นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวกรณี การพิจารณาถอดถอน นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา และนายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธาน วุฒิสภา จากกรณีแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องที่มาของส.ว. ตามที่ป.ป.ช.ส่งสำนวนมาให้ว่า จะมีการนัดประชุมในวันที่ 6 พ.ย. เนื่องจากสนช. ยังคงสงสัยในฐานความผิดของสำนวนถอดถอนที่ยังไม่แน่ชัด เพราะฐานความผิดนั้นเป็นความผิดตามรัฐธรรมนูญ 2550 ที่ยกเลิกไปแล้ว ทางวิปสนช. จึงมีมติให้นำเข้าสู่การประชุมสนช.ในวันที่ 6 พ.ย. เพื่อพิจารณาว่า เรื่องดังกล่าวอยู่ในอำนาจ สนช. หรือไม่
เมื่อถามว่า กรณีการถอดถอน นายนิคม และนายสมศักดิ์ ต่างจากกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จากโครงการรับจำนำข้าวอย่างไร นายพรเพชร กล่าวว่า กรณีของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ตนตรวจสอบแล้วเห็นว่า คำร้อง ข้อกล่าวหา ฐานความผิดนั้นครบถ้วน แม้จะอ้างรัฐธรรมนูญ 2550 ที่ถูกยกเลิกไป แต่ก็ยังมีฐานความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ที่ยังบังคับใช้อยู่ ซึ่งตนดำเนินการไปตามข้อบังคับ
แต่กรณีนายนิคม และนายสมศักดิ์ นั้นยังไม่ชัดว่า สามารถดำเนินการตามข้อบังคับได้หรือไม่ จึงต้องขอความเห็นจากที่ประชุมในวันที่ 6 พ.ย. ทั้งนี้ยืนยันว่า ไม่มีประเด็นใดต้องส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย และการทำงานของสนช. ก็ไม่ได้ยืดเยื้อ
ด้านนายสมชาย แสวงการ สมาชิก สนช. กล่าวถึงการพิจารณาสำนวนถอดถอน นายนิคม และนายสมศักดิ์ ในวันที่ 6 พ.ย.นี้ ว่า น่าจะได้ข้อสรุปว่า จะรับเรื่องไว้ดำเนินการหรือไม่ และหากรับไว้ดำเนินการ จะถอดถอนได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับเสียงของ สนช. เพราะจะต้องได้คะแนน 132 เสียง หรือ สามในห้า ของจำนวนสมาชิก สนช. ที่มีอยู่ 220 คน จึงจะสามารถถอดถอนได้
เมื่อถามว่า กรณีการถอดถอน นายนิคม และนายสมศักดิ์ ต่างจากกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จากโครงการรับจำนำข้าวอย่างไร นายพรเพชร กล่าวว่า กรณีของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ตนตรวจสอบแล้วเห็นว่า คำร้อง ข้อกล่าวหา ฐานความผิดนั้นครบถ้วน แม้จะอ้างรัฐธรรมนูญ 2550 ที่ถูกยกเลิกไป แต่ก็ยังมีฐานความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ที่ยังบังคับใช้อยู่ ซึ่งตนดำเนินการไปตามข้อบังคับ
แต่กรณีนายนิคม และนายสมศักดิ์ นั้นยังไม่ชัดว่า สามารถดำเนินการตามข้อบังคับได้หรือไม่ จึงต้องขอความเห็นจากที่ประชุมในวันที่ 6 พ.ย. ทั้งนี้ยืนยันว่า ไม่มีประเด็นใดต้องส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย และการทำงานของสนช. ก็ไม่ได้ยืดเยื้อ
ด้านนายสมชาย แสวงการ สมาชิก สนช. กล่าวถึงการพิจารณาสำนวนถอดถอน นายนิคม และนายสมศักดิ์ ในวันที่ 6 พ.ย.นี้ ว่า น่าจะได้ข้อสรุปว่า จะรับเรื่องไว้ดำเนินการหรือไม่ และหากรับไว้ดำเนินการ จะถอดถอนได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับเสียงของ สนช. เพราะจะต้องได้คะแนน 132 เสียง หรือ สามในห้า ของจำนวนสมาชิก สนช. ที่มีอยู่ 220 คน จึงจะสามารถถอดถอนได้