ASTV ผู้จัดการรายวัน - ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เดินหน้าหาข้อสรุปมาตรการดูแลความเคลื่อนไหวราคาหุ้นร่วมกับสมาคมโบกรเกอร์ “เกศรา” ระบุต้องทำประชาพิจารณ์ก่อนเสนอ ก.ล.ต. ด้านสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทยเผยบจ.มีเกณฑ์การกำกับดูแลกิจการที่ดีขึ้น ในส่วนของโปรกเกอร์มั่นใจแรงซื้อหุ้นขนาดใหญ่จะหนุนดัชนีสิ้นปี 2557 แตะ 1,700 จุดแน่นอน
นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท. เปิดเผยความคืบหน้าเกี่ยวกับ มาตรการดูแลความเคลื่อนไหวราคาหุ้น ว่า อาจมีการปรับเปลี่ยนมาตรการดูแลราคาหุ้นที่มีการเก็งกำไรสูง 2 มาตรการที่ใช้อยู่ในปัจจุบันเพื่อนำไปสู่ “มาตรการดูแลความเคลื่อนไหวราคาหุ้น” ฉบับที่ครอบคลุมและทันสมัยยิ่งขึ้น ทั้งนี้หากได้ข้อสรุปเกี่ยวกับตัวมาตราการฯ ขั้นตอนต่อไปคือการทำประชาพิจารณ์กับบริษัทสมาชิก หรือ โบรกเกอร์ ก่อนที่จะนำเสนอต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. เป็นลำดับต่อไป
"ปัจจุบันมาตรการดูแลราคาหุ้นที่มีการเก็งกำไรสูงจะมี 2 เรื่อง คือ 1.มาตรการดูแลการให้ข้อมูลของบริษัทจดทะเบียนคือการที่ตลาดฯให้ชี้แจง Trading Alert List สอบถามไปและรอให้บริษัทตอบมา 2.มาตรการดูแลการซื้อขายคือการขึ้น Turnover list และประกาศใช้เกณฑ์ Cash Balance ซึ่งต้องดูว่าอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงที่เป็นนัยสำคัญหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาอาจไม่กระจ่างและไม่สามารถทำให้ผู้ลงทุนได้รับข้อมูลที่ครบถ้วน ขณะนี้อยู่ระหว่างหารือทั้งในแง่การให้ข้อมูลบจ. การซื้อขาย ซึ่งได้หารือกับทางสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ตลอดเวลาจะพยายามให้ทันปีนี้ ซึ่งก็อาจจะปรับมาตรการทั้ง 2 ส่วน ดูว่าอันไหนที่จะทำให้ผู้ลงทุนได้ประโยชน์มากขึ้น ถ้าได้ข้อสรุปจะทำ Public Hearing กับสมาชิกก่อนเสนอก.ล.ต.ต่อไป" นางเกศรา กล่าว
ด้านนายบัณฑิต นิจถาวร กรรมการผู้อำนวยการ สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย กล่าวถึงกรณีที่ราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้นมากในช่วงนี้ ว่า ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยยังมีการควบคุมดูแล บจ.ไทยอย่างต่อเนื่องและใกล้ชิด ซึ่งมาตรการก็น่าจะเพียงพอ เพราะลักษณะการลงทุนไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมาก
พร้อมกันนี้ได้เปิดเผยถึงผลสำรวจการกำกับดูแลกิจการของบริษัทจดทะเบียนไทย หรือ บจ. ปี 2557 ว่า จากการสำรวจบจ.ทั้งหมด 550 บริษัท มีคะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ 72% ซึ่งตามเกณฑ์แล้ว ถือว่า อยู่ในระดับดี แม้ว่าจะมีคะแนนเฉลี่ยลดลงจาก 78% เมื่อปี 2556 เนื่องจาก ณ ขณะนั้นมีบจ.ทั้งสิ้น 526 บริษัทเท่านั้น
