ASTVผู้จัดการรายวัน-“ฉัตรชัย”เผยรัฐบาลวาง 4 ยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย เน้นสร้างความเข้มแข็งภาคการผลิต ยกเครื่องการศึกษา ยกระดับการทำงานรัฐและรัฐวิสาหกิจ และมุ่งขจัดคอร์รัปชั่น ยันเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น หลังรัฐอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบ คาดส่งออกปีหน้าโต 4% เอกชนแนะรัฐแก้อุปสรรค เดินหน้าโครงสร้างพื้นฐาน อัดฉีดเงิน ดันจีดีพีโต 4%
พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยในการปาฐกถาพิเศษ เรื่อง "พลิกฟื้นเศรษฐกิจเพื่อความอยู่ดีมีสุขของคนไทยทั้งประเทศ" จัดโดยสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจว่า รัฐบาลได้กำหนดยุทธศาสตร์ 4 เสาหลักในการสร้างความยั่งยืนให้แก่เศรษฐกิจไทย โดยเสาที่ 1 คือ การสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับเศรษฐกิจไทย
ด้วยการปรับโครงสร้างการผลิตไปสู่ภาคเกษตรยุคใหม่ ซึ่งจะต้องมีการนำเทคโนโลยีและการบริหารจัดการสมัยใหม่ในการเพิ่มมูลค่าผ่านการแปรรูป การทำตลาด และการสร้างแบรนด์สินค้า ขณะเดียวกัน จะลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะระบบคมนาคม เพื่อลดต้นทุนโลจิสติกส์จาก 15% ต่อจีดีพี เหลือ 13% ต่อจีดีพี รวมทั้งปรับโครงสร้างพลังงานให้สอดคล้องกับความเป็นจริงมากที่สุด
สำหรับเสาที่ 2 จะเน้นการยกเครื่องการศึกษา เพื่อสร้างแรงงานที่มีคุณภาพให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด โดยจะมีการพัฒนาอาชีวะศึกษาแบบครบวงจร เนื่องจากที่ผ่านมา ในแต่ละปีรัฐบาลต้องทุ่มงบประมาณ 5 แสนล้านบาท แต่สุดท้ายการศึกษาไทย ก็ยังไม่สามารถตอบโจทย์เศรษฐกิจของประเทศ
ส่วนเสาที่ 3 จะเป็นการยกระดับประสิทธิภาพการทำงานของภาครัฐและรัฐวิสาหกิจเพื่อสร้างอำนวยความสะดวกในการทำธุรกิจของภาคเอกชนให้ง่ายที่สุด และเสาที่ 4 จะเน้นการขจัดการคอร์รัปชั่นในประเทศไทย เพราะหากการคอร์รัปชั่นยังขยายตัวอยู่ ก็จะทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างไม่มีประสิทธิภาพ
พล.อ.ฉัตรชัยกล่าวว่า ในด้านการกระตุ้นเศรษฐกิจ รัฐบาลได้เร่งเบิกจ่ายงบประมาณปี 2557 วงเงิน 1.47 แสนล้านบาท และเร่งเบิกจ่ายงบประมาณปี 2558 วงเงิน 1.3 แสนล้านบาทให้แล้วเสร็จภายในเดือนธ.ค.2557 และยังได้อนุมัติวงเงินช่วยเหลือชาวนาและเกษตรกรอื่นๆ เป็นเงินกว่า 3.2 แสนล้านบาท การอนุมัติโครงการลงทุนผ่านคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) อีก 380 ราย วงเงิน 4.29 แสนล้านบาท ซึ่งมั่นใจว่าเงินงบประมาณที่อัดฉีดลงไปจะช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ดีขึ้น
สำหรับการส่งออก คาดว่าในปี 2558 จะขยายตัวได้ 4% ภายใต้จีดีพีที่รัฐบาลคาดว่าจะเติบโตที่ 4-5% เนื่องจากแนวโน้มการส่งออกเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น และมาตรการกระตุ้นของรัฐบาลเริ่มส่งผลดีต่อภาคการส่งออก ส่วนในด้านค่าครองชีพ กระทรวงพาณิชย์มีแผนที่จะจัดทำมาตรการเพื่อลดค่าครองชีพให้กับประชาชนอย่างต่อเนื่อง และในปัจจุบันพบว่าค่าครองชีพอยู่ในระดับที่ประชาชนรับได้ ทั้งราคาสินค้าและอาหาร
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศ (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ได้หารือกับกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ แล้ว มีความมั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2558 จะเติบโตได้ที่ 4% แม้ว่าปีนี้เศรษฐกิจจะเติบโตไม่มาก โดยรัฐบาลจะต้องเดินหน้าโครงการต่างๆ ทั้งโครงสร้างพื้นฐาน การลดอุปสรรคการค้าการลงทุน และเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณเข้าสู่ระบบ ขณะที่การส่งออก แม้ตลาดหลักอย่างสหรัฐฯ และยุโรป จะยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ แต่เชื่อว่า ไทยจะยังส่งออกได้ดีขึ้น โดยเฉพาะตลาดอาเซียน
นายสนั่น อังอุบลกุล รองประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า ในปี 2557 คาดว่าการส่งออกจะขยายตัวเพียง 0-0.5% ส่วนปีหน้าคาดว่าจะโตได้ 4% เพราะได้รับแรงบวกจากตลาดอาเซียนและการค้าชายแดน โดยปัจจัยเสี่ยงมาจากความไม่สงบในตะวันออกกลาง และเศรษฐกิจโลกที่ยังอ่อนแอ
นายอิทธิฤทธิ์ กิ่งเล็ก ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวว่า การที่รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบวิธีไทย คาดว่าทั้งปีจะมีนักท่องเที่ยว 30 ล้านคน และมีรายได้ 1.4 ล้านล้านบาท ขยายตัว 5% แต่รัฐบาลจะต้องเร่งพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่จะเพิ่มมากขึ้น การสร้างและพัฒนาบุคลากรให้เพียงพอ
