เสียงวิงวอนจาก “บาบอปอเนาะ” ในแผ่นดิน “ทุ่งยางแดงโมเดล”?!

 
จากเหตุการณ์ไฟใต้ที่ย่างเข้าปีที่ 11 และก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะมอดดับลงได้ แม้ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบจะดาหน้าชักแถวออกมาประกาศว่า การแก้ไขปัญหาเดินมาถูกทางตลอด ซึ่งสถานการณ์ก็ดีขึ้นเป็นลำดับ แต่สำหรับความรู้สึกของผู้คนในพื้นที่กลับรับรู้สัญญาณต่างๆ ได้ และหลายครั้งต้องมีชีวิตอยู่อย่างหวาดผวาต่อความไม่ปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สิน ซึ่งเวลานี้ก็มีผลกระทบไปถึงภาคการลงทุน และการจ้างงานอย่างเห็นได้ชัด
 
อย่างไรก็ตาม ประชาชนในพื้นที่ยังคงให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ในการแก้ไขปัญหาเหตุความไม่สงบ รวมถึงการเจรจาสันติสุขระหว่างกลุ่มผู้ที่มีความคิดต่างกับตัวแทนรัฐบาล โดยหวังจะเป็นทางหนึ่งที่จะสามารถคลี่คลายปัญหาได้ แต่ขึ้นอยู่กับสองฝ่ายจะดำเนินการอย่างไรเพื่อเดินไปสู่ความสำเร็จนั้น
 
ในส่วนของโรงเรียนปอเนาะ นับเป็นสถาบันหนึ่งมักถูกเจ้าหน้าที่หน่วยความมั่นคงเข้าปิดล้อมตรวจค้นเพื่อจับกุมหาผู้กระทำผิด หรือกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ได้ตัวกลุ่มคนร้ายไปบ้าง ไม่ได้บ้าง บ้างครั้งมีการยิงปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับกลุ่มคนร้าย เป็นเหตุให้เกิดเหตุวิสามัญกันขึ้น
 
สำหรับ “สถาบันปอเนาะนะหฺฏอตุดดีนอัลอิสลามี” ตั้งอยู่บริเวณ ม.2 บ้านน้ำดำ ต.น้ำดำ อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี ซึ่งมี “นายมูฮำหมัดเปาลี กือจิ” ทำหน้าที่บาบอ หรือผู้ได้รับอนุญาต เป็นอีกแห่งที่กลายเป็นเหยื่อสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ หลังจากถูกเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงปิดล้อมตรวจค้นมาแล้วไม่ต่ำกว่า 21 ครั้ง ด้วยข้ออ้างมีคนร้ายเข้ามาหลบซ่อนตัว ซึ่งส่งผลกระทบทั้งด้านการเรียนการสอนเป็นอย่างมาก ปัจจุบัน นักเรียนจำนวนมากทนต่อภาวะถูกเจ้าหน้าที่มีอาวุธครบมือเข้ากดดันไม่ไหว ได้ย้ายไปเรียนที่อื่นแล้ว 
 

 
เป็นที่น่าสังเกตว่า สถาบันปอเนาะนะหฺฏอตุดดีนอัลอิสลามีแห่งนี้ ตั้งอยู่ในพื้นที่ อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี ซึ่งเวลานี้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยเฉพาะหน่วยงานด้านความมั่นคงได้กำหนดให้เป็นพื้นที่นำร่องในการใช้มาตรการดับไฟใต้ที่เรียกว่า “ทุ่งย่างแดงโมเดล” ซึ่งมั่นใจว่าจะนำไปสู่การดับไฟใต้ได้ในเร็ววันนี้
 
“ตั้งแต่เมื่อปี 2548 จนถึงปัจจุบัน ปอเนาะเราถูกเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงเข้ามาปิดล้อมและตรวจค้นมาตลอด เชื่อไหมบางครั้งนักเรียนเรานับจำนวนรถยนต์กระบะที่นำเจ้าหน้าที่เข้ามามีมากถึง 40 คัน และเจ้าหน้าที่นับร้อยคนก็เข้ามาพร้อมอาวุธปืนสงครามครบมือ แต่เมื่อไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย หรือบุคคลเป้าหมาย เจ้าหน้าที่ก็ได้ถอนตัวกลับไป เหลือเพียงร่องรอยที่ยังคงติดตรึงตาและฝังลึกในหัวใจของนักเรียน และชาวบ้านที่รับรู้” บาบอมูฮำหมัดเปาลี บอกเล่าให้ฟัง
 
