ASTVผู้จัดการรายวัน- มหกรรมงานสัปดาห์หนังสือประสบความสำเร็จเกินคาด นักอ่านกว่า2.8 ล้านคน ตบเท้าเข้าร่วมงาน เพิ่มขึ้น6.46 % รายได้สะพัดราว 700ล้านบาท พบหนังสือจากโลกออนไลน์ ท่องเที่ยว พัฒนาตัวเองและหนังสือสำหรับเด็กเล็กมาแรง นายกผู้จัดพิมพ์ฯเสนอโครงการคูปองปัญญาแก่รัฐบาล กระจายการอ่านสู่ทุกครอบครัว พร้อมจัดงบการอ่านเป็นงบประมาณประจำปีแต่ละจังหวัด และรณรงค์มอบหนังสือเป็นของขวัญช่วงปีใหม่ หวังกระตุ้นอุตสาหกรรมหนังสือ
นายจรัญ หอมเทียนทอง นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT) เปิดเผยถึงผลสรุปรวมของงานมหกรรมหนังสือระดับชาติครั้งที่ 19ซึ่งจัดขึ้นตั้งแต่วันที่15-26 ตุลาคม ที่ผ่านมา ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ว่า งานมหกรรมหนังสือฯครั้งนี้ประสบความสำเร็จเกินความคาดหมายทั้งในแง่ของผู้ร่วมงานและยอดขายโดยรวมของสำนักพิมพ์ต่างๆ โดยส่วนใหญ่ผู้เข้าชมงานจะเป็นเด็กและเยาวชน รองลงมาคือวัยทำงาน แม้ว่ายอดซื้อหนังสือต่อคนจะลดลงบ้างก็ตาม
โดยพบว่าจากที่เคยซื้อกันคนละประมาณ 5-10 เล่ม เหลือประมาณคนละ 3-6 เล่ม เพราะมีการไตร่ตรองมากขึ้น และจะซื้อเฉพาะเล่มที่ตัวเองต้องการจริงๆ แต่ในภาพรวมแล้วถือว่าประสบความสำเร็จเกินความคาดหมาย เพราะมีนักอ่านถึง2.8 ล้านคนเข้าร่วมงาน โดยเฉพาะในวันหยุดนักขัตฤกษ์และวันเสาร์อาทิตย์ ที่มีผู้ร่วมงานราว 3.5
แสนคนต่อวัน เมื่อเทียบกับมหกรรมหนังสือครั้งที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นถึง 6.46 % โดยตลอดการจัดงานมีเม็ดเงินสะพัดกว่า 700 ล้านบาท
ทั้งนี้พบด้วยว่า หนังสือที่มาแรงในครั้งนี้ คือหนังสือที่นักเขียนต่อยอดผลงานของตัวเองจากโลกออนไลน์ เช่น เว็บไซต์ บล็อก แฟนเพจ เป็นต้น ซึ่งมีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับความรู้ ความคิดในแง่ต่างๆ โดยไม่ได้เป็นเพียงแนวนิยายออนไลน์อีกต่อไป คาดว่าอาจเพราะนักเขียนมีฐานของแฟนคลับจึงทำให้ยอดขายหนังสือแนวนี้ไปได้ดี และการันตียอดขายได้ในระดับหนึ่ง รวมถึงหนังสือแนวท่องเที่ยวต่างประเทศ แนวพัฒนาตัวเอง ทั้งในด้านของการเพิ่มพูนความสามารถและวิธีสร้างรายได้เพิ่มเติม ที่วัยรุ่นและวัยทำงานให้ความสนใจอย่างสูง อย่างไรก็ตามยอดรวมรายได้ทั้งปีของอุตสาหกรรมหนังสือคงจะยังอยู่ในระดับ25,000 ล้านบาทเช่นเดิม เพราะมหกรรมหนังสือฯเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น
นายจรัญ กล่าวด้วยว่า ตนขอเสนอรัฐบาลให้ทำโครงการ "คูปองปัญญา" แจกคูปองให้ประชาชนคนละ200 บาท เพื่อซื้อหนังสือที่ไหนก็ได้ เพราะมีคนไทยอีกมากที่อยากอ่านหนังสือ แต่ไม่สามารถซื้อได้
