ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - น้ำมันเถื่อนใต้ยังตีปีก! เผยที่ จ.สงขลา ขบวนการยังลักลอบขนข้ามแดนกันได้อย่างคึกคักทั้งทางบก และในทะเล ขณะที่นายตำรวจใหญ่ในพื้นที่ก็วิ่งกันวุ่นกลัวจะติดร่างแหร่วมแก๊งสีกากี “พงศ์พัฒน์-โกวิท” ที่เพิ่งถูกทลายลง
ภายหลังจากที่มีข่าว พล.ต.ท.พงษ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีต ผบช.ก. พร้อมด้วย พล.ต.ต.โกวิท วงศ์รุ่งโรจน์ อดีตรอง ผบช.ก.และพวก ตกเป็นผู้ต้องหาในข้อหาร้ายแรงหลายข้อหา และหนึ่งในข้อหาที่เกี่ยวโยงมายังภาคใต้คือ การเรียกรับส่วยจากขบวนการค้าน้ำมันเถื่อน ซึ่งการค้าน้ำมันเถื่อนนับว่าเป็นขบวนการใหญ่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น
ผู้สื่อข่าวได้ทำการตรวจสอบความเคลื่อนไหวของขบวนการค้าน้ำมันเถื่อน ทั้งทางบกและทางทะเลในพื้นที่ จ.สงขลา พบว่า กลุ่มผู้ค้าน้ำมันเถื่อนยังคงทำการลักลอบขนถ่ายน้ำมันจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาจำหน่ายให้แก่ผู้ต้องการใช้ในไทยแบบไม่สะทกสะท้านต้องข่าวที่เกิดขึ้น โดยมีการนำไปเสนอขายให้แก่โรงงานอุตสาหกรรม บริษัทขนส่ง ปั๊มน้ำมัน และผู้ค้ารายย่อย แบบไม่มีความเกรงกลัวต่อการจับกุม หรือเกรงกลัวผลกระทบจากคดี พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ จะถูกขยายผลมาถึงแต่อย่างใด
ในส่วนของขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนบนบกนั้น ที่ด่านศุลกากรปาดังเบซาร์ และด่านศุลกากรสะเดา ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ อ.สะเดา จ.สงขลา กลุ่มผู้ค้าน้ำมันเถื่อนยังได้รับการเปิดไฟเขียวจากเจ้าหน้าที่ศุลกากรในการนำรถยนต์เข้าไปขนน้ำมันในประเทศมาเลเซียกลับเข้ามาอย่างผิดกฎหมายตั้งแต่เวลา 05.00-09.00 น. ของทุกวัน โดยผู้ค้าน้ำมันเหล่านั้นจะขนกันกี่เที่ยว หรือกี่คันก็ได้ ซึ่งน้ำมันจากมาเลเซียที่ถูกขนโดยรถยนต์ดัดแปลงจะถูกนำไปถ่ายลงถังแท็งก์ เพื่อส่งต่อไปจำหน่ายในพื้นที่ และจังหวัดใกล้เคียง เช่น ตรัง พัทลุง นครศรีธรรมราช ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่มีการจับกุมแต่อย่างใดเช่นกัน
สำหรับขบวนการค้าน้ำมันทางทะเลยังคงสามารถนำน้ำมันที่ลักลอบนำเข้าโดยเรือประมงดัดแปลงขึ้นฝั่งในท่าเรือประมงหลายแห่งในพื้นที่ชายทะเลของ จ.สงขลา มีการติดต่อส่งน้ำมันเถื่อนให้แก่ปั๊มน้ำมันขนาดใหญ่ โรงงานอุตสาหกรรม และบริษัทขนส่งตั้งแต่ 40,000 ลิตร ไปจนถึง 150,000 ลิตร และส่งได้ในจำนวนไม่จำกัด โดยใช้รถบรรทุกน้ำมันที่เป็นรถ 10 ล้อ และเทรลเลอร์ส่งให้ถึงที่ แต่มีข้อแม้ว่าไม่สามารถออกใบกำกับภาษีให้ผู้ซื้อได้ และผู้ซื้อต้องจ่ายเงินสดเท่านั้น
จากการตรวจสอบไปยังโรงงานอุตสาหกรรมแห่งหนึ่งใน ต.เขารูปช้าง อ.เมือง จ.สงขลา ได้รับการเปิดเผยจากแหล่งข่าวภายในโรงงานดังกล่าวว่า ทุกวันจะมีผู้เสนอขายน้ำมันให้แก่โรงงาน โดยในวันนี้ (27 พ.ย.) มีการเสนอขายในราคาลิตรละ 26 บาท ซึ่งต่างกับราคาของน้ำมันที่ซื้อจากคลังน้ำมันที่ถูกต้องตามกฎหมายที่ราคาอยู่ที่ลิตรละ 27.60 บาท โดยมีการเสนอขายครั้งละ 40,000 ลิตร
