พนักงานสอบสวนคุมตัว “นายดาบนอกรีต” อุ้มเหยื่อ “นักธุรกิจจีน” เรียกค่าไถ่ 100 ล้าน ขออำนาจศาลอาญาฝากขัง พร้อมคัดค้านประกันตัว เหตุคดีนี้มีอัตราโทษสูงถึงประหารชีวิต เกรงผู้ต้องหาจะหลบหนี แฉประวัติเคยอุ้มนักธุรกิจอินเดีย จนโดนศาลตัดสินจำคุกมาแล้ว
วานนี้ (24 พ.ย.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาล (สน.) พญาไท ควบคุมตัว ด.ต.ศุภณัฏฐ์ ชูชัยปัญญาพงศ์ อายุ 45 ปี เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.ดอนเมือง ผู้ต้องหาคดีอุ้มนักธุรกิจสัญชาติกัมพูชา-จีน เรียกค่าไถ่ มายื่นคำร้องฝากขังต่อศาลครั้งแรก
เรียกค่า 100 ล้านก่อนโดนรวบ
โดยคำร้องของพนักงานสอบสวนระบุพฤติการณ์ว่า เมื่อวันที่ 12 พ.ย.57 เวลาประมาณ 12.00 น. ขณะที่ นายเฉิน จื่อ นักธุรกิจชาวจีน ผู้เสียหาย นั่งรถยนต์โตโยต้า อินโนว่า สีขาว มาลงบริเวณหน้าตึกใบหยก 2 ถ.ราชปรารภ ผู้ต้องหากับพวกได้ขับรถยนต์โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีดำ ทะเบียน ฌฎ - 1867 กรุงเทพฯ ตามประกบมา เมื่อผู้เสียหายเดินเข้าไปในตึก ผู้ต้องหาได้จับกุมตัวผู้เสียหาย โดยอ้างว่า ผู้เสียหายถูกออกหมายจับจากประเทศจีน จากนั้นพาขึ้นรถโตโยต้าของผู้ต้องหาออกจากตึกไป
ต่อมาวันที่ 13 พ.ย.57 หลังเกิดเหตุกลุ่มเพื่อนและภรรยาของนายเฉินได้เข้าร้องทุกข์ดำเนินคดีต่อพนักงานสอบสวน สน.พญาไท ให้ช่วยติดตามตัว ส่วนผู้ต้องหากับพวกได้ติดต่อเรียกค่าไถ่ผู้เสียหายจากคนขับรถส่วนตัว จำนวน 100 ล้านบาท และมีการต่อรองเหลือ 16 ล้านบาท โดยนัดหมายตามสถานที่หลายแห่ง แต่สุดท้ายผู้ต้องหากับพวกก็ไม่ยอมมารับเงินค่าไถ่
กระทั่งกลางดึกวันที่ 15 พ.ย. นายเฉินได้ส่งข้อความถึงคนขับรถส่วนตัวว่า เขาปลอดภัย หลังได้รับการปล่อยตัวจากกลุ่มคนร้ายที่ประเทศกัมพูชา โดยมีภาพถ่ายยืนยันเป็นหลักฐานว่าปลอดภัยดี ภายใต้การดูแลรักษาความปลอดภัยของทางการประเทศกัมพูชา ตามที่ปรากฏเป็นข่าวไปแล้ว
เผยโทษหนักถึงประหารชีวิต
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงขออนุมัติหมายจับจากศาลอาญา ที่ 1082/57 ลงวันที่ 21 พ.ย.57 และติดตามจับกุมตัว ด.ต.ศุภณัฏฐ์ ได้ในวันที่ 22 พ.ย.57 บริเวณหน้า สน.ดอนเมือง แจ้งข้อหาดำเนินคดีในความผิดฐานร่วมกันเรียกค่าไถ่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83,313 จากนั้นได้ควบคุมตัวไว้ที่ สน.พญาไท เพื่อสอบสวนขยายผลเพิ่มเติม โดยในชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ
รายงานแจ้งว่า ขณะนี้การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น เพราะต้องสอบปากคำพยานอีก 20 ปาก รอผลการตรวจลายพิมพ์มือ ผู้ต้องหา และอื่นๆ ด้วยความจำเป็นดังกล่าวจึงขอฝากขังผู้ต้องหาไว้ 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 24 พ.ย. - 5 ธ.ค.นี้
ในช่วงท้ายคำร้อง พนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากคดีนี้มีอัตราโทษสูงถึงประหารชีวิต เกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี และไปข่มขู่หรือยุ่งเหยิงกับพยาน หลักฐาน
ศาลพิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังได้
มีประวัติอุ้มชาวอินเดียมาก่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ด.ต.ศุภณัฏฐ์ เดิมชื่อสายันห์ โยวัง เมื่อเดือน ก.ย.45 สมัยที่มีตำแหน่งเป็น ผบ.หมู่ ป.สน.ลาดพร้าว เคยร่วมกับ ส.ต.ต.วิฑูรย์ มูลลา และพวก อ้างตัวเป็นตำรวจกองปราบปรามอุ้ม นายประดีป กูมาอาโลรา นักธุรกิจอินเดียไปเรียกค่าไถ่ แต่ครอบครัวของผู้เสียหายเข้าแจ้งกับตำรวจกองปราบปรามซ้อนแผนช่วยนำตัวออกมาได้ ต่อมาวันที่ 15 ธ.ค.52 ศาลได้พิพากษาลงโทษ ด.ต.ศุภณัฏฐ์ พร้อม ส.ต.ต.วิฑูรย์ ฐานเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบจำคุกคนละ 8 ปี ซึ่งคาดว่า หลังจากเรื่องเงียบ ด.ต.ศุภณัฏฐ์ทำเรื่องกลับเข้ามารับราชการอีกครั้ง
