ตร.เร่งตามตัว “พรชนก” คนสนิทครูสอนภาษาชาวญี่ปุ่น พร้อมรอผลตรวจดีเอ็นเอที่เก็บจากบ้านพัก-รถยนต์ ด้านบุตรชายผู้สูญหายเข้าพบ พงส.สน.ห้วยขวาง ยันคุยโทรศัพท์เข้าเครื่องพ่อครั้งสุดท้ายมีผู้หญิงที่ชื่อ “เพ็ญ” รับสายแทน เช็คการเดินทางสาวแสบยังไม่หลบหนีออกนอกประเทศ
วานนี้(20 ต.ค.) ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล พ.ต.อ.สมบัติ มิลินทจินดา รรท.ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า วันนี้ประชุมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.ห้วยขวาง และฝ่ายสืบสวน โดยมี พล.ต.ต.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รรท. รอง ผบช.น. ลงมาควบคุมคดีด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นการประชุมเพื่อหาประวัติความเป็นมาของนายโยชิโนริ และนางพรชนก ทั้งนี้รวมถึงจะมีการตรวจสอบธุรกรรมทางการเงิน ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของบัญชีของทั้ง 2 คนว่ามีการเคลื่นไหวหรือไม่ รวมถึงข้อมูลประกันชีวิตของนายโยชิโนริว่ามีความเชื่อมโยงกันหรือไม่ เพื่อเป็นข้อมูลในการติดตามตัวนายโยชิโนริ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังต้องตรวจสอบสถานะของนายสมชายและนางพรชนก ว่ามีการจดทะเบียนสมรสกันหรือไม่
พ.ต.อ.สมบัติ กล่าวว่า จากการตรวจสอบเจ้าหน้าที่ยังพบว่านางพรชนกมีลูกสาว 2 คน โดยคนโต อายุ 24 ปี เป็นลูกของนางพรชนกกับนายสมชาย และพบว่าทำงานอยู่ที่จ.ปราจีนบุรี โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ลงพื้นที่ไปเจอลูกสาวคนโตแล้ว ในส่วนรายละเอียดการสอบถามลูกสาวคนโตขอให้ติดตามจากเจ้าหน้าที่สน.ห้วยขวาง ส่วนลูกสาวคนเล็กทราบชื่อน.ส.สุดารัตน์ ไชยะปะ อายุ 17 ปี นั้น จากการตรวจสอบประวัติพบว่าเป็นลูกของนางพรชนก กับนายทานากะ ชาวญี่ปุ่นที่ตกบันไดเสียชีวิต เมื่อปี 2546 แต่จะเป็นลูกแท้ๆหรือเป็นเพียงลูกบุญธรรมต้องตรวจสอบประวัติอีกครั้ง
ทั้งนี้เบื้องต้นทราบว่านางพรชนกได้หลบหนีไปพร้อมกับนายสมชายและลูกสาวคนเล็ก ซึ่งเจ้าหน้าที่จะลงพื้นที่ตรวจสอบที่บ้านลูกสาวคนโตในจ.ปราจีนบุรีอีกครั้ง อีกทั้งจะลงตรวจสอบบ้านญาติในจ.พิษณุโลกอีกด้วย อย่างไรก็ตามขอยืนยันว่าคดีของนายโยชิโนริขณะนี้ยังเป็นเพียงคดีบุคคลสูญหายเท่านั้น ยังไม่จัดเป็นคดีฆาตกรรมแต่อย่างใดเนื่องจากยังไม่พบศพหรือมีข้อมูลทางนิติเวช ขณะนี้เจ้าหน้าที่รอผลตรวจการเข้าตรวจสอบภายในห้องเลขที่ 180 ชั้น 10 ของศรีวราแมนชั่น ซึ่งเป็นห้องพักของนายโยชิโนริ ,บ้านที่เคหะบางพลี ซึ่งนางพรชนกเป็นคนเปิดให้นายโยชิโนริเข้าไปสอนภาษา ,บ้านที่บางเสาธง และรถยนต์ของนางพรชนกที่ตรวจยึดมาได้ จากเจ้าหน้าที่พฐ. รวมถึงผลดีเอ็นเอของนายเทสซึโอะลูกชายนายโยชิโนริที่รอการเปรียบเทียบ