เนื่องจากปอเนาะตั้งอยู่ในชุมชน แล้วบาบอเองก็ยังดำรงตำแหน่งอิหม่ามประจำมัสยิดชองชุมชนที่นั่นด้วย หลังจากเหตุการณ์ผ่านไป บาบอก็พยายามจะทำให้ทุกอย่างดูเป็นปกติ เปิดการเรียนการสอนให้แก่นักเรียนประหนึ่งว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น แต่ความรู้สึกกลับไม่สามารถลบออกไปจากใจใครได้
 
จนกระทั่งล่าสุด เมื่อเวลา 14.00 น. ของวันอังคารที่ 18 พ.ย.ที่ผ่านมา ได้มีเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนคดีสำคัญ ศปก.ตร.ส่วนหน้า จ.ยะลา พร้อมด้วยกำลังทหารพราน 43 ประมาณ 20 นาย ได้เข้ามาปิดล้อมปอเนาะ และทำการตรวจค้นสิ่งผิดกฎหมายอีกระลอก โดยเฉพาะต้องการทำการจับกุมบุคคลเป้าหมายที่มีคดีความมั่นคงติดตัวอยู่ด้วย ซึ่งขณะนั้นบาบอไม่ได้อยู่ปอเนาะ แต่ออกไปทำธุระข้างนอก แต่ได้รับแจ้งจากลูกว่ามีกำลังทหารชุดดำทำการปิดล้อมปอเนาะเต็มไปหมด
 

 
หลังรับทราบเรื่องก็รีบเดินทางกลับ ซึ่งเมื่อถึงปอเนาะ บาบอถึงกลับยอมรับว่าครั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้แสดงความให้เกียรติมาก และปฏิบัติตามหลักสิทธิมนุษยธรรม ไม่นำปลายปืนชี้ไปทางนักเรียนหรือใครๆ บาบอเองก็ได้ให้ความร่วมมือต่อเจ้าหน้าที่อย่างดีเหมือนทุกครั้ง และอนุญาตให้เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจค้นปอเนาะแต่ละหลัง โดยนำนักเรียนที่ผ่านการตรวจว่าไม่ใช่บุคคลเป้าหมายมานั่งรวมบริเวณลาน และบางส่วนรวมอยู่บนศาลาละหมาด
 
จากการตรวจค้นไม่พบบุคคลตามเป้าหมาย จนกระทั่งในระหว่างที่เจ้าหน้าที่เตรียมนำกำลังกลับออกไป กลับมีสายโทร.เข้าหาโทรศัพท์เครื่องของนักเรียนในปอเนาะชื่อ นายอับดุลบาฮา โด อายุ 27 ปี บ้านเลขที่ 63/2 ม.6 ต.พิเทน อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี เจ้าหน้าที่จึงรีบเข้าไปดูปรากฏว่า เป็นเบอร์โทรศัพท์ของบุคคลที่เจ้าหน้าที่ต้องการตัว โดยเจ้าหน้าที่ได้สอบถามทันทีเคยรู้จักกับเจ้าของเบอร์นี้หรือไม่ นักเรียนได้ตอบว่าไม่เคยรู้จัก และไม่เคยโทร.ติดต่อมาเลย พึ่งจะปรากฏเบอร์มาเมื่อเที่ยงของวันนี้เอง จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวนักเรียนคนนั้นไปในฐานะผู้ต้องสงสัย
 
นอกจากนั้น เจ้าหน้าที่ยังได้ควบคุมตัว นายยามัน ดาโอง อายุ 26 ปี บ้านเลขที่ 31/5 ม.4 ต.ลุโบ๊ะยิไร อ.มายอ จ.ปัตตานี พร้อมด้วยรถจักรยานยนต์คันเก่า 1 คัน ในฐานะผู้ต้องสงสัยไปด้วย เพราะขณะนั้นเจ้าหน้าที่ได้ซักถาม แต่กลับตอบไม่รู้เรื่อง
 
จากการเปิดเผยของบาบอ ระบุว่า นายอามัน ดาโอง ได้กลับมาจากไปทอดแหปลาตามทุ่ง เมื่อกลับมาถึงบริเวณปอเนาะเห็นเจ้าหน้าที่กำลังปิดล้อมจึงอาจตกใจเป็นลมหมดสติ หลังจากนั้น เพื่อนนักเรียนได้ช่วยกันบีบนวดจนรู้สึกตัว จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงเข้ามาซักถาม พอตอบไม่ชัดเจน จึงได้ควบคุมตัวในฐานะผู้ต้องสงสัย
 

