เมื่อเวลา 15.00 น.วานนี้ (4พ.ย.) ที่ศาลาภิรมย์ภักดี สวนลุมพินี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานเปิดงาน “เมืองสะอาด คนในชาติมีสุข”เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องโอกาสทรงพระเจริญพระชนมพรรษา 87 พรรษา จัดขึ้นโดยความร่วมมือของ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงมหาดไทย โดยมี พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายสุธี มากบุญ รมช.มหาดไทย เข้าร่วมพิธี
นายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งว่า วันนี้ดีใจ และยินดีที่ได้มาร่วมกับประชาชนในการช่วยกันทำแม่น้ำให้สะอาด และคืนความสุขให้คนในชาติ และถวายเป็นราชกุศล เนื่องในโอกาสเฉลิมพระเกียรติพระบาทพระสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 87 พรรษา
ทั้งนี้ปัจจุบันสังคมเมืองมีประชากรอาศัยอย่างหนาแน่น และเพิ่มขึ้นทุกปี ส่งผลให้ปริมาณขยะเพิ่มขึ้นมาก ทำให้เกิดปัญหามลพิษและสิ่งแวดล้อม การแก้ไขปัญหาขยะจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง ทั้งในส่วนภาคราชการ เอกชน ประชาชน ต้องร่วมมือแก้ไขปัญหา ซึ่งรัฐบาลกำหนดให้เป็นวาระแห่งชาติ ที่จะทำอย่างไรให้บ้านเมืองสะอาด และเรื่องการปรับทัศนคติ พฤติกรรม วัฒนธรรมของคน เพื่อไปสู่การขจัดขยะอย่างยั่งยืน และอยากให้ทุกฝ่ายร่วมกันนำพระราชดำรัส เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา มาเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหา ซึ่งรัฐบาลได้นำพระราชดำรัสนี้ และปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มาบริหารราชการแผ่นดิน
ปัจจุบันขยะที่เกิดขึ้นในประเทศ มีประมาณ 7 หมื่นกว่าตัน ทั้งขยะสะสม ขยะมีพิษ ขยะอุตสาหกรรม และขยะในจิตใจ ถ้าไม่แก้ปัญหา เราก็จะเผชิญอันตรายต่อประชาชน คุณภาพชีวิต ซึ่งได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ไปหาวิธีการจัดการขยะมูลฝอยให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งทั้ง 77 จังหวัด ก็ร่วมมือกันทำอย่างพร้อมเพรียงกัน โดยการจัดการขยะมูลฝอย จะใช้หลักการ 3 ประการ คือ ลดทิ้ง ลดใช้ และนำกลับมาใช้ใหม่ ภาครัฐต้องส่งเสริมให้ชุมชนรวมตัว มีส่วนร่วมในการจัดการขยะ มีความรับผิดชอบ และรักใน
ความสะอาด รัฐบาลนี้มุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาโดยความรวดเร็ว และภาครัฐ เอกชน และภาคประชาชนจะต้องร่วมมือ ร่วมใจกัน ตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค.เป็นต้นมา เราขับเคลื่อนทุกอย่างด้วยความตั้งใจ เสียสละในการทำงาน แต่ผลงานที่ปรากฏออกมามีทั้งเร่งด่วน เฉพาะหน้า ส่วนระยะยาวก็ส่งให้กับรัฐบาลชุดต่อไป
