ดิฉันมีโอกาสได้คุยกับ อ.ดอน สแตนลีย์ (Don Stanley) นักกลยุทธ์ดิจิตัลมีเดีย สอน Contemporary Communication Technologies and Their Social, คณะLife Sciences Communication, มหาวิทยาลัยวิสคอนซิน-เมดิสัน เขาจะนัดบุคคลที่น่าสนใจในโลกมีเดียมาสไกป์ ให้นักศึกษาฟัง โดยระยะทางไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป ทั้งเป็นการถ่ายทอดความรู้และเปิดโอกาสการทำงานให้นักศึกษาด้วย
อ.ดอนมองว่าอาวุธที่ทรงพลังที่สุดของมวลมนุษย์ คือ การสื่อสารที่ทำให้เกิดการขับเคลื่อนทางสังคมได้ เช่น การชุมนุมในฮ่องกงล่าสุด, อาหรับสปริงส์ แม้แต่กลุ่ม ISIS ที่ใช้โซเชียลมีเดียในการหาอาสาสมัครเข้าในกลุ่ม เป็นต้น การสื่อสารข้ามพรมแดนที่ง่ายในเสี้ยววินาทีทำให้ชีวิตคนชั่ว (ผู้นำ,นักการเมืองเลว) ยากขึ้น
เขาเชื่อว่ามนุษย์เรามีความเหมือนกัน (Similar) ไม่ว่าจะอยู่มุมไหนของโลกถ้าเรารู้ว่าเราเหมือนกันมากเพียงไรโลกนี้ก็จะยิ่งน่าอยู่มากขึ้น โดยเทคโนโลยีและมีเดียเป็นเครื่องมือสำคัญที่เชื่อมต่อการสื่อสารระหว่าง มนุษย์ง่ายขึ้น ใกล้ขึ้น เร็วขึ้น ไร้ขีดจำกัด แต่มีเดียเหล่านี้นั้นถูกควบคุมโดยกลุ่มคนที่มีเงินและมีอำนาจ เช่น พวกนักการเมือง หรือ มหาเศรษฐี
เช่น เขาพูดถึง Net Neutrality หมายถึง การเท่าเทียมทางอินเทอร์เน็ต ซึ่งกำลังมีความพยายามจากกลุ่มบริษัทเทคโนโลยี ผลักดันให้เกิดการจัดแบ่งชั้นการ เข้าถึงข้อมูล (เหมือนกับถนน -เลนเร็ว&เลนช้า) เลนเร็วสำหรับใครมีทุนหนาข้อมูลของตัวเองไปถึงผู้ใช้อินเทอร์เน็ตมากกว่า เลนช้าสำหรับคนที่เหลือ ขณะที่อินเทอร์เน็ตมีความสำคัญเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ต่อชีวิตมนุษย์ จึงถูกมองว่าอินเทอร์เน็ตควรเหมือนสาธารณูปโภคอื่นเช่น น้ำประปา ไฟฟ้า โทรศัพท์ที่ทุกคนมีสิทธิเข้าถึงอย่างเท่าเทียม แนวคิด Net Neutrality มีบริษัทเทคฯ เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย
กลับมา เรื่องการสื่อสาร ถามว่าโลกนี้ถ้าไม่มีสตีฟ จ็อบส์ หรือ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก จะมาไกลขนาดนี้หรือไม่ อ.ดอนเชื่อว่าถึงไม่มี คนเหล่านี้ ก็จะต้องมีใครสักคนที่หาทางทำให้มนุษย์เราเชื่อมต่อกันได้อยู่ดี เช่น การคิดค้นโทรศัพท์ วิทยุ โทรทัศน์ ก็มีพัฒนาการมาเรื่อยๆ สิ่งสำคัญที่ต้องไม่ลืม คือ คอนเซ็ปต์ของการมีอุปกรณ์ หรือโซเชียลมีเดียเหล่านี้ นั่นก็คือการเชื่อมต่อถึงกัน
เรื่องนี้ สำหรับประเทศไทย บางคนก็เข้าใจง่ายมาก บางคนก็อาจงงมาก ซึ่งไม่แปลกเพราะดิฉันเองก็ขั้นประถมหากจะเทียบกับคนอเมริกัน มีหลายเหตุผลทั้งวัย เจเนอเรชั่น สังคม วัฒนธรรม การเข้าถึงอินเทอร์เน็ต แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่านี่คือเป็นแนวโน้มหลักของโลก ง่ายๆ ว่า ถ้าเป็น10-20 ปีที่แล้ว คงนั่งปวดหัวอยู่ว่าจะทำอย่างไรดีถึงจะส่งต่อข้อมูลที่เรียนรู้มาให้คน อื่นๆ ได้รู้บ้าง แต่วันนี้ ก็แค่เขียนและโพสลงในเฟสบุ๊กเท่านั้น
โลกเราหมุนเร็วขนาดไหนไม่ใช่รอบละ 365 วันอีกต่อไปแล้วนะคะ