ASTV ผู้จัดการรายวัน - ตลท. ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับสภาอุตสาหกรรมฯ ในโครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งและเตรียมความพร้อมให้กับบริษัท เพื่อเข้าจดทะเบียนใน ตลท. และ เอ็ม เอ ไอ หวังผู้ประกอบการไทยขยายโอกาสทางธุรกิจผ่านการระดมทุนในตลาดทุน เตรียมพร้อมเข้าสู่ AEC
นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท. เปิดเผยว่า ตลท. ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ หรือ MOU กับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ สอท.ในโครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งและเตรียมความพร้อมให้กับบริษัท เพื่อเข้าจดทะเบียนใน ตลท.และตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยที่ต้องการขยายโอกาสทางธุรกิจ ได้ใช้ประโยชน์จากตลาดทุนเป็นแหล่งระดมทุนพัฒนาศักยภาพของธุรกิจให้สามารถแข่งขันได้ในภูมิภาคอาเซียน
นอกจากนี้ ตลท.ยังได้มีการพัฒนาหลักเกณฑ์การเข้าจดทะเบียนเพื่อให้บริษัทเข้าจดทะเบียนได้หลายรูปแบบเพื่อให้ธุรกิจได้ขยายโอกาสทางธุรกิจ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งความร่วมมือครั้งนี้มุ่งเน้นการให้ความรู้ความเข้าใจผู้ประกอบการที่เป็นสมาชิกของ สอท. โดยจะจัดในรูปแบบสัมมนา เชิญวิทยากรผู้บริหารที่ประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจมาแลกเปลี่ยนประสบการณ์
"ที่ผ่านมา ตลท. และ เอ็ม เอ ไอ เป็นแหล่งระดมทุนที่สำคัญให้กับภาคเอกชน ทั้งผู้ประกอบการขนาดใหญ่ กลาง และธุรกิจครอบครัว ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดทั่วทุกภูมิภาค ซึ่งจากสถิติการระดมทุนเพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ตั้งแต่ปี 2546 จนถึงปัจจุบันธุรกิจได้ระดมทุนผ่านตลาดทุนแล้วถึง 600,000 ล้านบาท " นางเกศรา กล่าว
ด้านนายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธาน สอท.เปิดเผยว่า สอท. มีเจตนารมณ์ที่จะส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมไทยให้แข็งแกร่ง สู่การยกระดับอุตสาหกรรมไทยให้เป็นศูนย์กลางของภูมิภาคอาเซียน ซึ่งรู้สึกยินดีที่ได้ร่วมมือ กับ ตลท.ถึงแม้ว่าประเทศไทยจะมีศักยภาพทางการแข่งขันรองรับการเข้าสู่ยุคประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC หลายด้าน แต่ผู้ประกอบการไทยยังจำเป็นต้องพัฒนาศักยภาพให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ซึ่ง สอท.พร้อมสนับสนุนให้สมาชิกของ สอท. กว่า 8,000 ราย ทั้งจากสภาอุตสาหกรรมจังหวัดทั้ง 74 จังหวัดทั่วประเทศ รวมทั้งใน 42 กลุ่มอุตสาหกรรมของ สอท. เข้าร่วมโครงการฯ โดยจะเริ่มดำเนินการจัดกิจกรรมและสัมมนาต่างๆ ให้แก่ผู้ประกอบการ ตั้งแต่ต้นปีหน้าเป็นต้นไป
นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทสไทย กล่าวเสริมว่า ขณะนี้ ตลท.เป็นตลาดหุ้นอันดับ 1 ในอาเซียนในเรื่องความน่าสนใจของนักลงทุน ขณะที่ในส่วนของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap) นั้นเป็นอันดับ 3 รองจากสิงคโปร์และมาเลเซีย ซึ่งการลงนามความร่วมมือกันระหว่างสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จะช่วยผลักดันให้ผู้ประกอบการมีช่องทางในการแสวงหาการระดมทุนเพิ่มมากขึ้น และจะช่วยเพิ่มมูลค่า Market Cap ของตลาดหุ้นไทยปรับตัวสูงขึ้นด้วย
ขณะที่แนวทางในอนาคตนั้น ทาง ตลท.จะได้หาความร่วมมือกับบริษัทที่เป็นสมาชิกของ สอท. ซึ่งจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแล้วนั้น มีการจัดตั้งในรูปแบบโฮลดิ้ง คอมพานี เพื่อไปจดทะเบียนในตลาดหุ้นกลุ่มลุ่มแม่น้ำโขง ได้แก่ เวียดนาม พม่า ลาว และ กัมพูชา โดยในระยะแรกจะมีบริษัทฯขนาดใหญ่เข้าร่วมประมาณ 10-20 แห่งเข้าร่วมโครงการขยายการลงทุน ส่วนกลุ่มผู้ประกอบการ SME ที่จะเข้าร่วมโครงการระดมทุน จะต้องดำเนินการแปรรูปเป็นบริษัทจดทะเบียนตามขั้นตอนต่อไป
นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท. เปิดเผยว่า ตลท. ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ หรือ MOU กับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ สอท.ในโครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งและเตรียมความพร้อมให้กับบริษัท เพื่อเข้าจดทะเบียนใน ตลท.และตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยที่ต้องการขยายโอกาสทางธุรกิจ ได้ใช้ประโยชน์จากตลาดทุนเป็นแหล่งระดมทุนพัฒนาศักยภาพของธุรกิจให้สามารถแข่งขันได้ในภูมิภาคอาเซียน
นอกจากนี้ ตลท.ยังได้มีการพัฒนาหลักเกณฑ์การเข้าจดทะเบียนเพื่อให้บริษัทเข้าจดทะเบียนได้หลายรูปแบบเพื่อให้ธุรกิจได้ขยายโอกาสทางธุรกิจ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งความร่วมมือครั้งนี้มุ่งเน้นการให้ความรู้ความเข้าใจผู้ประกอบการที่เป็นสมาชิกของ สอท. โดยจะจัดในรูปแบบสัมมนา เชิญวิทยากรผู้บริหารที่ประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจมาแลกเปลี่ยนประสบการณ์
"ที่ผ่านมา ตลท. และ เอ็ม เอ ไอ เป็นแหล่งระดมทุนที่สำคัญให้กับภาคเอกชน ทั้งผู้ประกอบการขนาดใหญ่ กลาง และธุรกิจครอบครัว ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดทั่วทุกภูมิภาค ซึ่งจากสถิติการระดมทุนเพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ตั้งแต่ปี 2546 จนถึงปัจจุบันธุรกิจได้ระดมทุนผ่านตลาดทุนแล้วถึง 600,000 ล้านบาท " นางเกศรา กล่าว
ด้านนายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธาน สอท.เปิดเผยว่า สอท. มีเจตนารมณ์ที่จะส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมไทยให้แข็งแกร่ง สู่การยกระดับอุตสาหกรรมไทยให้เป็นศูนย์กลางของภูมิภาคอาเซียน ซึ่งรู้สึกยินดีที่ได้ร่วมมือ กับ ตลท.ถึงแม้ว่าประเทศไทยจะมีศักยภาพทางการแข่งขันรองรับการเข้าสู่ยุคประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC หลายด้าน แต่ผู้ประกอบการไทยยังจำเป็นต้องพัฒนาศักยภาพให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ซึ่ง สอท.พร้อมสนับสนุนให้สมาชิกของ สอท. กว่า 8,000 ราย ทั้งจากสภาอุตสาหกรรมจังหวัดทั้ง 74 จังหวัดทั่วประเทศ รวมทั้งใน 42 กลุ่มอุตสาหกรรมของ สอท. เข้าร่วมโครงการฯ โดยจะเริ่มดำเนินการจัดกิจกรรมและสัมมนาต่างๆ ให้แก่ผู้ประกอบการ ตั้งแต่ต้นปีหน้าเป็นต้นไป
นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทสไทย กล่าวเสริมว่า ขณะนี้ ตลท.เป็นตลาดหุ้นอันดับ 1 ในอาเซียนในเรื่องความน่าสนใจของนักลงทุน ขณะที่ในส่วนของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap) นั้นเป็นอันดับ 3 รองจากสิงคโปร์และมาเลเซีย ซึ่งการลงนามความร่วมมือกันระหว่างสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จะช่วยผลักดันให้ผู้ประกอบการมีช่องทางในการแสวงหาการระดมทุนเพิ่มมากขึ้น และจะช่วยเพิ่มมูลค่า Market Cap ของตลาดหุ้นไทยปรับตัวสูงขึ้นด้วย
ขณะที่แนวทางในอนาคตนั้น ทาง ตลท.จะได้หาความร่วมมือกับบริษัทที่เป็นสมาชิกของ สอท. ซึ่งจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแล้วนั้น มีการจัดตั้งในรูปแบบโฮลดิ้ง คอมพานี เพื่อไปจดทะเบียนในตลาดหุ้นกลุ่มลุ่มแม่น้ำโขง ได้แก่ เวียดนาม พม่า ลาว และ กัมพูชา โดยในระยะแรกจะมีบริษัทฯขนาดใหญ่เข้าร่วมประมาณ 10-20 แห่งเข้าร่วมโครงการขยายการลงทุน ส่วนกลุ่มผู้ประกอบการ SME ที่จะเข้าร่วมโครงการระดมทุน จะต้องดำเนินการแปรรูปเป็นบริษัทจดทะเบียนตามขั้นตอนต่อไป
