ASTVผู้จัดการรายวัน-"ประยุทธ์"เผยไทยส่งชื่อนักโทษหนีคดีฉ้อโกง 5-6 คน ให้มาเลเซียล่าตัว เผย"ไทย-มาเลย์"พร้อมใจตั้ง กก.ร่วมถกปัญหาคนสองสัญชาติ ด้าน เลขาฯสมช.เผย "อักษรา" เตรียมคุยสันติสุข ภายในเดือนธ.ค.นี้ ด้าน"ผบ.ทบ."ระบุเหตุป่วนใต้หลายจุด ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แค่ผู้เห็นต่างบางส่วนต้องการยกระดับ โวสถานการณ์ดีขึ้น
เมื่อเวลา 13.30 น. วานนี้ (2ธ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงการพบกับนายนาจิบ ราซัก นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมา ว่า ได้มีการส่งรายชื่อบุคคลที่กระทำความผิดกฎหมายฉ้อโกง ประมาณ 5-6 คน ให้ทางการมาเลเซียตรวจสอบ เป็นเรื่องของกระทรวงยุติธรรม ซึ่งกติกาการส่งผู้ร้ายข้ามแดนยังไม่ได้ปรับปรุง จึงต้องคุยกันต่อว่า จะส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนกันอย่างไร แต่ไม่ได้เกี่ยวกับรายชื่อแกนนำผู้ก่อเหตุในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้
ส่วนเรื่องบุคคล 2 สัญชาติ ก็ได้คุยกัน และเป็นแนวโน้มที่ดี โดยจะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบว่า มีใครบ้างมีจำนวนเท่าไร และอาจจะต้องให้บุคคลที่ถือ 2 สัญชาติ เลือกว่าจะถือสัญชาติใด
ทั้งนี้ คนไทยที่ถือ 2 สัญชาติมีจำนวนมากพอสมควร ที่ไปทำงานที่มาเลเซีย ซึ่งไทยและมาเลเซีย จะพูดกันให้ชัดเจน เพราะเป็นอันตรายด้วยกันทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งทางมาเลเซียก็เข้าใจ และรับปากที่จะทำในเรื่องนี้ ฉะนั้นในอนาคตจะต้องให้เลือกสัญชาติอย่างชัดเจน
** คาดพูดคุยสันติสุขภายในธ.ค.นี้
นายอนุสิษฐ คุณากร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงการเดินทางเยือนมาเลเซียของ นายกรัฐมนตรี และคณะ เมื่อวันที่ 1ธ.ค. ที่ผ่านมาว่า ที่นายกฯหารือกับทางผู้นำมาเลเซีย ถือว่าประสบความสำเร็จ มีหลายเรื่องที่พูดคุยกัน และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี สำหรับการหารือกับมาเลเซียในฐานะผู้อำนวยความสะดวกในการพูดคุยสันติสุขนั้น ทั้งทางมาเลเซียและฝ่ายไทย ต่างรับทราบตัวบุคคลซึ่งเป็นผู้พูดคุย และประสานงานของแต่ละฝ่าย
ส่วนการนัดพูดคุยนั้นทาง พล.อ.อักษรา เกิดผล ประธานที่ปรึกษากองทัพบก ในฐานะหัวหน้าทีมพูดคุยสันติสุข ต้องไปวางแผนการพูดคุย ซึ่งคาดว่าจะนัดพูดคุยกับทางผู้อำนวยความสะดวกได้ ภายในเดือนธ.ค.นี้ เมื่อถามว่า มีการประสานกันหรือไม่ว่า จะมีกลุ่มอื่นๆ ที่มาร่วมพูดคุยนอกจาก กลุ่มบีอาร์เอ็น นายอนุสิษฐ กล่าวว่า เราไม่ได้เน้นว่าเป็นกลุ่มไหน เพราะเปิดโอกาสให้ทุกกลุ่มที่มีความเห็นต่าง ที่ต้องการหาทางออกให้กับ 3 จ.ชายแดนภาคใต้ มาพูดคุย