วานนี้ (24 พ.ย.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาล (สน.) พญาไท ควบคุมตัว ด.ต.ศุภณัฏฐ์ ชูชัยปัญญาพงศ์ อายุ 45 ปี เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.ดอนเมือง ผู้ต้องหาคดีอุ้มนักธุรกิจสัญชาติกัมพูชา-จีน เรียกค่าไถ่ มายื่นคำร้องฝากขังต่อศาลครั้งแรก
เรียกค่า 100 ล้านก่อนโดนรวบ
โดยคำร้องของพนักงานสอบสวนระบุพฤติการณ์ว่า เมื่อวันที่ 12 พ.ย.57 เวลาประมาณ 12.00 น. ขณะที่ นายเฉิน จื่อ นักธุรกิจชาวจีน ผู้เสียหาย นั่งรถยนต์โตโยต้า อินโนว่า สีขาว มาลงบริเวณหน้าตึกใบหยก 2 ถ.ราชปรารภ ผู้ต้องหากับพวกได้ขับรถยนต์โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีดำ ทะเบียน ฌฎ - 1867 กรุงเทพฯ ตามประกบมา เมื่อผู้เสียหายเดินเข้าไปในตึก ผู้ต้องหาได้จับกุมตัวผู้เสียหาย โดยอ้างว่า ผู้เสียหายถูกออกหมายจับจากประเทศจีน จากนั้นพาขึ้นรถโตโยต้าของผู้ต้องหาออกจากตึกไป
ต่อมาวันที่ 13 พ.ย.57 หลังเกิดเหตุกลุ่มเพื่อนและภรรยาของนายเฉินได้เข้าร้องทุกข์ดำเนินคดีต่อพนักงานสอบสวน สน.พญาไท ให้ช่วยติดตามตัว ส่วนผู้ต้องหากับพวกได้ติดต่อเรียกค่าไถ่ผู้เสียหายจากคนขับรถส่วนตัว จำนวน 100 ล้านบาท และมีการต่อรองเหลือ 16 ล้านบาท โดยนัดหมายตามสถานที่หลายแห่ง แต่สุดท้ายผู้ต้องหากับพวกก็ไม่ยอมมารับเงินค่าไถ่
กระทั่งกลางดึกวันที่ 15 พ.ย. นายเฉินได้ส่งข้อความถึงคนขับรถส่วนตัวว่า เขาปลอดภัย หลังได้รับการปล่อยตัวจากกลุ่มคนร้ายที่ประเทศกัมพูชา โดยมีภาพถ่ายยืนยันเป็นหลักฐานว่าปลอดภัยดี ภายใต้การดูแลรักษาความปลอดภัยของทางการประเทศกัมพูชา ตามที่ปรากฏเป็นข่าวไปแล้ว
เผยโทษหนักถึงประหารชีวิต
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงขออนุมัติหมายจับจากศาลอาญา ที่ 1082/57 ลงวันที่ 21 พ.ย.57 และติดตามจับกุมตัว ด.ต.ศุภณัฏฐ์ ได้ในวันที่ 22 พ.ย.57 บริเวณหน้า สน.ดอนเมือง แจ้งข้อหาดำเนินคดีในความผิดฐานร่วมกันเรียกค่าไถ่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83,313 จากนั้นได้ควบคุมตัวไว้ที่ สน.พญาไท เพื่อสอบสวนขยายผลเพิ่มเติม โดยในชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ
รายงานแจ้งว่า ขณะนี้การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น เพราะต้องสอบปากคำพยานอีก 20 ปาก รอผลการตรวจลายพิมพ์มือ ผู้ต้องหา และอื่นๆ ด้วยความจำเป็นดังกล่าวจึงขอฝากขังผู้ต้องหาไว้ 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 24 พ.ย. - 5 ธ.ค.นี้
ในช่วงท้ายคำร้อง พนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากคดีนี้มีอัตราโทษสูงถึงประหารชีวิต เกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี และไปข่มขู่หรือยุ่งเหยิงกับพยาน หลักฐาน
ศาลพิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังได้
มีประวัติอุ้มชาวอินเดียมาก่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ด.ต.ศุภณัฏฐ์ เดิมชื่อสายันห์ โยวัง เมื่อเดือน ก.ย.45 สมัยที่มีตำแหน่งเป็น ผบ.หมู่ ป.สน.ลาดพร้าว เคยร่วมกับ ส.ต.ต.วิฑูรย์ มูลลา และพวก อ้างตัวเป็นตำรวจกองปราบปรามอุ้ม นายประดีป กูมาอาโลรา นักธุรกิจอินเดียไปเรียกค่าไถ่ แต่ครอบครัวของผู้เสียหายเข้าแจ้งกับตำรวจกองปราบปรามซ้อนแผนช่วยนำตัวออกมาได้ ต่อมาวันที่ 15 ธ.ค.52 ศาลได้พิพากษาลงโทษ ด.ต.ศุภณัฏฐ์ พร้อม ส.ต.ต.วิฑูรย์ ฐานเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบจำคุกคนละ 8 ปี ซึ่งคาดว่า หลังจากเรื่องเงียบ ด.ต.ศุภณัฏฐ์ทำเรื่องกลับเข้ามารับราชการอีกครั้ง