รวมถึงจัดงบการอ่านเป็นหนึ่งในงบประมาณรายจ่ายประจำปีในแต่ละจังหวัด เพื่อให้ได้ทำกิจกรรมด้านการอ่าน เช่นเดียวกับงบด้านวัฒนธรรม กีฬา และยาเสพติด และรณรงค์ให้มอบหนังสือเป็นของขวัญในเทศกาลปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง เชื่อว่าจะเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้อุตสาหกรรมหนังสือเติบโตขึ้นได้
นายจรัญ หอมเทียนทอง นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT) เปิดเผยถึงผลสรุปรวมของงานมหกรรมหนังสือระดับชาติครั้งที่ 19ซึ่งจัดขึ้นตั้งแต่วันที่15-26 ตุลาคม ที่ผ่านมา ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ว่า งานมหกรรมหนังสือฯครั้งนี้ประสบความสำเร็จเกินความคาดหมายทั้งในแง่ของผู้ร่วมงานและยอดขายโดยรวมของสำนักพิมพ์ต่างๆ โดยส่วนใหญ่ผู้เข้าชมงานจะเป็นเด็กและเยาวชน รองลงมาคือวัยทำงาน แม้ว่ายอดซื้อหนังสือต่อคนจะลดลงบ้างก็ตาม
โดยพบว่าจากที่เคยซื้อกันคนละประมาณ 5-10 เล่ม เหลือประมาณคนละ 3-6 เล่ม เพราะมีการไตร่ตรองมากขึ้น และจะซื้อเฉพาะเล่มที่ตัวเองต้องการจริงๆ แต่ในภาพรวมแล้วถือว่าประสบความสำเร็จเกินความคาดหมาย เพราะมีนักอ่านถึง2.8 ล้านคนเข้าร่วมงาน โดยเฉพาะในวันหยุดนักขัตฤกษ์และวันเสาร์อาทิตย์ ที่มีผู้ร่วมงานราว 3.5
แสนคนต่อวัน เมื่อเทียบกับมหกรรมหนังสือครั้งที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นถึง 6.46 % โดยตลอดการจัดงานมีเม็ดเงินสะพัดกว่า 700 ล้านบาท
ทั้งนี้พบด้วยว่า หนังสือที่มาแรงในครั้งนี้ คือหนังสือที่นักเขียนต่อยอดผลงานของตัวเองจากโลกออนไลน์ เช่น เว็บไซต์ บล็อก แฟนเพจ เป็นต้น ซึ่งมีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับความรู้ ความคิดในแง่ต่างๆ โดยไม่ได้เป็นเพียงแนวนิยายออนไลน์อีกต่อไป คาดว่าอาจเพราะนักเขียนมีฐานของแฟนคลับจึงทำให้ยอดขายหนังสือแนวนี้ไปได้ดี และการันตียอดขายได้ในระดับหนึ่ง รวมถึงหนังสือแนวท่องเที่ยวต่างประเทศ แนวพัฒนาตัวเอง ทั้งในด้านของการเพิ่มพูนความสามารถและวิธีสร้างรายได้เพิ่มเติม ที่วัยรุ่นและวัยทำงานให้ความสนใจอย่างสูง อย่างไรก็ตามยอดรวมรายได้ทั้งปีของอุตสาหกรรมหนังสือคงจะยังอยู่ในระดับ25,000 ล้านบาทเช่นเดิม เพราะมหกรรมหนังสือฯเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น
นายจรัญ กล่าวด้วยว่า ตนขอเสนอรัฐบาลให้ทำโครงการ "คูปองปัญญา" แจกคูปองให้ประชาชนคนละ200 บาท เพื่อซื้อหนังสือที่ไหนก็ได้ เพราะมีคนไทยอีกมากที่อยากอ่านหนังสือ แต่ไม่สามารถซื้อได้
รวมถึงจัดงบการอ่านเป็นหนึ่งในงบประมาณรายจ่ายประจำปีในแต่ละจังหวัด เพื่อให้ได้ทำกิจกรรมด้านการอ่าน เช่นเดียวกับงบด้านวัฒนธรรม กีฬา และยาเสพติด และรณรงค์ให้มอบหนังสือเป็นของขวัญในเทศกาลปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง เชื่อว่าจะเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้อุตสาหกรรมหนังสือเติบโตขึ้นได้