นอกจากนี้ใน 2557 นี้มีการปรับหลักเกณฑ์ที่มีรายละเอียดมากขึ้นเป็น 237 ข้อ จากเดิมมี 148 ข้อ และมีการปรับวิธีการคำนวณคะแนนใหม่ อย่างไรก็ดี ปีนี้บริษัทจดทะเบียนไทยที่มีคะแนนต่ำสุด ก็มีการปรับตัวดีขึ้น
ขณะที่นายเกรียงไกร ทำนุทัศน์ นักวิเคราะห์กลยุทธ์อาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) ระบุฝ่ายวิจัยฯ ยังคงประเมินดัชนี ณ สิ้นปีที่ 1,700-1,760 จุด โดยคาดปัจจัยหลักที่จะผลักดันคือแรงซื้อของนักลงทุนต่างประเทศ ที่นิยมเข้าซื้อหุ้นขนาดใหญ่ใน SET 50
“เม็ดเงินต่างชาติจะกลับมาเป็นปัจจัยหลักที่ผลักดันตลาดหุ้นไทย ช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ประเมินว่าจะเห็นหุ้นในกลุ่ม Big cap เริ่มเป็นตัวสนับสนุนตลาดแทน ในขณะที่ปัจจัยต่างประเทศคาดว่าจะมีการออกนโยบายอัดฉีดสภาพคล่องเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในกลุ่มประเทศยุโรป หลังจากเห็นการขยายตัวทางเศรษฐกิจมีแนวโน้มอ่อนแอกว่าที่คาดและการใช้นโยบายการเงินด้านอัตราดอกเบี้ยไม่เพียงพอต่อการฟื้นตัว คาดว่าส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นไทยช่วงไตรมาส4/57ต่อเนื่องไปจนถึงปี 2558” นายเกรียงไกร กล่าว
โดยประเมินว่าอุตสาหกรรม 4 กลุ่มที่คาดว่าจะฟื้นตัวในปี 2558 ได้ดี ได้แก่ อสังหาฯ, ท่องเที่ยว, ยานยนต์ และสินเชื่อการบริโภค มีเพียงเฉพาะกลุ่มบันเทิงที่คาดว่าการฟื้นตัวได้น้อย เนื่องจากผลของการเปลี่ยนแปลง TV Digital (สื่อ Outdoor, โรงภาพยนต์ยังขยายตัวได้ดี) สำหรับหุ้น Top Pick ในไตรมาส4/57 ได้แก่ CKP, SF, TPIPL พร้อมมองว่า หุ้น Big cap ที่เป็นเป้าหมายในการผลักดัน SET ไป 1,700 จุดได้แก่ PTT, SCC, BCP, MINT, KTB, AOT, ADVANC, INTUCH
นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท. เปิดเผยความคืบหน้าเกี่ยวกับ มาตรการดูแลความเคลื่อนไหวราคาหุ้น ว่า อาจมีการปรับเปลี่ยนมาตรการดูแลราคาหุ้นที่มีการเก็งกำไรสูง 2 มาตรการที่ใช้อยู่ในปัจจุบันเพื่อนำไปสู่ “มาตรการดูแลความเคลื่อนไหวราคาหุ้น” ฉบับที่ครอบคลุมและทันสมัยยิ่งขึ้น ทั้งนี้หากได้ข้อสรุปเกี่ยวกับตัวมาตราการฯ ขั้นตอนต่อไปคือการทำประชาพิจารณ์กับบริษัทสมาชิก หรือ โบรกเกอร์ ก่อนที่จะนำเสนอต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. เป็นลำดับต่อไป
"ปัจจุบันมาตรการดูแลราคาหุ้นที่มีการเก็งกำไรสูงจะมี 2 เรื่อง คือ 1.มาตรการดูแลการให้ข้อมูลของบริษัทจดทะเบียนคือการที่ตลาดฯให้ชี้แจง Trading Alert List สอบถามไปและรอให้บริษัทตอบมา 2.มาตรการดูแลการซื้อขายคือการขึ้น Turnover list และประกาศใช้เกณฑ์ Cash Balance ซึ่งต้องดูว่าอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงที่เป็นนัยสำคัญหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาอาจไม่กระจ่างและไม่สามารถทำให้ผู้ลงทุนได้รับข้อมูลที่ครบถ้วน ขณะนี้อยู่ระหว่างหารือทั้งในแง่การให้ข้อมูลบจ. การซื้อขาย ซึ่งได้หารือกับทางสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ตลอดเวลาจะพยายามให้ทันปีนี้ ซึ่งก็อาจจะปรับมาตรการทั้ง 2 ส่วน ดูว่าอันไหนที่จะทำให้ผู้ลงทุนได้ประโยชน์มากขึ้น ถ้าได้ข้อสรุปจะทำ Public Hearing กับสมาชิกก่อนเสนอก.ล.ต.ต่อไป" นางเกศรา กล่าว