ในส่วนของการรื้อฟื้นคดีของชายชาวญี่ปุ่นที่ตกบันไดเมื่อ ปี 2546 นั้น ต้องศึกษารายละเอียดอีกครั้งว่าจะสามารถรื้อฟื้นได้หรือไม่ แต่ในทางรูปคดีนั้นถือว่าจบไปแล้ว และยอมรับว่ามีชายชาวญี่ปุ่นที่สามารถระบุได้ว่าเกี่ยวข้องกับนางพรชนกมี 2 คน คือนายทานากะและนายโยชิโนริ ส่วนคนอื่นๆนั้นเจ้าหน้าที่ได้ข้อมูลจากพยานแวดล้อมที่ระบุว่ามักจะมีชายชาวญี่ปุ่นหลายรายแวะเวียนมาหานางพรชนก ซึ่งหนึ่งในนั้นคือนายคามาการิ ที่มาทิ้งจดหมายไว้ที่บ้านของนางพรชนกเมื่อปี 2553 เพื่ออ้อนวอนขอให้นางพรชนกคืนเงินจำนวน 3 ล้านบาท
พ.ต.อ.สมบัติ กล่าวด้วยว่า เมื่อตรวจสอบไปยังประกันของนายทานากะ พบว่าหลังจากที่นายทานากะตกบันไดเสียชีวิตนั้น นางพรชนกได้เงินประกันไปประมาณ 3 ล้านบาท ในส่วนรายละเอียดอื่นๆคงต้องรอให้เจอตัวนางพรชนกเพื่อสอบถามข้อมูลต่อไป ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ประสานกับเจ้าหน้าตำรวจตรวจคนเข้าเมืองพบว่ายังไม่มีการหลบหนีออกนอกประเทศ
ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน ที่ สน.ห้วยขวาง นายเทสซึโอะ ชิมาโตะ พร้อมด้วยทนายความได้เดินทางเข้าให้ปากคำต่อ พ.ต.อ.อภิฌาณ สวัสดิบุตร พงส.ผทค.สน.ห้วยขวาง ใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมงก่อนจะเดินทางกลับโดยไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ
พ.ต.อ.อภิฌาณกล่าวว่า วันนี้เป็นการเชิญตัวนายเทสซึโอะมาให้ปากคำ โดยสอบในประเด็นเดิมเพิ่มเติมเท่านั้น ไม่ได้มีประเด็นใหม่ การสอบปากคำว่านี้แค่ถามในกรณีความสัมพันธ์ของนายโยชิโนริว่าเกี่ยวพันกับบุคคลใดบ้าง มีลักษณะความสัมพันธ์อย่างไร ซึ่งนายเทสซึโอะเล่าว่าได้คุยกับผู้เป็นพ่อครั้งสุดท้ายผ่านทางอีเมลเมื่อเดือนมีนาคมปีที่ผ่านมา โดยนายโยชิโนริบอกว่ากำลังคบกับผู้หญิงไทยที่ชื่อ “เพ็ญ” แต่ตัวนายเทสซึโอะก็ไม่เคยพบผู้หญิงคนดังกล่าวเลย เพียงแต่เคยคุยโทรศัพท์กันตอนที่นายเทสซึโอะโทรเข้าเบอร์นายโยชิโนริครั้งล่าสุด แต่หญิงสาวชื่อเพ็ญรับสายแทน และอ้างว่าพ่อตนป่วยไม่สามารถคุยด้วยได้ นายเทสซึโอะจึงเดินทางมาประเทศไทย
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า สามารถยืนยันการมีตัวตนของนายโยชิโนริครั้งสุดท้ายได้วันไหน พ.ต.อ.อภิฌาณกล่าวว่า นางพรชนกอ้างว่าเมื่อวันที่ 21 ก.ย.ได้พานายโยชิโนริไปหาหมอที่ รพ.บางนา 2 เนื่องจากมีอาการป่วย เวียนหัว ก่อนจะพาไปส่งขึ้นรถไฟฟ้ากลับบ้านแล้วไม่ได้เจอกันอีกเลย เมื่อตรวจสอบไปยัง รพ.ดังกล่าวก็ได้รับคำยืนยันว่ามาพบแพทย์จริง หลังจากนี้จะมีการติดตามตัวลูกสาวนางพรชนกมาสอบปากคำอย่างแน่นอน ส่วนตัวนางพรชนกนั้นทราบว่าศาลมีคำสั่งให้มารายงานตัวอยู่แล้ว ต้องรอติดตามว่านางพรชนกจะมาหรือไม่
