xs
xsm
sm
md
lg

ปลดหลวงพ่อหุ้นพ้น4เก้าอี้ พบปมร้องเรียนอื้อ25เรื่อง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พิจิตร-อดีตเจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อเงิน หลุดจากตำแหน่งบริหารสงฆ์เกลี้ยงรวม 4 ตำแหน่ง หลังถูกอดีตไวยาวัจกรร้องเรียน 25 ข้อหา ทั้งเรื่องเงื่อนงำเงินวัด ยันพาสีกาขึ้นห้าง ขณะที่เจ้าตัวบอกขอความเป็นธรรม ยันเงินวัดอยู่ครบ สาวลึกปมขัดแย้งเรื้อรังมาตั้งแต่ปี 46-47 หลังปลด "กำนันซ้ง" พ้นเก้าอี้ไวยาวัจกรวัด แถมเป่าหู "แม้ว" บอกเป็นนักเลงซ้ำ

พระทีฆทัสสีมุนีวงศ์ เจ้าคณะจังหวัดพิจิตร เปิดเผยถึงความคืบหน้าการปลดพระครูวิสิฐสีลาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดหิรัญญาราม หรือวัดหลวงพ่อเงินบางคลาน ต.บางคลาน อ.โพทะเล จ.พิจิตร ออกจากตำแหน่งตามบัญชาเจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนเหนือว่า หลังปลดออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสแล้ว ยังมีผลให้ต้องหลุดจากตำแหน่งเจ้าคณะตำบล และพระอุปัชฌาย์ รวมถึงการที่ได้เป็นพระครูสัญญาบัตร ซึ่งจะได้รับเงินเดือนเป็นค่าตอบแทนเดือนละประมาณ 3,000 บาทเศษ ก็ให้หลุดตามไปด้วย จึงเป็นการปลดออกรวม 4 ตำแหน่งในด้านการบริหารงานของสงฆ์

ทั้งนี้ อยากให้ทุกฝ่ายหยุดการวิพากษ์วิจารณ์ และขอให้น้อมรับคำตัดสินจากเจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เพราะได้มีการไต่สวนกันอย่างละเอียดรอบคอบ ซึ่งปกติสงฆ์จะทำอะไรนั้น ก็จะใช้หลักธรรมะที่จะต้องมีความเมตตาและความเป็นกลางเป็นหลักอยู่แล้ว ดังนั้น คำตัดสินข้างต้น จึงน่าจะเป็นแนวทางก่อให้เกิดความรักความสามัคคี ซึ่งหน้าที่ต่อไป คือ ต้องช่วยกันฟื้นฟูชื่อเสียงของหลวงพ่อเงินและวัดบางคลานให้กับมาเป็นที่พึ่งทางใจของญาติโยมต่อไป

พระครูวิสิฐสีลาภรณ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อเงินบางคลาน ซึ่งได้พูดคุยกับผู้สื่อข่าวท่ามกลางลูกศิษย์ นำโดยนายสนั่น ลือมงคล และพวกที่มาห้อมล้อมหลายสิบคน ได้พยายามพูดชี้แจงว่า อยากจะขอความเป็นธรรม โดยเฉพาะกรณีที่ถูกนายเชวง ชัยรัตน์ อดีตข้าราชการครูระดับ 9 และนายพร ปั้นเพ็ง อดีตข้าราชการครูในพื้นที่ ซึ่งเป็นอดีตไวยาวัจกรทั้ง 2 คนร้องเรียนไปยังพระผู้ใหญ่เป็นลายลักษณ์อักษร ถึง 25 หัวข้อ ความยาวถึง 4 หน้ากระดาษ เมื่อวันที่ 22 ก.ย.2547 เรื่องการเงินของวัด และการนำเงินไปซื้อหุ้น รวมถึงการซื้ออุปกรณ์ก่อสร้างและมีการเบิกจ่ายเงินเกินความเป็นจริง และยังมีการใส่ร้ายว่ามีการพาสีกาไปเดินช้อปปิ้งในห้าง

พระครูวิสิฐสีลาภรณ์ ได้ปฏิเสธในทุกข้อกล่าวหา โดยชี้แจงเรื่องแรกว่า เรื่องการที่มีเงินของวัดไปเล่นหุ้นนั้น ก็เป็นการซื้อหุ้นมาตั้งแต่อดีตเจ้าอาวาสคนก่อน พอมาถึงยุคของตน ก็ต้องตกกระไดพลอยโจร มารับภาระรับผิดชอบและก็ถูกโจมตีเรื่อยมา ส่วนเรื่องการก่อสร้างและเงินภายในวัดยืนยันว่า เงินยังอยู่ครบ ซึ่งปัจจุบันมีเงินอยู่ถึง 84 ล้านบาท

นอกจากนี้ พระครูวิสิฐสีลาภรณ์ ยังได้นำใบหุ้นออกมาให้ดูพบว่า แท้ที่จริงแล้วเป็นพันธบัตรออมทรัพย์ธนาคารแห่งประเทศไทย ซื้อเมื่อปี 2552 ครั้งที่ 1 อายุ 7 ปี ในนามของวัดหิรัญญาราม เป็นเงิน 16 ล้านบาท และใบการถือหุ้นด้อยสิทธิ์ของ ธ.กรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน ) เมื่อวันที่ 7 พ.ย.2555 ครั้งที่ 1/2555 ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ.2565 ในนามของชื่อผู้ถือหุ้นกู้วัดหิรัญญาราม เป็นเงิน 7,100,000 บาท

สำหรับเรื่องราวของความวุ่นวายในวัดหลวงพ่อเงินบางคลาน เริ่มต้นขึ้นประมาณปี 2546-47 โดยนายสุกิจ พรธาดาวิทย์ หรือกำนันซ้ง อดีตประธานสภา อบจ.พิจิตร ที่เสียชีวิตไปเมื่อ 1 เดือนเศษที่ผ่านมา เคยเป็นผู้หาเงินเข้าวัดและเคยเป็นไวยาวัจกรในสมัยอาจารย์เปื่อง เป็นเจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อเงินบางคลาน จากนั้นได้มรณภาพไป แต่พอพระครูวิสิฐสีลาภรณ์ เข้ามาเป็นเจ้าอาวาสก็ปลดกำนันซ้งออกจากไวยาวัจกร แล้วแต่งตั้งนายเชวง ชัยรัตน์ อดีตข้าราชการครูระดับ 9 และนายพร ปั้นเพ็ง อดีตข้าราชการครูในพื้นที่เข้ามาเป็นไวยาวัจกรแทน

ต่อมากำนันซ้งเคลือบแคลงใจว่า เงินในวัดน่าจะเกิดการทุจริต หรือมีการฉ้อโกงเกิดขึ้น จึงมีการสอบถาม สร้างความไม่พอใจให้กับฝ่ายพระครูวิสิฐสีลาภรณ์ และสองไวยาวัจกร จึงเป็นเหตุบาดหมางและเกิดความแตกแยกเรื่อยมา

กระทั่งปี 2547-48 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เดินสายทัวร์นกขมิ้น แล้วมานอนพักค้างคืนที่วัดหลวงพ่อเงินบางคลาน พระครูวิสิฐสีลาภรณ์ ได้ใช้โอกาสทำหนังสือร้องเรียนว่า กำนันซ้ง เป็นผู้มีอิทธิพล หรือเป็นนักเลงเข้ามาก้าวก่ายกิจการงานของสงฆ์ จนตกเป็นเป้าหมายระยะหนึ่ง โชคดีที่กำนันซ้งเป็นคนสนิทของ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ จึงรอดจากเหตุการณ์มาได้อย่างหวุดหวิด

ต่อมากำนันซ้ง ได้เอกสารใบคำร้องที่พระครูวิสิฐสีลาภรณ์ ส่งถึง พ.ต.ท.ทักษิณ จึงนำเอาเอกสารมาฟ้องศาลในคดีอาญา สู้คดีกันมาหลายปี จนในที่สุดศาลจังหวัดพิจิตรก็ตัดสินว่า พระครูวิสิฐสีลาภรณ์ มีความผิดจริง จึงพิพากษาลงโทษจำคุก 6 เดือน แต่ให้รอลงอาญา 2 ปี และมีการเจรจาของคู่ความ โดยมีข้อตกลงว่า นายเชวง ชัยรัตน์ อดีตข้าราชการครูระดับ 9 และ นายพร ปั้นเพ็ง อดีตข้าราชการครูในพื้นที่ จะต้องลาออกจากการเป็นไวยาวัจกร ซึ่งทั้งคู่ก็ปฏิบัติตามที่ศาลไกล่เกลี่ย

เรื่องน่าจะจบแค่นั้น แต่ปรากฏว่า ทั้งสองฝ่าย และกับกลุ่มชาวบ้านอีกหลายกลุ่ม ก็กลายเป็นคู่ความขึ้นโรงขึ้นศาลอีก 28 คดี จึงเป็นเหตุให้พระครูวิสิฐสีลาภรณ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อเงินบางคลาน ต้องเดินขึ้นโรงขึ้นศาลมาจนถึงปัจจุบัน

ส่วนที่อาคารอเนกประสงค์ วัดกระทิง ต.พลวง อ.เขาคิชฌกูฏ จ.จันทบุรี คณะศิษย์วัดกระทิงกว่า 100 คน ได้มาร่วมกันแถลงข่าวคัดค้านคำสั่งของคณะสงฆ์จังหวัดจันทบุรีที่สั่งปลดพระครูวิโรจน์ธรรมานุกูล หรือพระอาจารย์เงาะ เจ้าอาวาสวัดกระทิง เลขาอดีตหลวงพ่อเขียน เกจิดังแห่งเขาคิชกูฎ พ้นจากตำแหน่งเจ้าอาวาส ภายใต้การนำของนายภานุ วิฑูรธีรศาสตร์ กำนันตำบลพลวง อ.เขาคิชฌกูฏ หลังจากคณะสงฆ์จังหวัดจันทบุรีพบว่า พระอาจารย์เงาะ กระทำผิดวินัยสงฆ์ ด้วยการมีชื่อเป็นผู้ถือครองโฉนดที่ดิน, การใช้เงินวัดซื้อสลาก ธ.ก.ส., รวมทั้งบริหารเงินของวัดไม่โปร่งใส

โดยคณะศิษย์วัดกระทิงยืนยันว่า พระอาจารย์เงาะ ถูกกลั่นแกล้ง ดังนั้น จึงขอความเป็นธรรมให้แก่พระอาจารย์เงาะ พร้อมกับเรียกร้องให้คณะสงฆ์จังหวัดจันทบุรีแต่งตั้งอาจารย์เงาะ กลับมาเป็นเจ้าอาวาสวัดกระทิงดังเดิม
กำลังโหลดความคิดเห็น