ในขณะที่บริษัทขนส่งหลายแห่งใน จ.สงขลา ก็ได้ให้ข้อมูลว่า ผู้ที่เสนอขายน้ำมันเถื่อนจะอ้างว่าเป็นน้ำมันที่ซื้อโดยตรงจาก “ไทยออยล์” ครั้งละมากๆ จึงได้ในราคาถูก และบางรายอ้างว่าเป็นน้ำมันของ “ทหาร” ที่นำมาขายให้แก่ผู้ค้าน้ำมัน จึงทำให้ได้น้ำมันในราคาที่ถูกกว่าต้นทุน ในขณะที่ผู้ประกอบการขนส่ง และโรงงานอุตสาหกรรมจำนวนมากที่กล้าซื้อเก็บไว้ ทั้งที่รู้ว่าเป็นน้ำมันเถื่อนเพราะไม่มีเอกสารใบอินวอยซ์ และใบกำกับภาษีมูลค่าเพิ่มเหมือนกับการซื้อน้ำมันที่ถูกต้องจากดีเลอร์ หรือบรรดาซัปพลายเออร์ต่างๆ
อย่างไรก็ตาม มีรายงานข่าวยืนยันว่า หลังจากมีข่าวส่วยน้ำมันเถื่อนสะพัด และมีการจับกุมแก๊งของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ หรือบิ๊กกิ๊ก กับ พล.ต.ต.โกวิท หรือ บิ๊กโก และพวกเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 27 พ.ย.ที่ผ่านมา นายประยุทธ มณีโชติ ผู้อำนวยการศุลกากรภูมิภาคที่ 4 ได้มีคำสั่งให้ด่านศุลกากรทุกแห่งในภาคใต้ตอนล่างเข้มงวดกวดขัน และจับกุมกลุ่มผู้ค้าน้ำมันเถื่อน ทั้งทางบก และทางทะเล
ในขณะที่นายตำรวจในพื้นที่ จ.สงขลา และใกล้เคียง ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องต่อการรับส่วยน้ำมันเถื่อนมาโดยตลอด โดยเฉพาะชุดปราบน้ำมันเถื่อน (ปนม.) ทั้งของภาค 9 และของจังหวัด ตั้งแต่ยศ พล.ต.ต., พ.ต.อ. จนถึง นายดาบ ซึ่งเป็นผู้ทำหน้าที่รับส่วย และเก็บส่วยจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มนายพลกว่า 10 คน และกลุ่ม พ.ต.อ.กว่า 20 คน ต่างหวาดผวากลัวจะมีการสาวไปถึงตนเอง และกลัวว่าจะมีการขุดรากถอนโคนออกมาแฉเส้นทางส่วยน้ำมันเถื่อน จึงมีการตรวจสอบข่าวจากส่วนกลางอย่างถี่ยิบ และหลายคนรีบเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อหาทางป้องกันอย่าให้ภัยจากการทลายแก๊งของเดอะกิ๊ก และเดอะโกลามไปถึงตนเอง
ล่าสุด พล.ต.ท.มนตรี โปรตะยานนท์ ผบช.ภ.9 ได้มีการสั่งการให้ ผบก.ใน 4 จังหวัดรับผิดชอบ เข้มงวดในเรื่องสิ่งผิดกฎหมายทั้งหมด ทั้งด้านการค้าน้ำมันเถื่อน การเปิดบ่อนการพนัน การลักลอบค้ามนุษย์ และอื่นๆ อย่าให้เกิดขึ้นในพื้นที่อย่างเด็ดขาด
ในขณะที่ พล.ต.ท.อนุรุต กฤษณะการะเกด ผบช. ศชต. เปิดเผยว่า ในพื้นที่ของ จ.ปัตตานี จ.ยะลา และ จ.นราธิวาส ศชต.ได้มีการประสานงานกับ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ในการปราบปรามขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนมาโดยตลอด โดยถือว่าขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนเป็นภัยแทรกซ้อน และสนับสนับทางการเงินให้กับขบวนการก่อความไม่สงบ ซึ่งมีการจับกุมผู้ค้ารายใหญ่ได้แล้วหลายราย
“ส่วนผู้ค้ารายย่อยที่เป็นประชาชนตามแนวชายแดนนั้น เป็นการค้าขายเลี้ยงชีพเล็กๆ น้อยๆ ที่เป็นวิถีชีวิตของคนหาเช้ากินค่ำ แต่ถ้าเป็นการค้าแบบนายทุนได้สั่งการให้จับกุมอย่างเด็ดขาดแล้ว” พล.ต.ท.อนุรุต กล่าว