"วันนี้เราเร่งทำงานในทุกมิติ และเรื่องขยะเป็นเรื่องสำคัญ ถ้าเราแก้ไขขยะไม่ได้ แก้ไขจิตใจมนุษย์ไม่ได้ ประเทศไม่ต้องไปไหน หยุดอยู่ตรงนี้แล้วถอยหลังไปเรื่อย ๆ ทุกอย่างต้องลดความขัดแย้ง รวมพลังกันให้ได้ ไม่ต่อต้านกันทุกเรื่อง ทุกคนต้องรักษากติกา รักษากฎหมาย ขอให้เกียรติซึ่งกันและกัน ร่วมมือกันทำหน้าที่ หนักนิด เบาหน่อย ก็ให้อภัยกัน อย่าขัดแย้งกันอีกเลย เราทำเพื่อทุกคน ไม่ได้ทำเพื่อใคร ขอเวลาให้พวกเราได้จัดระเบียบ สร้างความสะอาดให้กับสังคม และประเทศไทยซักระยะเวลาหนึ่ง ผมคาดหวังว่า ในอนาคตเรื่องขยะจะมีหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาแก้ไข และนำขยะ มาเป็นพลังไฟฟ้าต่อไป" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ทั้งนี้ระหว่างเดินเยี่ยมชมนิทรรศการในงานดังกล่าว ได้มีประชาชนมาให้กำลังใจตลอดทาง พร้อมขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึก โดยก่อนจะขึ้นรถออกจากบริเวณงาน เพื่อกลับบ้าน นายกฯได้หยุดยืนคุยกัยประชาชนที่มาให้กำลังใจในการบริหารประเทศ ซึ่งนายกฯ กล่าวว่า ผมไม่ท้อๆ เห็นกันอยู่ทุกวัน พวกเราเหนื่อย จากนั้นได้ขึ้นรถ พร้อมกับลดกระจกยกมือไหว้และโบกมือด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
ในช่วงท้าย พล.อ.ประยุทธ์ และคณะ ได้ร่วมลอยกระทงตามแนวคิด "ลอยกระทงรักษ์สิ่งแวดล้อม" ในโอกาสวันลอยกระทง ที่มาถึงในวันที่ 6พ.ย.นี้ ทั้งนี้ระหว่างเดินเยี่ยมชมบู๊ทนิทรรศการในงานดังกล่าว ได้มีประชาชนมาให้กำลังใจตลอดทางพร้อมขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึก โดยก่อนจะขึ้นรถออกจากบริเวณงาน เพื่อกลับบ้าน นายกฯได้หยุดยืนคุยกัยประชาชนที่มาให้กำลังใจในการบริหารประเทศ ซึ่งนายกฯ กล่าวว่า ผมไม่ท้อๆ เห็นกันอยู่ทุกวันพวกเราเหนื่อย จากนั้นได้ขึ้นรถ พร้อมกับลดกระจกยกมือไหว้และโบกมือด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
นายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งว่า วันนี้ดีใจ และยินดีที่ได้มาร่วมกับประชาชนในการช่วยกันทำแม่น้ำให้สะอาด และคืนความสุขให้คนในชาติ และถวายเป็นราชกุศล เนื่องในโอกาสเฉลิมพระเกียรติพระบาทพระสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 87 พรรษา
ทั้งนี้ปัจจุบันสังคมเมืองมีประชากรอาศัยอย่างหนาแน่น และเพิ่มขึ้นทุกปี ส่งผลให้ปริมาณขยะเพิ่มขึ้นมาก ทำให้เกิดปัญหามลพิษและสิ่งแวดล้อม การแก้ไขปัญหาขยะจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง ทั้งในส่วนภาคราชการ เอกชน ประชาชน ต้องร่วมมือแก้ไขปัญหา ซึ่งรัฐบาลกำหนดให้เป็นวาระแห่งชาติ ที่จะทำอย่างไรให้บ้านเมืองสะอาด และเรื่องการปรับทัศนคติ พฤติกรรม วัฒนธรรมของคน เพื่อไปสู่การขจัดขยะอย่างยั่งยืน และอยากให้ทุกฝ่ายร่วมกันนำพระราชดำรัส เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา มาเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหา ซึ่งรัฐบาลได้นำพระราชดำรัสนี้ และปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มาบริหารราชการแผ่นดิน
