xs
xsm
sm
md
lg

เสนอรัฐแจก “คูปองปัญญา” กระตุ้นตลาดหนังสือทรงตัว 2.5 หมื่นล้านบาท

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“จรัญ หอมเทียนทอง” นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT)
มหกรรมหนังสือระดับชาติครั้งที่ 19 สำเร็จเกินคาด ผู้ร่วมงานทะลัก 2.8 ล้านคนส่งผลยอดขายสะพัดกว่า 700 ล้านบาท พบเทรนด์หนังสือใหม่ต่อยอดความรู้และแง่คิดจากโลกออนไลน์ นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือฯ ปลื้มเด็กและเยาวชนร่วมงานมากขึ้น เสนอรัฐแจก “คูปองปัญญา” ซื้อหนังสือที่ไหนก็ได้มูลค่า 200 บาท พร้อมรณรงค์ให้มอบหนังสือเป็นของขวัญปีใหม่

นายจรัญ หอมเทียนทอง นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT) เปิดเผยถึงผลสรุปรวมการจัดงาน “มหกรรมหนังสือระดับชาติครั้งที่ 19” ซึ่งจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 15-26 ต.ค.ที่ผ่านมา ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ว่า ประสบความสำเร็จเกินความคาดหมายทั้งในแง่ของผู้ร่วมงานส่วนใหญ่ซึ่งเป็นเด็กและเยาวชน รองลงมาคือวัยทำงาน รวมแล้วประมาณ 2.8 ล้านคน เมื่อเทียบกับมหกรรมหนังสือครั้งที่ผ่านมาถือว่าเพิ่มขึ้นถึง 6.46% โดยเฉพาะในวันหยุดนักขัตฤกษ์และวันเสาร์-อาทิตย์ที่มีผู้ร่วมงานราว 3.5 แสนคนต่อวัน ในขณะที่ยอดขายโดยรวมของสำนักพิมพ์ต่างๆ คาดว่ามีประมาณ 700 ล้านบาท

สำหรับพฤติกรรมการซื้อหนังสือต่อคนถือว่าลดลงเล็กน้อยจากที่เคยซื้อคนละประมาณ 5-10 เล่ม เหลือประมาณ 3-6 เล่ม เนื่องจากมีการไตร่ตรองมากขึ้นและจะซื้อเฉพาะเล่มที่ตัวเองต้องการจริงๆ โดยเทรนด์หนังสือที่มาแรงในครั้งนี้คือหนังสือที่นักเขียนต่อยอดผลงานของตัวเองจากโลกออนไลน์ อาทิ เว็บไซต์ บล็อก และแฟนเพจซึ่งมีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับความรู้และความคิดในแง่ต่างๆ ที่ไม่ได้เป็นเพียงแนวนิยายออนไลน์อีกต่อไป โดยพบว่ามีหนังสือหลายเล่มต้อพิมพ์ซ้ำเพิ่มเติมระหว่างการจัดงานซึ่งอาจเป็นเพราะนักเขียนมีฐานของแฟนคลับจึงทำให้ยอดขายหนังสือแนวนี้ไปได้ดีและสามารถการันตียอดขายได้ในระดับหนึ่ง

“ในขณะที่หนังสือแนวท่องเที่ยวต่างประเทศ รวมถึงหนังสือแนวพัฒนาตัวเองทั้งในด้านของการเพิ่มพูนความสามารถและวิธีสร้างรายได้เพิ่มเติมก็เป็นอีกประเภทที่วัยรุ่นและวัยทำงานให้ความสนใจอย่างสูง แต่ที่น่าสนใจคือ หนังสือสำหรับเด็กและเยาวชนในช่วงปฐมวัยได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งนับเป็นนิมิตหมายอันดี เพราะแสดงว่าผู้ปกครองให้ความสำคัญกับการปลูกฝังการอ่านแก่เด็กไทยตั้งแต่ยังเยาว์วัยมากขึ้น”

นายจรัญ กล่าวอีกว่า สำหรับยอดรวมรายได้ของอุตสาหกรรมหนังสือในปี 2557 คาดว่าจะยังคงอยู่ในระดับ 2.5 หมื่นล้านบาทเช่นเดิม แต่จากความสำเร็จในการจัดงานครั้งนี้น่าจะช่วยกระตุ้นภาพรวมของอุตสาหกรรมหนังสือได้ในระดับหนึ่ง ตนจึงขอเสนอรัฐบาลให้จัดทำโครงการ “คูปองปัญญา” แจกคูปองให้ประชาชนคนละ 200 บาท เพื่อซื้อหนังสือที่ไหนก็ได้ เพราะปัจจุบันยังมีคนไทยอีกมากที่อยากอ่านหนังสือ แต่ไม่สามารถซื้อได้ รวมถึงจัดงบการอ่านเป็นหนึ่งในงบประมาณรายจ่ายประจำปีในแต่ละจังหวัดเพื่อให้ได้ทำกิจกรรมด้านการอ่าน เช่นเดียวกับงบประมาณด้านวัฒนธรรม กีฬา และยาเสพติด ตลอดจนรณรงค์ให้มีการมอบหนังสือเป็นของขวัญในเทศกาลปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง

“ผมอยากให้รัฐบาลช่วยรณรงค์ให้ทุกภาคส่วนร่วมมอบหนังสือเป็นของขวัญ เพราะหนังสือถือเป็นของขวัญที่ดีที่สุดและไม่ได้มอบเพียงแค่ความบันเทิงเท่านั้น แต่ยังมอบปัญญาและความสุขให้แก่กันด้วย ถ้าหากรัฐบาลทำได้ย่อมถือเป็นการมอบของขวัญให้กับสังคมไทยด้วย ในขณะที่การลงทุนด้วยหนังสือยังถือเป็นการลงทุนที่ถูกมากเมื่อเทียบกับการลงทุนอย่างอื่น เพราะรัฐมีหน้าที่สร้างคนให้เป็นคนคุณภาพ” นายจรัญ กล่าว

นายจรัญยังเผยอีกว่า ปัจจุบันสมาคมผู้จัดพิมพ์ฯได้พยายามกระจายการอ่านไปสู่ภูมิภาคด้วยงานหนังสือในจังหวัดต่างๆทั่วประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาประสบความสำเร็จในทุกจังหวัด โดยโครงการล่าสุดคืองานเทศกาลหนังสืออุดรธานีครั้งที่ 1 ซึ่งจะจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 7-16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 ณ อุดรธานีฮอลล์ เซ็นทรัลพลาซ่า จ.อุดรธานี ทุกความสำเร็จชี้ชัดว่า ไม่ใช่คนไทยไม่อ่านหนังสือ เพียงแต่ไม่มีโอกาสเข้าถึงหนังสือที่อยากอ่านจริงๆ ซึ่งสมาคมฯพยายามร่วมสร้างวัฒนธรรมการอ่านในทุกทางในหลายโครงการ อาทิ “โครงการ๑ อ่าน ล้านตื่น” , “การจัดทำมาตรฐานอาชีพและคุณวุฒิวิชาชีพ สาขาอาชีพธุรกิจหนังสือและสิ่งพิมพ์” แต่ส่วนที่จะสามารถทำให้วัฒนธรรมการอ่านเกิดขึ้นได้จริงๆนั้น จะต้องมาจากภาครัฐเป็นสำคัญ


กำลังโหลดความคิดเห็น