื้อหอม” หอมจนมหาอำนาจบางชาติไม่สนใจว่า ชาติไทยจะปกครอง โดยรัฐบาลใช้ปืนยึดอำนาจรัฐ หรือรัฐบาลที่ใช้เงินยึดอำนาจรัฐ เพราะชาติไทยกำลังจะให้สัมปทานก๊าซและน้ำมันครั้งใหม่ กำลังจะสร้างรถไฟรางคู่ กำลังจะสร้างรถไฟความเร็วสูง กำลังจะสร้างโครงการแก้น้ำแล้ง-น้ำท่วม ฯลฯ
“ลุงตู่”ต้องอย่าหลงผิดเด็ดขาด ถ้าชาติไทยไม่มีผลประโยชน์มหาศาลเหล่านี้ ชาติมหาอำนาจที่ไหน จะมาหลงใหลได้ปลื้ม “ลุงตู่”ไหม? ไม่แน่นอน!
หน้าที่ของ “ลุงตู่” กับคสช.วันนี้ ต้องทำให้ชาติไทย “เนื้อหอม”อย่างมั่นคงยั่งยืน นั่นคือ ต้องทำให้พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่ว่า “เอาคนดีขึ้นปกครองบ้านเมือง กีดกันคนชั่วมิให้มีอำนาจ” เป็นความจริงให้ได้สถานเดียวเท่านั้น
ต้องไม่ทำให้รัฐประหารครั้งนี้ “เสียของ”หรือ “เยี่ยวไม่สุด”อีกเด็ดขาด!!!