เมื่อถามว่าทางมาเลเซีย มีท่าทีอย่างไรที่แสดงว่าการเจรจาจะมีความคืบหน้า นายอนุสิษฐ์ กล่าวว่า ท่าทีค่อนข้างดี และมีความความจริงใจ โดยเฉพาะสมช.มาเลเซีย พยายามยามประสานงานกับไทย เพื่อช่วยวางแผนในการหาทางออก วางกรอบการพูดคุย ถือเป็นความร่วมมือที่ดี
เมื่อถามว่า ได้ประสานขอความร่วมมือกับทางมาเลเซียในการติดตามผู้ก่อเหตุในพื้นที่ 3 จ. ภาคใต้ แล้วหลบหนีเข้าไปในมาเลเซียอย่างไรบ้าง เลขาฯสมช.กล่าวว่า ไม่ได้ขอร้อง ซึ่งทางมาเลเซียเขาดูแลความสงบบริเวณชายแดนอยู่แล้ว เมื่อถามว่า หากกลุ่มที่มาคุยไม่ใช่ผู้ประสบปัญหา หรือกลุ่มบีอาร์เอ็นตัวจริง จะเป็นสิ่งชี้วัดความเชื่อใจระหว่างไทย กับมาเลเซีย หรือไม่ นายอนุสิษฐ กล่าวว่า ประเด็นคือ เราต้องคุยทุกกลุ่ม แต่เราจะไปคาดหวังว่า ใช่หรือไม่ใช่ คงไม่ได้ เพราะยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่าเห็นอย่างไรที่มีเหตุเกิดขึ้นในพื้นที่จ.ชายแดนภาคใต้ และมีกลุ่มเคลื่อนไหวคัดค้านในไทย ในระหว่างที่นายกฯเดินทางไปมาเลเซีย นายอนุสิษฐ กล่าวว่า ตนมองว่าไม่มีความเชื่อมโยงกัน เพราะกลุ่มคนเหล่านี้ หากมีโอกาสเมื่อไร เขาก็ทำเมื่อนั้น ซึ่งสมช.อยู่ระหว่างจัดทำแผนทบทวนแผนปฏิบัติการ ภายใต้นโยบายของนายกฯ เพื่อให้ลงไปถึงประชาชนมากที่สุด
** ผบ.ทบ.โวสถานการณ์ดีขึ้น
พล.อ. อุดมเดช สีตะบุตร ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และรมช.กลาโหม กล่าวถึงกรณีผู้ก่อความไม่สงบสร้างสถานการณ์หลายจุดในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในช่วงที่นายกฯไปเยือนมาเลเซีย เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมา ว่า ผู้ก่อเหตุส่วนหนึ่งที่เห็นต่าง ก็จะมีการยกระดับในการก่อเหตุขึ้นมา ไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ แต่ก็ได้เน้นย้ำไปยังแม่ทัพภาค 4 แล้ว
พล.อ. อุดมเดช กล่าวว่า เราก็ต้องพยายามควบคุมสถานการณ์ไว้ แต่ในภาพรวมจะเห็นว่า เหตุการณ์ในเดือนตุลาคมปี 57 ดีกว่าปี 56 และค่อยๆ ลดลงตามลำดับ ในขณะเดียวกัน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ก็ได้พยายามเน้นย้ำกระทรวง และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ให้ลงไปทำแผนงานโครงการต่างๆ ให้มีความสอดคล้องกับความเป็นจริง
**อดีตรองปธ.กก.อิสลามยะลาหนุนคุยต่อ
นายนิมุ มะกาเจ อดีตรองประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดยะลา กล่าวถึงกรณีพล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะพบปะพูดคุยกับดาโต๊ะ ซรี มูห์ฮัมหมัด นาจิบ บิน ตุน อับดุล ราซัค นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ซึ่งประเด็นสำคัญ คือ การแก้ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น เป็นเรื่องที่ดี ถือว่าเป็นการต่อยอดของรัฐบาลที่ผ่านมา ที่มีการพูดคุยเพื่อสันติสุข โดยหวังว่าจะดำเนินการต่อเนื่อง แม้รัฐบาลจะมีเวลามาก หรือน้อยก็ตาม ไม่อยากให้หยุดชะงักไปในช่วงนี้ เพราะถือว่าเป็นสิ่งถูกต้องที่สุด