 
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จึงได้อาศัยอำนาจตามกฎอัยการศึกทำการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยทั้ง 2 คน ไปยังศูนย์ซักถามที่กรมทหารพรานที่ 41 จ.ยะลา พร้อมกับทำการตรวจดีเอ็นเอด้วย โดยเจ้าหน้าที่จะดำเนินการซักถามตามกรรมวิธี หากไม่พบข้อสงสัย หรือไม่มีส่วนเกี่ยวข้องต่อเหตุความรุนแรงก็จะปล่อยตัว และส่งกลับบ้านตามปกติ
 
ส่วนรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวนั้น ญาติได้นำเอกสารไปยื่นให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ทุ่งยางแดง ตรวจสอบพบเป็นรถที่ถูกต้องตามกฎหมาย เจ้าหน้าที่จึงได้อนุญาตให้นำรถกลับมาบ้านเป็นการเรียบร้อย
 
บาบอมูฮำหมัดเปาลี ได้เล่าเรื่องราวผ่านสื่อว่า ทำไมหน่วยงานฝ่ายความมั่นคงถึงต้องมีการตรวจค้นปอเนาะของตนมาแล้วมากถึง 21 ครั้ง ตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา ทำให้เด็กนักเรียนมีความวิตกกังวล และหวาดผวาต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างมาก
 
“ผมเองก็ไม่เป็นอันจะสอนหนังสือให้แก่เด็กด้วย เพราะนอกจากจะถูกเรียกให้ไปชี้แจงให้แก่หน่วยงานความมั่นคงตลอดแล้ว ยังต้องไปดูแลเด็กนักเรียนที่ถูกควบคุมตัว ถึงแม้นักเรียนจะถูกควบคุมตัวในฐานะผู้ต้องสงสัยก็ตามแต่ แต่ในฐานะเป็นนักเรียนของเรา เราต้องออกไปเยี่ยมดูแลทุกข์สุข ส่วนที่เหลือก็ต้องสร้างกำลังใจกันต่อไป จนทำให้เจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่จะรู้จักผมดีกันทุกคน เพราะเราเจอกันบ่อยมาก” บาบอมูฮำหมัดเปาลีกล่าว ก่อนจะเสริมว่า
 
“ถึงเวลานี้อยากเรียกร้องให้หน่วยงานความมั่นคงให้มีความตระนักกับเรื่องนี้ด้วย ผมเองไม่รู้จะไปพึ่งพาใคร เพราะกับหน่วยงานรัฐในพื้นที่ก็เข้าใจ และให้ความร่วมมือดีมาโดยตลอด แต่ยังมีการตรวจค้นต่อเนื่อง และที่ผ่านมา ผมเองก็ยังไม่เคยได้รับการดูแล และเยียวยาจากหน่วยงานภาครัฐเลย จึงอยากร้องขอให้ความเป็นธรรมแก่เรา และสถาบันปอเนาะแห่งนี้ด้วย”
 
เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายแวดือราแม มะมิงจิ ประธานคณะกรรมการอิสลามจังหวัดปัตตานี ได้กล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่ได้มีการสนธิกำลังตรวจค้นสถาบันปอเนาะบาบอลีในพื้นที่บ้านน้ำดำ อ.ทุ่งยางแดงบ่อยครั้งว่า ควรดำเนินการอย่างระมัดระวัง ควรที่จะมีข้อมูลที่ชัดเจน ไม่ใช่เพียงแค่สงสัยแล้วเข้าทำการตรวจค้นเลย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของประชาชน และอาจจะกลายเป็นการสร้างเงื่อนไขในพื้นที่ได้
 
“อยากให้หน่วยงานด้านความมั่นคงมีนโยบายลดการใช้กำลังเข้าปิดล้อมตรวจค้น เพื่อลดเงื่อนไขในพื้นที่ โดยเฉพาะปอเนาะบ้านน้ำดำนั้น เท่าที่ทราบถูกตรวจค้นมาบ่อยครั้ง จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรพิจารณาให้รอบคอบในเรื่องนี้ด้วย เพราะไม่อยากให้ฝ่ายใดนำไปใช้เป็นเงื่อนไขสร้างความแตกร้าวขึ้นอีก” ประธานคณะกรรมการอิสลามจังหวัดปัตตานีให้ความเห็น