ด้านนายบัณฑิต นิจถาวร กรรมการผู้อำนวยการ สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย กล่าวถึงกรณีที่ราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้นมากในช่วงนี้ ว่า ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยยังมีการควบคุมดูแล บจ.ไทยอย่างต่อเนื่องและใกล้ชิด ซึ่งมาตรการก็น่าจะเพียงพอ เพราะลักษณะการลงทุนไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมาก
พร้อมกันนี้ได้เปิดเผยถึงผลสำรวจการกำกับดูแลกิจการของบริษัทจดทะเบียนไทย หรือ บจ. ปี 2557 ว่า จากการสำรวจบจ.ทั้งหมด 550 บริษัท มีคะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ 72% ซึ่งตามเกณฑ์แล้ว ถือว่า อยู่ในระดับดี แม้ว่าจะมีคะแนนเฉลี่ยลดลงจาก 78% เมื่อปี 2556 เนื่องจาก ณ ขณะนั้นมีบจ.ทั้งสิ้น 526 บริษัทเท่านั้น
นอกจากนี้ใน 2557 นี้มีการปรับหลักเกณฑ์ที่มีรายละเอียดมากขึ้นเป็น 237 ข้อ จากเดิมมี 148 ข้อ และมีการปรับวิธีการคำนวณคะแนนใหม่ อย่างไรก็ดี ปีนี้บริษัทจดทะเบียนไทยที่มีคะแนนต่ำสุด ก็มีการปรับตัวดีขึ้น
ขณะที่นายเกรียงไกร ทำนุทัศน์ นักวิเคราะห์กลยุทธ์อาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) ระบุฝ่ายวิจัยฯ ยังคงประเมินดัชนี ณ สิ้นปีที่ 1,700-1,760 จุด โดยคาดปัจจัยหลักที่จะผลักดันคือแรงซื้อของนักลงทุนต่างประเทศ ที่นิยมเข้าซื้อหุ้นขนาดใหญ่ใน SET 50
“เม็ดเงินต่างชาติจะกลับมาเป็นปัจจัยหลักที่ผลักดันตลาดหุ้นไทย ช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ประเมินว่าจะเห็นหุ้นในกลุ่ม Big cap เริ่มเป็นตัวสนับสนุนตลาดแทน ในขณะที่ปัจจัยต่างประเทศคาดว่าจะมีการออกนโยบายอัดฉีดสภาพคล่องเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในกลุ่มประเทศยุโรป หลังจากเห็นการขยายตัวทางเศรษฐกิจมีแนวโน้มอ่อนแอกว่าที่คาดและการใช้นโยบายการเงินด้านอัตราดอกเบี้ยไม่เพียงพอต่อการฟื้นตัว คาดว่าส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นไทยช่วงไตรมาส4/57ต่อเนื่องไปจนถึงปี 2558” นายเกรียงไกร กล่าว
โดยประเมินว่าอุตสาหกรรม 4 กลุ่มที่คาดว่าจะฟื้นตัวในปี 2558 ได้ดี ได้แก่ อสังหาฯ, ท่องเที่ยว, ยานยนต์ และสินเชื่อการบริโภค มีเพียงเฉพาะกลุ่มบันเทิงที่คาดว่าการฟื้นตัวได้น้อย เนื่องจากผลของการเปลี่ยนแปลง TV Digital (สื่อ Outdoor, โรงภาพยนต์ยังขยายตัวได้ดี) สำหรับหุ้น Top Pick ในไตรมาส4/57 ได้แก่ CKP, SF, TPIPL พร้อมมองว่า หุ้น Big cap ที่เป็นเป้าหมายในการผลักดัน SET ไป 1,700 จุดได้แก่ PTT, SCC, BCP, MINT, KTB, AOT, ADVANC, INTUCH