**ครู -นร.ขอความเป็นธรรม2เหยื่อโจรใต้
ทางด้านสถานการณ์ในพื้นที่นั้น เวลา 08.00 น. ที่โรงเรียนเดชะปัตตานยานุกูล อ.เมือง จ.ปัตตานี คณะครู นักเรียน และผู้ปกครองกว่า 2,000 คน ร่วมเดินรณรงค์ไปรอบเทศบาลเมืองปัตตานี เพื่อต่อต้านการใช้ความรุนแรง และเรียกร้องความเป็นธรรมให้แก่นักเรียนชั้นม. 5 คือ นายสุทธิพงษ์ ทองสุวรรณ อายุ 17 ปี ผู้เสียชีวิต และนายปรีชาพัฒน์ แววจันทร์ชยากร อายุ 17 ปี ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส เพราะถูกคนร้ายประกบยิงขณะขับรถจักรยานยนต์กลับบ้าน เหตุเกิดบนถนนปัตตานี-นราธิวาส หมู่ 3 ต.ตันหยงดาลอ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
โดยครู นักเรียน และผู้ปกครองถือป้ายเรียกร้องให้หาตัวผู้ก่อเหตุมาลงโทษให้ได้ พร้อมทั้งเรียกร้องให้ผู้ก่อเหตุ หยุดกระทำความรุนแรงต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์
**ตร.ยกระดับดูแลหาดใหญ่ขั้นสูงสุด
วันเดียวกัน ที่สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พล.ต.ต.อำพล บัวรับพร ผบก.ภ.จว.สงขลา ปล่อยแถวตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง กว่า 100 นายออกกวาดล้างตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย เพื่อรักษาความปลอดภัยเมืองหาดใหญ่ หลังหน่วยข่าวความมั่นคงแจ้งเตือนให้เฝ้าระวังเป็นพิเศษ โดยใช้แผนปิดเมือง และยกระดับการรักษาความปลอดภัยขั้นสูงสุด ด้วยการตั้งจุดตรวจจุดสกัดเป็น 34 จุด 3 ผลัด ตลอด 24 ชั่วโมง ต่อเนื่องไปถึงสิ้นปี ซึ่งเป็นช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่
เมื่อเวลา 13.30 น. วานนี้ (2ธ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงการพบกับนายนาจิบ ราซัก นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมา ว่า ได้มีการส่งรายชื่อบุคคลที่กระทำความผิดกฎหมายฉ้อโกง ประมาณ 5-6 คน ให้ทางการมาเลเซียตรวจสอบ เป็นเรื่องของกระทรวงยุติธรรม ซึ่งกติกาการส่งผู้ร้ายข้ามแดนยังไม่ได้ปรับปรุง จึงต้องคุยกันต่อว่า จะส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนกันอย่างไร แต่ไม่ได้เกี่ยวกับรายชื่อแกนนำผู้ก่อเหตุในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้
ส่วนเรื่องบุคคล 2 สัญชาติ ก็ได้คุยกัน และเป็นแนวโน้มที่ดี โดยจะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบว่า มีใครบ้างมีจำนวนเท่าไร และอาจจะต้องให้บุคคลที่ถือ 2 สัญชาติ เลือกว่าจะถือสัญชาติใด
ทั้งนี้ คนไทยที่ถือ 2 สัญชาติมีจำนวนมากพอสมควร ที่ไปทำงานที่มาเลเซีย ซึ่งไทยและมาเลเซีย จะพูดกันให้ชัดเจน เพราะเป็นอันตรายด้วยกันทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งทางมาเลเซียก็เข้าใจ และรับปากที่จะทำในเรื่องนี้ ฉะนั้นในอนาคตจะต้องให้เลือกสัญชาติอย่างชัดเจน