ปัจจุบันขยะที่เกิดขึ้นในประเทศ มีประมาณ 7 หมื่นกว่าตัน ทั้งขยะสะสม ขยะมีพิษ ขยะอุตสาหกรรม และขยะในจิตใจ ถ้าไม่แก้ปัญหา เราก็จะเผชิญอันตรายต่อประชาชน คุณภาพชีวิต ซึ่งได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ไปหาวิธีการจัดการขยะมูลฝอยให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งทั้ง 77 จังหวัด ก็ร่วมมือกันทำอย่างพร้อมเพรียงกัน โดยการจัดการขยะมูลฝอย จะใช้หลักการ 3 ประการ คือ ลดทิ้ง ลดใช้ และนำกลับมาใช้ใหม่ ภาครัฐต้องส่งเสริมให้ชุมชนรวมตัว มีส่วนร่วมในการจัดการขยะ มีความรับผิดชอบ และรักใน
ความสะอาด รัฐบาลนี้มุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาโดยความรวดเร็ว และภาครัฐ เอกชน และภาคประชาชนจะต้องร่วมมือ ร่วมใจกัน ตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค.เป็นต้นมา เราขับเคลื่อนทุกอย่างด้วยความตั้งใจ เสียสละในการทำงาน แต่ผลงานที่ปรากฏออกมามีทั้งเร่งด่วน เฉพาะหน้า ส่วนระยะยาวก็ส่งให้กับรัฐบาลชุดต่อไป
"วันนี้เราเร่งทำงานในทุกมิติ และเรื่องขยะเป็นเรื่องสำคัญ ถ้าเราแก้ไขขยะไม่ได้ แก้ไขจิตใจมนุษย์ไม่ได้ ประเทศไม่ต้องไปไหน หยุดอยู่ตรงนี้แล้วถอยหลังไปเรื่อย ๆ ทุกอย่างต้องลดความขัดแย้ง รวมพลังกันให้ได้ ไม่ต่อต้านกันทุกเรื่อง ทุกคนต้องรักษากติกา รักษากฎหมาย ขอให้เกียรติซึ่งกันและกัน ร่วมมือกันทำหน้าที่ หนักนิด เบาหน่อย ก็ให้อภัยกัน อย่าขัดแย้งกันอีกเลย เราทำเพื่อทุกคน ไม่ได้ทำเพื่อใคร ขอเวลาให้พวกเราได้จัดระเบียบ สร้างความสะอาดให้กับสังคม และประเทศไทยซักระยะเวลาหนึ่ง ผมคาดหวังว่า ในอนาคตเรื่องขยะจะมีหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาแก้ไข และนำขยะ มาเป็นพลังไฟฟ้าต่อไป" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ทั้งนี้ระหว่างเดินเยี่ยมชมนิทรรศการในงานดังกล่าว ได้มีประชาชนมาให้กำลังใจตลอดทาง พร้อมขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึก โดยก่อนจะขึ้นรถออกจากบริเวณงาน เพื่อกลับบ้าน นายกฯได้หยุดยืนคุยกัยประชาชนที่มาให้กำลังใจในการบริหารประเทศ ซึ่งนายกฯ กล่าวว่า ผมไม่ท้อๆ เห็นกันอยู่ทุกวัน พวกเราเหนื่อย จากนั้นได้ขึ้นรถ พร้อมกับลดกระจกยกมือไหว้และโบกมือด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
ในช่วงท้าย พล.อ.ประยุทธ์ และคณะ ได้ร่วมลอยกระทงตามแนวคิด "ลอยกระทงรักษ์สิ่งแวดล้อม" ในโอกาสวันลอยกระทง ที่มาถึงในวันที่ 6พ.ย.นี้ ทั้งนี้ระหว่างเดินเยี่ยมชมบู๊ทนิทรรศการในงานดังกล่าว ได้มีประชาชนมาให้กำลังใจตลอดทางพร้อมขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึก โดยก่อนจะขึ้นรถออกจากบริเวณงาน เพื่อกลับบ้าน นายกฯได้หยุดยืนคุยกัยประชาชนที่มาให้กำลังใจในการบริหารประเทศ ซึ่งนายกฯ กล่าวว่า ผมไม่ท้อๆ เห็นกันอยู่ทุกวันพวกเราเหนื่อย จากนั้นได้ขึ้นรถ พร้อมกับลดกระจกยกมือไหว้และโบกมือด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม