**เรียกได้ว่าวงการตำรวจในเวลานี้ กำลังเผชิญหน้ากับวิกฤติความศรัทธาอย่างจริงจังในรอบหลายปี
โดยชนวนสำคัญเป็นผลพวงมาจากคดีใหญ่ระดับ 5 ดาวของ “บิ๊กกิ๊ก”พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ผู้ต้องหาในคดีแอบอ้างเบื้องสูง , เรียกรับผลประโยชน์ , ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ , และซักฟอกเงิน ที่ร่วมกับพรรคพวกในกลุ่มตำรวจด้วยกัน ไล่ตั้งแต่ระดับดาบตำรวจ ไปจนถึงระดับชั้นนายพล เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด
...และไหนจะเจ้าหน้าที่ทหาร ดีเอสไอ ศุลกากร ไล่ไปจนถึงพลเรือนระดับสูง อีกมากมาย ที่มีชื่อติดร่างแหรับส่วยธุรกิจผิดกฎหมายครั้งนี้ของ“บิ๊กกิ๊ก”กันอย่างถ้วนหน้า และเชื่อว่าอีกไม่นานคงมีข่าวใหญ่ตามมาอีกเป็นระลอก?...ซึ่งถ้าหาก “บิ๊กอ๊อด”พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้
บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะเดินหน้าแฉเครือข่ายนี้แบบล้างบางแล้ว ไม่แน่บุคคลที่นั่งข้างๆตัว ผบ.มาดมาเฟียผู้นี้ อาจจะโดน“หมัดน็อก”ไปด้วยก็เป็นได้...
แม้คดีของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ จะกลายเป็นประเด็นรายวัน ที่ประชาชนให้ความสนใจ...แต่จริงๆ แล้ว ณ เวลานี้ทางหน่วยข่าวของบุรุษสีกากีได้ทำงานอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มที่ออกมาต่อต้านรัฐบาล“บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)...ที่ยิ่งนานวัน เริ่มจะมีการก่อตั้งเป็นรูปเป็นร่างเพิ่มมากขึ้น
ซึ่งก่อนหน้านี้ เมื่อช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ระหว่างที่ “บิ๊กตู่”ลงพื้นที่ จ.ขอนแก่นนั้น ได้มีการโปรยใบปลิวต่อต้านรัฐบาล และ คสช.ในตัวเมือง ที่ประจวบเหมาะกับที่“อานนท์ นำภา”ทนายความเสื้อแดง โพสต์ลงเฟชบุ๊กส่วนตัว...หลังจากนั้น ระหว่างที่ “นายกฯ ประยุทธ์”กำลังพูดจ้ออยู่บนเวทีนั้น ได้มีนักศึกษา 5 คน ประกอบด้วย เจตน์สฤทธิ์ นามโคตร , วิชชากร อนุชน , จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา , พายุ บุณโสภณ , วสันต์ เสกสิทธิ์ อ้างว่าเป็นกลุ่มดาวดิน ได้เดินเข้ามายังหน้าเวที ก่อนแสดงสัญลักษณ์ชู “3 นิ้ว”ตามหนังภาพยนตร์เรื่อง “เดอะ ฮังเกอร์เกมส์”จนกลายเป็นข่าวคึกโครม และแย่งพื้นที่ข่าวจาก “นายกฯ ประยุทธ์”ได้พอสมควร
**...อย่างไรก็ตาม ล่าสุดมีรายงานข่าวว่า หนึ่งคนในขบวนการที่เคลื่อนไหวในวันนั้น ที่มีความสนิทสนมเป็นพิเศษกับแกนนำเสื้อแดง และ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ในตัวจังหวัดขอนแก่น จนมาซึ่งการอัดฉีดเม็ดเงินให้เคลื่อนไหว ตั้งแต่ราคา 20,000 –50,000 บาท เพื่อให้กลุ่มนักศึกษาเข้าไปก่อเหตุชู “3 นิ้ว”ต้านรัฐบาล
ด้านแหล่งข่าวในหน่วยงานด้านการข่าว ระบุว่า ขณะนี้เริ่มพบกลุ่มทุนที่เคลื่อนไหวในพื้นที่ภาคอีสาน , ภาคเหนือ , กรุงเทพฯ และปริมณฑล บ้างแล้ว โดยเป็นคนหน้าเดิม จากลุ่มเสื้อแดงอิสระ ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง ที่มีสถาบันเบื้องสูง และ อดีต ส.ส.ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล ที่สนับสนุนทุนลงมา อย่างการใช้คนรุ่นใหม่ในการแสดงเชิงสัญลักษณ์ต่อต้านรัฐบาล “ประยุทธ์” เพราะเล็งเห็นว่าสุดท้ายเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า และโทษไม่หนักจริงเหมือนช่วงแรกของการรัฐประหาร เนื่องจากรัฐบาล “บิ๊กตู่”เริ่มจะผ่อนเครื่องลงแล้ว...
โดยการเคลื่อนไหวเหล่านี้ มีการรับไม้ต่อ ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล อย่างกลุ่มธรรมศาตร์เสรีเพื่อประชาธิปไตย ที่สมาชิกบางคนได้มีส่วนร่วมในการสนับสนุนเรื่อง ยกเลิก“มาตรา 112”และเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มเสื้อแดงมาก่อน
** จนล่าสุด กับกรณีที่เจ้าหน้าที่ทหาร พร้อมตำรวจ แกะรอยภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณถนนราชดำเนิน ซึ่งนำไปสู่การจับกุมตัว “สิทธิทัศน์ เหล่าวานิชธนาภา”อายุ 54 ปี และ “วชิระ ทองสุข” มือโยนใบปลิวต่อต้าน คสช. ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย แม้เบื้องต้นเจ้าตัวจะระบุ เป็นแค่อุดมการณ์ส่วนตัว ไม่เกี่ยวข้องกับกลุ่มก้อนใดๆ ทั้งสิ้น แต่ทางเจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อแน่นอน
...อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ “สิทธิทัศน์”เคยอ้างตัวว่าเป็นญาติของ “หญิงอ้อ”คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภริยาของ “นายใหญ่”พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เพื่อทำการรื้อถอนอาคารและสิ่งปลูกสร้าง ในพื้นที่กองพันทหารม้าที่ 4 รักษาพระองค์ และ ขสทบ. ที่ตั้งอยู่ถนนสามเสน เขตดุสิต ก่อนก่อสร้างเป็นอาคารรัฐสภาแห่งใหม่...นอกจากนี้ เจ้าตัวยังเคยร่วมชุมนุมกับกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เมื่อครั้งการชุมนุมที่แยกคอกวัวปี 53 มาแล้ว
ขณะที่เชิงลึกเจ้าหน้าที่พบร่องรอย“ใบปลิวต้านรัฐบาล”ที่พบในพื้นที่ภาคอีสาน ระบุข้อความ “อีสานไม่ต้อนรับเผด็จการ”กับครั้งล่าสุดที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย มีลักษณะคล้ายคลึงกัน และทาง “วชิระ”หนึ่งในผู้ต้องหาโยนใบปลิว ยอมรับอีกว่า ยังมีคนอื่นรู้เห็นเรื่องนี้อีก...ทางเจ้าหน้าที่จึงเชื่อว่า เหตุการณ์ทั้งหมด น่าจะมาจากผู้อยู่เบื้องหลังกลุ่มเดียวกัน !?!...นอกจากนี้ จะมีการขยายผลอีกว่า “สิทธิทัศน์”เคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุรุนแรงในการชุมนุมของกลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรง เป็นประมุข (กปปส.) หรือไม่...
** แม้กระแสต้านรัฐบาล “ประยุทธ์”ที่ส่วนใหญ่เป็นเสื้อแดงอิสระ จะเงียบหายไปได้ซักพัก หลังจากเรื่องของอดีตเจ้าพ่อสอบสวนกลางผุดขึ้นมา แต่สุดท้ายประเด็นของ “บิ๊กกิ๊ก”จะกลายเป็น “เชื้อไฟ”สำคัญ ที่กลุ่มต้านจะนำมาใช้โจมตีรัฐบาล และกระทบชิงไปยังบุคคลชั้นสูงต่อไป โดยเฉพาะเมื่อผ่านพ้นช่วงต้นเดือนธันวาคมไปแล้ว ซึ่งทางหน่วยงานด้านการข่าวต้องจับตาอย่างใกล้ชิดเลยทีเดียว !?!
โดยชนวนสำคัญเป็นผลพวงมาจากคดีใหญ่ระดับ 5 ดาวของ “บิ๊กกิ๊ก”พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ผู้ต้องหาในคดีแอบอ้างเบื้องสูง , เรียกรับผลประโยชน์ , ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ , และซักฟอกเงิน ที่ร่วมกับพรรคพวกในกลุ่มตำรวจด้วยกัน ไล่ตั้งแต่ระดับดาบตำรวจ ไปจนถึงระดับชั้นนายพล เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด
...และไหนจะเจ้าหน้าที่ทหาร ดีเอสไอ ศุลกากร ไล่ไปจนถึงพลเรือนระดับสูง อีกมากมาย ที่มีชื่อติดร่างแหรับส่วยธุรกิจผิดกฎหมายครั้งนี้ของ“บิ๊กกิ๊ก”กันอย่างถ้วนหน้า และเชื่อว่าอีกไม่นานคงมีข่าวใหญ่ตามมาอีกเป็นระลอก?...ซึ่งถ้าหาก “บิ๊กอ๊อด”พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้
บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะเดินหน้าแฉเครือข่ายนี้แบบล้างบางแล้ว ไม่แน่บุคคลที่นั่งข้างๆตัว ผบ.มาดมาเฟียผู้นี้ อาจจะโดน“หมัดน็อก”ไปด้วยก็เป็นได้...
แม้คดีของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ จะกลายเป็นประเด็นรายวัน ที่ประชาชนให้ความสนใจ...แต่จริงๆ แล้ว ณ เวลานี้ทางหน่วยข่าวของบุรุษสีกากีได้ทำงานอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มที่ออกมาต่อต้านรัฐบาล“บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)...ที่ยิ่งนานวัน เริ่มจะมีการก่อตั้งเป็นรูปเป็นร่างเพิ่มมากขึ้น
ซึ่งก่อนหน้านี้ เมื่อช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ระหว่างที่ “บิ๊กตู่”ลงพื้นที่ จ.ขอนแก่นนั้น ได้มีการโปรยใบปลิวต่อต้านรัฐบาล และ คสช.ในตัวเมือง ที่ประจวบเหมาะกับที่“อานนท์ นำภา”ทนายความเสื้อแดง โพสต์ลงเฟชบุ๊กส่วนตัว...หลังจากนั้น ระหว่างที่ “นายกฯ ประยุทธ์”กำลังพูดจ้ออยู่บนเวทีนั้น ได้มีนักศึกษา 5 คน ประกอบด้วย เจตน์สฤทธิ์ นามโคตร , วิชชากร อนุชน , จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา , พายุ บุณโสภณ , วสันต์ เสกสิทธิ์ อ้างว่าเป็นกลุ่มดาวดิน ได้เดินเข้ามายังหน้าเวที ก่อนแสดงสัญลักษณ์ชู “3 นิ้ว”ตามหนังภาพยนตร์เรื่อง “เดอะ ฮังเกอร์เกมส์”จนกลายเป็นข่าวคึกโครม และแย่งพื้นที่ข่าวจาก “นายกฯ ประยุทธ์”ได้พอสมควร
**...อย่างไรก็ตาม ล่าสุดมีรายงานข่าวว่า หนึ่งคนในขบวนการที่เคลื่อนไหวในวันนั้น ที่มีความสนิทสนมเป็นพิเศษกับแกนนำเสื้อแดง และ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ในตัวจังหวัดขอนแก่น จนมาซึ่งการอัดฉีดเม็ดเงินให้เคลื่อนไหว ตั้งแต่ราคา 20,000 –50,000 บาท เพื่อให้กลุ่มนักศึกษาเข้าไปก่อเหตุชู “3 นิ้ว”ต้านรัฐบาล
ด้านแหล่งข่าวในหน่วยงานด้านการข่าว ระบุว่า ขณะนี้เริ่มพบกลุ่มทุนที่เคลื่อนไหวในพื้นที่ภาคอีสาน , ภาคเหนือ , กรุงเทพฯ และปริมณฑล บ้างแล้ว โดยเป็นคนหน้าเดิม จากลุ่มเสื้อแดงอิสระ ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง ที่มีสถาบันเบื้องสูง และ อดีต ส.ส.ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล ที่สนับสนุนทุนลงมา อย่างการใช้คนรุ่นใหม่ในการแสดงเชิงสัญลักษณ์ต่อต้านรัฐบาล “ประยุทธ์” เพราะเล็งเห็นว่าสุดท้ายเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า และโทษไม่หนักจริงเหมือนช่วงแรกของการรัฐประหาร เนื่องจากรัฐบาล “บิ๊กตู่”เริ่มจะผ่อนเครื่องลงแล้ว...
