xs
xsm
sm
md
lg

ศาลปค.ไม่รับฟ้องแท็กซี่จอมประท้วงขอรัฐจ่ายเยียวยา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งยืนตามคำสั่งของศาลปกครองชั้นต้น ไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณา และให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ ในคดีที่นายพงศ์พิชาญ ธนาถิรพงศ์ คนขับแท็กซี่จอมประท้วง ฟ้องปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ เป็นผู้ถูกฟ้องที่ 1-2 กรณีขอให้ศาลมีคำสั่งให้ผู้ถูกฟ้องคดีจ่ายเงินเยียวยาผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองให้กับตนเอง โดยเหตุศาลปกครองสูงสุดไม่รับฟ้อง ระบุว่า
เนื่องจากปรากฏข้อเท็จจริงว่า ภายหลังจากที่ นายพงศ์พิชาญ ได้ยื่นคำร้องขอรับความช่วยเหลือเยียวยาด้านการเงินตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 10 ม.ค. 55 กรณีได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมทางการเมืองเมื่อวันที่ 29 เม.ย.53 และวันที่ 14 พ.ค. 53 ต่อมา คณะอนุกรรมการด้านการเยียวยาทางแพ่งและการฟื้นฟูด้วยวิธีการอื่น ได้พิจารณาในการประชุมครั้งที่ 8/2555 เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.55 ได้มีมติยืนตามผลการพิจารณาของคณะทำงานช่วยเหลือเยียวยาด้านการเงินตามหลักมนุษยธรรมสำหรับผู้เสียหายกลุ่มที่ 1 ที่ว่า นายพงศ์พิชาญ ไม่ได้เป็นผู้มีสิทธิที่จะได้รับเงินเยียวยาตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดสำหรับเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 29 เม.ย.53 จำนวน 1,125,000 บาท จึงจ่ายเงินเยียวยาให้แก่นายพงศ์พิชาญเฉพาะกรณีที่ผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์สลายการชุมนุม เมื่อวันที่ 14 พ.ค.53 เท่านั้น โดยจ่ายให้จำนวน 677,116 บาท จากสิทธิที่พึงได้ 1,125,000 บาท ซึ่งกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการโดยอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ในฐานะประธานคณะทำงานช่วยเหลือเยียวยาด้านการเงินตามหลักมนุษยธรรมได้มีหนังสือลงวันที่ 11 มิ.ย.55 ถึงนายพงศ์พิชาญ แจ้งให้ไปรับเงินเยียวยาตามมติคณะอนุกรรมการด้านการเยียวยาทางแพ่งและการฟื้นฟูด้วยวิธีการอื่นดังกล่าว ในวันที่ 15 มิ.ย. 55 และ นายพงศ์พิชาญ ก็ได้เดินทางไปรับเงินเยียวยาจำนวนดังกล่าวในวันเดียวกัน จึงถือเป็นวันที่นายพงศ์พิชาญ ได้รู้ หรือควรรู้ถึงเหตุแห่งการฟ้องคดีนี้ ที่ตนได้รับเงินเยียวยาไม่ครบตามสิทธิ อีกทั้งยังมีการหักเงินที่ได้รับไปก่อนหน้านั้น นายพงศ์พิชาญ จึงต้องยื่นฟ้องคดีนี้ภายในหนึ่งปี นับแต่วันดังกล่าว คือ ภายในวันที่ 15 มิ.ย. 56
การที่นายพงศ์พิชาญ นำคดีนี้มายื่นฟ้องต่อศาลปกครอง ในวันที่ 13 ก.พ. 57 จึงเป็นการยื่นฟ้องคดีเมื่อพ้นระยะเวลาการฟ้องคดีตามนัย มาตรา 51 แห่งพ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครอง และวิธีพิจารณาคดีปกครองพ.ศ. 2542 ซึ่งการที่ศาลจะใช้ดุลยพินิจรับคำฟ้องที่ยื่นเมื่อพ้นระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดก็ต่อเมื่อศาลเห็นว่า คดีนั้นจะเป็นประโยชน์แก่ส่วนรวมหรือมีความจำเป็น แต่คดีนี้นายพงศ์พิชาญ ขอให้ศาลมีคำสั่งให้ผู้ถูกฟ้องคดีจ่ายเงินเยียวยาความเสียหายให้ครบตามสิทธิที่ควรจะได้ ผลแห่งคำพิพากษาจึงย่อมก่อประโยชน์แก่นายพงศ์พิชาญเท่านั้น มิได้ก่อประโยชน์ให้แก่ประชาชนโดยส่วนรวม อีกทั้งยังมีปรากฏเหตุมีความจำเป็นอื่นใด ที่เป็นอุปสรรคขัดขวางทำให้นายพงศ์พิชาญ ไม่สามารถยื่นคำฟ้องต่อศาลปกครองภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด ศาลจึงไม่อาจรับคำฟ้องนี้ไว้พิจารณาได้
กำลังโหลดความคิดเห็น