** คาดพูดคุยสันติสุขภายในธ.ค.นี้
นายอนุสิษฐ คุณากร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงการเดินทางเยือนมาเลเซียของ นายกรัฐมนตรี และคณะ เมื่อวันที่ 1ธ.ค. ที่ผ่านมาว่า ที่นายกฯหารือกับทางผู้นำมาเลเซีย ถือว่าประสบความสำเร็จ มีหลายเรื่องที่พูดคุยกัน และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี สำหรับการหารือกับมาเลเซียในฐานะผู้อำนวยความสะดวกในการพูดคุยสันติสุขนั้น ทั้งทางมาเลเซียและฝ่ายไทย ต่างรับทราบตัวบุคคลซึ่งเป็นผู้พูดคุย และประสานงานของแต่ละฝ่าย
ส่วนการนัดพูดคุยนั้นทาง พล.อ.อักษรา เกิดผล ประธานที่ปรึกษากองทัพบก ในฐานะหัวหน้าทีมพูดคุยสันติสุข ต้องไปวางแผนการพูดคุย ซึ่งคาดว่าจะนัดพูดคุยกับทางผู้อำนวยความสะดวกได้ ภายในเดือนธ.ค.นี้ เมื่อถามว่า มีการประสานกันหรือไม่ว่า จะมีกลุ่มอื่นๆ ที่มาร่วมพูดคุยนอกจาก กลุ่มบีอาร์เอ็น นายอนุสิษฐ กล่าวว่า เราไม่ได้เน้นว่าเป็นกลุ่มไหน เพราะเปิดโอกาสให้ทุกกลุ่มที่มีความเห็นต่าง ที่ต้องการหาทางออกให้กับ 3 จ.ชายแดนภาคใต้ มาพูดคุย
เมื่อถามว่าทางมาเลเซีย มีท่าทีอย่างไรที่แสดงว่าการเจรจาจะมีความคืบหน้า นายอนุสิษฐ์ กล่าวว่า ท่าทีค่อนข้างดี และมีความความจริงใจ โดยเฉพาะสมช.มาเลเซีย พยายามยามประสานงานกับไทย เพื่อช่วยวางแผนในการหาทางออก วางกรอบการพูดคุย ถือเป็นความร่วมมือที่ดี
เมื่อถามว่า ได้ประสานขอความร่วมมือกับทางมาเลเซียในการติดตามผู้ก่อเหตุในพื้นที่ 3 จ. ภาคใต้ แล้วหลบหนีเข้าไปในมาเลเซียอย่างไรบ้าง เลขาฯสมช.กล่าวว่า ไม่ได้ขอร้อง ซึ่งทางมาเลเซียเขาดูแลความสงบบริเวณชายแดนอยู่แล้ว เมื่อถามว่า หากกลุ่มที่มาคุยไม่ใช่ผู้ประสบปัญหา หรือกลุ่มบีอาร์เอ็นตัวจริง จะเป็นสิ่งชี้วัดความเชื่อใจระหว่างไทย กับมาเลเซีย หรือไม่ นายอนุสิษฐ กล่าวว่า ประเด็นคือ เราต้องคุยทุกกลุ่ม แต่เราจะไปคาดหวังว่า ใช่หรือไม่ใช่ คงไม่ได้ เพราะยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่าเห็นอย่างไรที่มีเหตุเกิดขึ้นในพื้นที่จ.ชายแดนภาคใต้ และมีกลุ่มเคลื่อนไหวคัดค้านในไทย ในระหว่างที่นายกฯเดินทางไปมาเลเซีย นายอนุสิษฐ กล่าวว่า ตนมองว่าไม่มีความเชื่อมโยงกัน เพราะกลุ่มคนเหล่านี้ หากมีโอกาสเมื่อไร เขาก็ทำเมื่อนั้น ซึ่งสมช.อยู่ระหว่างจัดทำแผนทบทวนแผนปฏิบัติการ ภายใต้นโยบายของนายกฯ เพื่อให้ลงไปถึงประชาชนมากที่สุด
** ผบ.ทบ.โวสถานการณ์ดีขึ้น
พล.อ. อุดมเดช สีตะบุตร ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และรมช.กลาโหม กล่าวถึงกรณีผู้ก่อความไม่สงบสร้างสถานการณ์หลายจุดในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในช่วงที่นายกฯไปเยือนมาเลเซีย เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมา ว่า ผู้ก่อเหตุส่วนหนึ่งที่เห็นต่าง ก็จะมีการยกระดับในการก่อเหตุขึ้นมา ไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ แต่ก็ได้เน้นย้ำไปยังแม่ทัพภาค 4 แล้ว