โดยการเคลื่อนไหวเหล่านี้ มีการรับไม้ต่อ ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล อย่างกลุ่มธรรมศาตร์เสรีเพื่อประชาธิปไตย ที่สมาชิกบางคนได้มีส่วนร่วมในการสนับสนุนเรื่อง ยกเลิก“มาตรา 112”และเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มเสื้อแดงมาก่อน
** จนล่าสุด กับกรณีที่เจ้าหน้าที่ทหาร พร้อมตำรวจ แกะรอยภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณถนนราชดำเนิน ซึ่งนำไปสู่การจับกุมตัว “สิทธิทัศน์ เหล่าวานิชธนาภา”อายุ 54 ปี และ “วชิระ ทองสุข” มือโยนใบปลิวต่อต้าน คสช. ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย แม้เบื้องต้นเจ้าตัวจะระบุ เป็นแค่อุดมการณ์ส่วนตัว ไม่เกี่ยวข้องกับกลุ่มก้อนใดๆ ทั้งสิ้น แต่ทางเจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อแน่นอน
...อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ “สิทธิทัศน์”เคยอ้างตัวว่าเป็นญาติของ “หญิงอ้อ”คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภริยาของ “นายใหญ่”พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เพื่อทำการรื้อถอนอาคารและสิ่งปลูกสร้าง ในพื้นที่กองพันทหารม้าที่ 4 รักษาพระองค์ และ ขสทบ. ที่ตั้งอยู่ถนนสามเสน เขตดุสิต ก่อนก่อสร้างเป็นอาคารรัฐสภาแห่งใหม่...นอกจากนี้ เจ้าตัวยังเคยร่วมชุมนุมกับกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เมื่อครั้งการชุมนุมที่แยกคอกวัวปี 53 มาแล้ว
ขณะที่เชิงลึกเจ้าหน้าที่พบร่องรอย“ใบปลิวต้านรัฐบาล”ที่พบในพื้นที่ภาคอีสาน ระบุข้อความ “อีสานไม่ต้อนรับเผด็จการ”กับครั้งล่าสุดที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย มีลักษณะคล้ายคลึงกัน และทาง “วชิระ”หนึ่งในผู้ต้องหาโยนใบปลิว ยอมรับอีกว่า ยังมีคนอื่นรู้เห็นเรื่องนี้อีก...ทางเจ้าหน้าที่จึงเชื่อว่า เหตุการณ์ทั้งหมด น่าจะมาจากผู้อยู่เบื้องหลังกลุ่มเดียวกัน !?!...นอกจากนี้ จะมีการขยายผลอีกว่า “สิทธิทัศน์”เคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุรุนแรงในการชุมนุมของกลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรง เป็นประมุข (กปปส.) หรือไม่...
** แม้กระแสต้านรัฐบาล “ประยุทธ์”ที่ส่วนใหญ่เป็นเสื้อแดงอิสระ จะเงียบหายไปได้ซักพัก หลังจากเรื่องของอดีตเจ้าพ่อสอบสวนกลางผุดขึ้นมา แต่สุดท้ายประเด็นของ “บิ๊กกิ๊ก”จะกลายเป็น “เชื้อไฟ”สำคัญ ที่กลุ่มต้านจะนำมาใช้โจมตีรัฐบาล และกระทบชิงไปยังบุคคลชั้นสูงต่อไป โดยเฉพาะเมื่อผ่านพ้นช่วงต้นเดือนธันวาคมไปแล้ว ซึ่งทางหน่วยงานด้านการข่าวต้องจับตาอย่างใกล้ชิดเลยทีเดียว !?!