วานนี้(20 ต.ค.) ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล พ.ต.อ.สมบัติ มิลินทจินดา รรท.ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า วันนี้ประชุมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.ห้วยขวาง และฝ่ายสืบสวน โดยมี พล.ต.ต.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รรท. รอง ผบช.น. ลงมาควบคุมคดีด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นการประชุมเพื่อหาประวัติความเป็นมาของนายโยชิโนริ และนางพรชนก ทั้งนี้รวมถึงจะมีการตรวจสอบธุรกรรมทางการเงิน ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของบัญชีของทั้ง 2 คนว่ามีการเคลื่นไหวหรือไม่ รวมถึงข้อมูลประกันชีวิตของนายโยชิโนริว่ามีความเชื่อมโยงกันหรือไม่ เพื่อเป็นข้อมูลในการติดตามตัวนายโยชิโนริ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังต้องตรวจสอบสถานะของนายสมชายและนางพรชนก ว่ามีการจดทะเบียนสมรสกันหรือไม่
พ.ต.อ.สมบัติ กล่าวว่า จากการตรวจสอบเจ้าหน้าที่ยังพบว่านางพรชนกมีลูกสาว 2 คน โดยคนโต อายุ 24 ปี เป็นลูกของนางพรชนกกับนายสมชาย และพบว่าทำงานอยู่ที่จ.ปราจีนบุรี โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ลงพื้นที่ไปเจอลูกสาวคนโตแล้ว ในส่วนรายละเอียดการสอบถามลูกสาวคนโตขอให้ติดตามจากเจ้าหน้าที่สน.ห้วยขวาง ส่วนลูกสาวคนเล็กทราบชื่อน.ส.สุดารัตน์ ไชยะปะ อายุ 17 ปี นั้น จากการตรวจสอบประวัติพบว่าเป็นลูกของนางพรชนก กับนายทานากะ ชาวญี่ปุ่นที่ตกบันไดเสียชีวิต เมื่อปี 2546 แต่จะเป็นลูกแท้ๆหรือเป็นเพียงลูกบุญธรรมต้องตรวจสอบประวัติอีกครั้ง
ทั้งนี้เบื้องต้นทราบว่านางพรชนกได้หลบหนีไปพร้อมกับนายสมชายและลูกสาวคนเล็ก ซึ่งเจ้าหน้าที่จะลงพื้นที่ตรวจสอบที่บ้านลูกสาวคนโตในจ.ปราจีนบุรีอีกครั้ง อีกทั้งจะลงตรวจสอบบ้านญาติในจ.พิษณุโลกอีกด้วย อย่างไรก็ตามขอยืนยันว่าคดีของนายโยชิโนริขณะนี้ยังเป็นเพียงคดีบุคคลสูญหายเท่านั้น ยังไม่จัดเป็นคดีฆาตกรรมแต่อย่างใดเนื่องจากยังไม่พบศพหรือมีข้อมูลทางนิติเวช ขณะนี้เจ้าหน้าที่รอผลตรวจการเข้าตรวจสอบภายในห้องเลขที่ 180 ชั้น 10 ของศรีวราแมนชั่น ซึ่งเป็นห้องพักของนายโยชิโนริ ,บ้านที่เคหะบางพลี ซึ่งนางพรชนกเป็นคนเปิดให้นายโยชิโนริเข้าไปสอนภาษา ,บ้านที่บางเสาธง และรถยนต์ของนางพรชนกที่ตรวจยึดมาได้ จากเจ้าหน้าที่พฐ. รวมถึงผลดีเอ็นเอของนายเทสซึโอะลูกชายนายโยชิโนริที่รอการเปรียบเทียบ
ในส่วนของการรื้อฟื้นคดีของชายชาวญี่ปุ่นที่ตกบันไดเมื่อ ปี 2546 นั้น ต้องศึกษารายละเอียดอีกครั้งว่าจะสามารถรื้อฟื้นได้หรือไม่ แต่ในทางรูปคดีนั้นถือว่าจบไปแล้ว และยอมรับว่ามีชายชาวญี่ปุ่นที่สามารถระบุได้ว่าเกี่ยวข้องกับนางพรชนกมี 2 คน คือนายทานากะและนายโยชิโนริ ส่วนคนอื่นๆนั้นเจ้าหน้าที่ได้ข้อมูลจากพยานแวดล้อมที่ระบุว่ามักจะมีชายชาวญี่ปุ่นหลายรายแวะเวียนมาหานางพรชนก ซึ่งหนึ่งในนั้นคือนายคามาการิ ที่มาทิ้งจดหมายไว้ที่บ้านของนางพรชนกเมื่อปี 2553 เพื่ออ้อนวอนขอให้นางพรชนกคืนเงินจำนวน 3 ล้านบาท
พ.ต.อ.สมบัติ กล่าวด้วยว่า เมื่อตรวจสอบไปยังประกันของนายทานากะ พบว่าหลังจากที่นายทานากะตกบันไดเสียชีวิตนั้น นางพรชนกได้เงินประกันไปประมาณ 3 ล้านบาท ในส่วนรายละเอียดอื่นๆคงต้องรอให้เจอตัวนางพรชนกเพื่อสอบถามข้อมูลต่อไป ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ประสานกับเจ้าหน้าตำรวจตรวจคนเข้าเมืองพบว่ายังไม่มีการหลบหนีออกนอกประเทศ
ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน ที่ สน.ห้วยขวาง นายเทสซึโอะ ชิมาโตะ พร้อมด้วยทนายความได้เดินทางเข้าให้ปากคำต่อ พ.ต.อ.อภิฌาณ สวัสดิบุตร พงส.ผทค.สน.ห้วยขวาง ใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมงก่อนจะเดินทางกลับโดยไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ
พ.ต.อ.อภิฌาณกล่าวว่า วันนี้เป็นการเชิญตัวนายเทสซึโอะมาให้ปากคำ โดยสอบในประเด็นเดิมเพิ่มเติมเท่านั้น ไม่ได้มีประเด็นใหม่ การสอบปากคำว่านี้แค่ถามในกรณีความสัมพันธ์ของนายโยชิโนริว่าเกี่ยวพันกับบุคคลใดบ้าง มีลักษณะความสัมพันธ์อย่างไร ซึ่งนายเทสซึโอะเล่าว่าได้คุยกับผู้เป็นพ่อครั้งสุดท้ายผ่านทางอีเมลเมื่อเดือนมีนาคมปีที่ผ่านมา โดยนายโยชิโนริบอกว่ากำลังคบกับผู้หญิงไทยที่ชื่อ “เพ็ญ” แต่ตัวนายเทสซึโอะก็ไม่เคยพบผู้หญิงคนดังกล่าวเลย เพียงแต่เคยคุยโทรศัพท์กันตอนที่นายเทสซึโอะโทรเข้าเบอร์นายโยชิโนริครั้งล่าสุด แต่หญิงสาวชื่อเพ็ญรับสายแทน และอ้างว่าพ่อตนป่วยไม่สามารถคุยด้วยได้ นายเทสซึโอะจึงเดินทางมาประเทศไทย
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า สามารถยืนยันการมีตัวตนของนายโยชิโนริครั้งสุดท้ายได้วันไหน พ.ต.อ.อภิฌาณกล่าวว่า นางพรชนกอ้างว่าเมื่อวันที่ 21 ก.ย.ได้พานายโยชิโนริไปหาหมอที่ รพ.บางนา 2 เนื่องจากมีอาการป่วย เวียนหัว ก่อนจะพาไปส่งขึ้นรถไฟฟ้ากลับบ้านแล้วไม่ได้เจอกันอีกเลย เมื่อตรวจสอบไปยัง รพ.ดังกล่าวก็ได้รับคำยืนยันว่ามาพบแพทย์จริง หลังจากนี้จะมีการติดตามตัวลูกสาวนางพรชนกมาสอบปากคำอย่างแน่นอน ส่วนตัวนางพรชนกนั้นทราบว่าศาลมีคำสั่งให้มารายงานตัวอยู่แล้ว ต้องรอติดตามว่านางพรชนกจะมาหรือไม่