พล.อ. อุดมเดช กล่าวว่า เราก็ต้องพยายามควบคุมสถานการณ์ไว้ แต่ในภาพรวมจะเห็นว่า เหตุการณ์ในเดือนตุลาคมปี 57 ดีกว่าปี 56 และค่อยๆ ลดลงตามลำดับ ในขณะเดียวกัน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ก็ได้พยายามเน้นย้ำกระทรวง และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ให้ลงไปทำแผนงานโครงการต่างๆ ให้มีความสอดคล้องกับความเป็นจริง
**อดีตรองปธ.กก.อิสลามยะลาหนุนคุยต่อ
นายนิมุ มะกาเจ อดีตรองประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดยะลา กล่าวถึงกรณีพล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะพบปะพูดคุยกับดาโต๊ะ ซรี มูห์ฮัมหมัด นาจิบ บิน ตุน อับดุล ราซัค นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ซึ่งประเด็นสำคัญ คือ การแก้ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น เป็นเรื่องที่ดี ถือว่าเป็นการต่อยอดของรัฐบาลที่ผ่านมา ที่มีการพูดคุยเพื่อสันติสุข โดยหวังว่าจะดำเนินการต่อเนื่อง แม้รัฐบาลจะมีเวลามาก หรือน้อยก็ตาม ไม่อยากให้หยุดชะงักไปในช่วงนี้ เพราะถือว่าเป็นสิ่งถูกต้องที่สุด
**ครู -นร.ขอความเป็นธรรม2เหยื่อโจรใต้
ทางด้านสถานการณ์ในพื้นที่นั้น เวลา 08.00 น. ที่โรงเรียนเดชะปัตตานยานุกูล อ.เมือง จ.ปัตตานี คณะครู นักเรียน และผู้ปกครองกว่า 2,000 คน ร่วมเดินรณรงค์ไปรอบเทศบาลเมืองปัตตานี เพื่อต่อต้านการใช้ความรุนแรง และเรียกร้องความเป็นธรรมให้แก่นักเรียนชั้นม. 5 คือ นายสุทธิพงษ์ ทองสุวรรณ อายุ 17 ปี ผู้เสียชีวิต และนายปรีชาพัฒน์ แววจันทร์ชยากร อายุ 17 ปี ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส เพราะถูกคนร้ายประกบยิงขณะขับรถจักรยานยนต์กลับบ้าน เหตุเกิดบนถนนปัตตานี-นราธิวาส หมู่ 3 ต.ตันหยงดาลอ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
โดยครู นักเรียน และผู้ปกครองถือป้ายเรียกร้องให้หาตัวผู้ก่อเหตุมาลงโทษให้ได้ พร้อมทั้งเรียกร้องให้ผู้ก่อเหตุ หยุดกระทำความรุนแรงต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์
**ตร.ยกระดับดูแลหาดใหญ่ขั้นสูงสุด
วันเดียวกัน ที่สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พล.ต.ต.อำพล บัวรับพร ผบก.ภ.จว.สงขลา ปล่อยแถวตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง กว่า 100 นายออกกวาดล้างตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย เพื่อรักษาความปลอดภัยเมืองหาดใหญ่ หลังหน่วยข่าวความมั่นคงแจ้งเตือนให้เฝ้าระวังเป็นพิเศษ โดยใช้แผนปิดเมือง และยกระดับการรักษาความปลอดภัยขั้นสูงสุด ด้วยการตั้งจุดตรวจจุดสกัดเป็น 34 จุด 3 ผลัด ตลอด 24 ชั่วโมง ต่อเนื่องไปถึงสิ้นปี ซึ่งเป็นช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่
