ASTVผู้จัดการรายวัน - ปตท.ปรับแผนลงทุน 5 ปี คาดใช้เงินใกล้เคียงเดิม 3.72 แสนล้านบาท เน้นลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทั้งท่อก๊าซฯเส้นที่ 4-5 คลังเก็บแอลเอ็นจีเฟส 2 และลุยธุรกิจในต่างประเทศ เผยเตรียมออกหุ้นกู้ 1-1.2 หมื่นล้านบาทในเดือนธ.ค.นี้ เพื่อทดแทนหุ้นกู้เดิมที่ครบกำหนด
นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ขณะนี้ปตท.อยู่ระหว่างการปรับแผนการลงทุน 5ปี (2558-2562) คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 3.72 แสนล้านบาทใกล้เคียงงบการลงทุนเดิม โดยจะลงทุนในธุรกิจก๊าซฯเกี่ยวกับ โครงสร้างพื้นฐาน อาทิ การลงทุนท่อก๊าซฯเส้นที่ 4 และ 5 รวมทั้ง คลังแอลเอ็นจี เฟส 2 รองรับการนำเข้าแอลเอ็นจีอีก 5 แสนตัน/ปี รองรับปัญหาก๊าซฯในประเทศลดน้อยลง แม้จะมีการเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบ 21
นอกจากนี้ ปตท.ยังปรับแผนเพิ่มการลงทุนในต่างประเทศ ส่วนการลงทุนโรงกลั่นและปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ที่เวียดนาม 22,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ยังไม่ได้บรรจุไว้ในแผนการลงทุน 5ปีนี้ เนื่องจากต้องใช้เวลาในการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการอย่างละเอียดขั้นสุดท้ายทั้งเรื่องพันธมิตรร่วมทุน การจัดหาแหล่งเงินกู้ รวมทั้งความเห็นชอบจากรัฐบาลเวียดนาม คาดว่าจะมีความชัดเจนในไตรมาส 3/2558
นายวิรัตน์ กล่าวต่อไปว่า ส่วนผลกระทบที่ราคาน้ำมันตลาดโลกลดลงอย่างรวดเร็ว จะส่งผลกระทบต่อปตท.เล็กน้อย เนื่องจากธุรกิจปตท.เป็นการลงทุนแบบห่วงโซ่อุปทานระยะยาว โดยธุรกิจขั้นต้น อาทิ สำรวจและผลิตปิโตรเลียมของบมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (ปตท.สผ.) จะไม่ค่อยดีจากราคาน้ำมันที่ลดลง ส่วนธุรกิจโรงกลั่นเองก็ขาดทุนจากสต็อกน้ำมัน ส่วนธุรกิจโอเลฟินส์พบว่ายังมีมาร์จินดีอยู่ เนื่องจากวัตถุดิบต่ำลงตามราคาน้ำมันแต่ราคาเม็ดพลาสติกยังไม่ลดลงมากนัก ทำให้มาร์จินตรงนี้อยู่
" กำไรของ ปตท.จะมาจากบริษัทในเครือประมาณ 50-60% ที่เหลือเป็นธุรกิจของตนเอง ดังนั้นในปีนี้ปตท.คาดว่าจะมีกำไรใกล้เคียงปีก่อน เพราะการขาดทุนสต็อกน้ำมันมีผลระยะสั้นเป็นแค่ไตรมาสต่อไตรมาสเท่านั้น และการปรับขึ้นราคาเอ็นจีวี ทำให้ลดภาระการขาดทุนลงไป 500 ล้านบาทในปีนี้จากเดิมที่เคยแบกภาระขาดทุนอยู่ 1.8 หมื่นล้านบาท"
นายวิรัตน์ กล่าวด้วยว่า ในเดือนธันวาคมนี้ ปตท.จะเปิดขายหุ้นกู้อีก 1- 1.2 หมื่นล้านบาท อายุ 7 ปี รองรับหุ้นกู้ที่หมดอายุ โดยความจริง ปตท.ไม่จำเป็นต้องเปิดขายหุ้นกู้ เพราะมีเงินสดประมาณ 6-7 หมื่นล้านบาทจากการลงทุนที่ล่าช้าจากผลกระทบการเมือง โดยกลุ่มปตท.มีการออกหุ้นกู้ใหญ่สุดในประเทศ วงเงินรวมทั้งสิ้น 2.8แสนล้านบาท มีผู้ถือหุ้นกู้ถึง 4 หมื่นราย
นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ขณะนี้ปตท.อยู่ระหว่างการปรับแผนการลงทุน 5ปี (2558-2562) คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 3.72 แสนล้านบาทใกล้เคียงงบการลงทุนเดิม โดยจะลงทุนในธุรกิจก๊าซฯเกี่ยวกับ โครงสร้างพื้นฐาน อาทิ การลงทุนท่อก๊าซฯเส้นที่ 4 และ 5 รวมทั้ง คลังแอลเอ็นจี เฟส 2 รองรับการนำเข้าแอลเอ็นจีอีก 5 แสนตัน/ปี รองรับปัญหาก๊าซฯในประเทศลดน้อยลง แม้จะมีการเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบ 21
นอกจากนี้ ปตท.ยังปรับแผนเพิ่มการลงทุนในต่างประเทศ ส่วนการลงทุนโรงกลั่นและปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ที่เวียดนาม 22,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ยังไม่ได้บรรจุไว้ในแผนการลงทุน 5ปีนี้ เนื่องจากต้องใช้เวลาในการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการอย่างละเอียดขั้นสุดท้ายทั้งเรื่องพันธมิตรร่วมทุน การจัดหาแหล่งเงินกู้ รวมทั้งความเห็นชอบจากรัฐบาลเวียดนาม คาดว่าจะมีความชัดเจนในไตรมาส 3/2558
นายวิรัตน์ กล่าวต่อไปว่า ส่วนผลกระทบที่ราคาน้ำมันตลาดโลกลดลงอย่างรวดเร็ว จะส่งผลกระทบต่อปตท.เล็กน้อย เนื่องจากธุรกิจปตท.เป็นการลงทุนแบบห่วงโซ่อุปทานระยะยาว โดยธุรกิจขั้นต้น อาทิ สำรวจและผลิตปิโตรเลียมของบมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (ปตท.สผ.) จะไม่ค่อยดีจากราคาน้ำมันที่ลดลง ส่วนธุรกิจโรงกลั่นเองก็ขาดทุนจากสต็อกน้ำมัน ส่วนธุรกิจโอเลฟินส์พบว่ายังมีมาร์จินดีอยู่ เนื่องจากวัตถุดิบต่ำลงตามราคาน้ำมันแต่ราคาเม็ดพลาสติกยังไม่ลดลงมากนัก ทำให้มาร์จินตรงนี้อยู่
" กำไรของ ปตท.จะมาจากบริษัทในเครือประมาณ 50-60% ที่เหลือเป็นธุรกิจของตนเอง ดังนั้นในปีนี้ปตท.คาดว่าจะมีกำไรใกล้เคียงปีก่อน เพราะการขาดทุนสต็อกน้ำมันมีผลระยะสั้นเป็นแค่ไตรมาสต่อไตรมาสเท่านั้น และการปรับขึ้นราคาเอ็นจีวี ทำให้ลดภาระการขาดทุนลงไป 500 ล้านบาทในปีนี้จากเดิมที่เคยแบกภาระขาดทุนอยู่ 1.8 หมื่นล้านบาท"
นายวิรัตน์ กล่าวด้วยว่า ในเดือนธันวาคมนี้ ปตท.จะเปิดขายหุ้นกู้อีก 1- 1.2 หมื่นล้านบาท อายุ 7 ปี รองรับหุ้นกู้ที่หมดอายุ โดยความจริง ปตท.ไม่จำเป็นต้องเปิดขายหุ้นกู้ เพราะมีเงินสดประมาณ 6-7 หมื่นล้านบาทจากการลงทุนที่ล่าช้าจากผลกระทบการเมือง โดยกลุ่มปตท.มีการออกหุ้นกู้ใหญ่สุดในประเทศ วงเงินรวมทั้งสิ้น 2.8แสนล้านบาท มีผู้ถือหุ้นกู้ถึง 4 หมื่นราย