และช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการให้เข้าถึงแหล่งเงินทุน
พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยในการปาฐกถาพิเศษ เรื่อง "พลิกฟื้นเศรษฐกิจเพื่อความอยู่ดีมีสุขของคนไทยทั้งประเทศ" จัดโดยสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจว่า รัฐบาลได้กำหนดยุทธศาสตร์ 4 เสาหลักในการสร้างความยั่งยืนให้แก่เศรษฐกิจไทย โดยเสาที่ 1 คือ การสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับเศรษฐกิจไทย
ด้วยการปรับโครงสร้างการผลิตไปสู่ภาคเกษตรยุคใหม่ ซึ่งจะต้องมีการนำเทคโนโลยีและการบริหารจัดการสมัยใหม่ในการเพิ่มมูลค่าผ่านการแปรรูป การทำตลาด และการสร้างแบรนด์สินค้า ขณะเดียวกัน จะลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะระบบคมนาคม เพื่อลดต้นทุนโลจิสติกส์จาก 15% ต่อจีดีพี เหลือ 13% ต่อจีดีพี รวมทั้งปรับโครงสร้างพลังงานให้สอดคล้องกับความเป็นจริงมากที่สุด
สำหรับเสาที่ 2 จะเน้นการยกเครื่องการศึกษา เพื่อสร้างแรงงานที่มีคุณภาพให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด โดยจะมีการพัฒนาอาชีวะศึกษาแบบครบวงจร เนื่องจากที่ผ่านมา ในแต่ละปีรัฐบาลต้องทุ่มงบประมาณ 5 แสนล้านบาท แต่สุดท้ายการศึกษาไทย ก็ยังไม่สามารถตอบโจทย์เศรษฐกิจของประเทศ
ส่วนเสาที่ 3 จะเป็นการยกระดับประสิทธิภาพการทำงานของภาครัฐและรัฐวิสาหกิจเพื่อสร้างอำนวยความสะดวกในการทำธุรกิจของภาคเอกชนให้ง่ายที่สุด และเสาที่ 4 จะเน้นการขจัดการคอร์รัปชั่นในประเทศไทย เพราะหากการคอร์รัปชั่นยังขยายตัวอยู่ ก็จะทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างไม่มีประสิทธิภาพ
พล.อ.ฉัตรชัยกล่าวว่า ในด้านการกระตุ้นเศรษฐกิจ รัฐบาลได้เร่งเบิกจ่ายงบประมาณปี 2557 วงเงิน 1.47 แสนล้านบาท และเร่งเบิกจ่ายงบประมาณปี 2558 วงเงิน 1.3 แสนล้านบาทให้แล้วเสร็จภายในเดือนธ.ค.2557 และยังได้อนุมัติวงเงินช่วยเหลือชาวนาและเกษตรกรอื่นๆ เป็นเงินกว่า 3.2 แสนล้านบาท การอนุมัติโครงการลงทุนผ่านคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) อีก 380 ราย วงเงิน 4.29 แสนล้านบาท ซึ่งมั่นใจว่าเงินงบประมาณที่อัดฉีดลงไปจะช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ดีขึ้น
สำหรับการส่งออก คาดว่าในปี 2558 จะขยายตัวได้ 4% ภายใต้จีดีพีที่รัฐบาลคาดว่าจะเติบโตที่ 4-5% เนื่องจากแนวโน้มการส่งออกเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น และมาตรการกระตุ้นของรัฐบาลเริ่มส่งผลดีต่อภาคการส่งออก ส่วนในด้านค่าครองชีพ กระทรวงพาณิชย์มีแผนที่จะจัดทำมาตรการเพื่อลดค่าครองชีพให้กับประชาชนอย่างต่อเนื่อง และในปัจจุบันพบว่าค่าครองชีพอยู่ในระดับที่ประชาชนรับได้ ทั้งราคาสินค้าและอาหาร
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศ (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ได้หารือกับกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ แล้ว มีความมั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2558 จะเติบโตได้ที่ 4% แม้ว่าปีนี้เศรษฐกิจจะเติบโตไม่มาก โดยรัฐบาลจะต้องเดินหน้าโครงการต่างๆ ทั้งโครงสร้างพื้นฐาน การลดอุปสรรคการค้าการลงทุน และเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณเข้าสู่ระบบ ขณะที่การส่งออก แม้ตลาดหลักอย่างสหรัฐฯ และยุโรป จะยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ แต่เชื่อว่า ไทยจะยังส่งออกได้ดีขึ้น โดยเฉพาะตลาดอาเซียน
นายสนั่น อังอุบลกุล รองประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า ในปี 2557 คาดว่าการส่งออกจะขยายตัวเพียง 0-0.5% ส่วนปีหน้าคาดว่าจะโตได้ 4% เพราะได้รับแรงบวกจากตลาดอาเซียนและการค้าชายแดน โดยปัจจัยเสี่ยงมาจากความไม่สงบในตะวันออกกลาง และเศรษฐกิจโลกที่ยังอ่อนแอ
นายอิทธิฤทธิ์ กิ่งเล็ก ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวว่า การที่รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบวิธีไทย คาดว่าทั้งปีจะมีนักท่องเที่ยว 30 ล้านคน และมีรายได้ 1.4 ล้านล้านบาท ขยายตัว 5% แต่รัฐบาลจะต้องเร่งพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่จะเพิ่มมากขึ้น การสร้างและพัฒนาบุคลากรให้เพียงพอ
และช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการให้เข้าถึงแหล่งเงินทุน