ตำรวจรวบทันควัน พระวัดวังไผ่ เมืองปากน้ำโพ ควงปืนลูกซองยิงเด็กหญิงร่างพรุนดับคาลานวัด สารภาพแค้นจัดเหตุหลงรักแต่กลับปฏิเสธ แถมถูกต่อว่ารุนแรง เจอหน้าเลยลากปืนออกมายิง ด้านคลิปฉาวเจ้าอาวาส-พระลูกวัดชกต่อยกัน กรรมการสงฆ์อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ มีมติให้รอดูพฤติกรรมเจ้าอาวาส ส่วนคู่กรณีให้ออกจากวัด เจ้าตัวร้องขอความเป็นธรรม อ้างถูกกลั่นแกล้ง ควรให้สึกทั้งสองฝ่ายเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง ด้านรัฐมนตรีกำชับพศ. เร่งแก้ปัญหาพระ-เณรโพสต์ภาพไม่เหมาะ
เมื่อเวลา 08.30 น. วานนี้ (20 ต.ค.) พ.ต.ท.พงษ์เทพ พรหมดี พนักงานสอบสวน สภ.เมือง จ.นครสวรรค์ รับแจ้งเหตุคนถูกยิงที่วัดวังไผ่ ต.นครสวรรค์ตก จึงไปตรวจสอบพร้อมแพทย์เวรโรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ และอาสาสมัครกู้ภัยจังหวัดนครสวรรค์ ที่เกิดเหตุลานหน้าวัดวังไผ่ พบศพผู้หญิงสวมนอนคว่ำหน้าจมกองเลือด ใกล้ศพพบปลอกกระสุนปืนลูกซอง 1 ปลอก และญาติผู้เสียชีวิตยืนกอดกันร้องไห้พูดกันว่า "มันยังเด็กอยู่ ไม่น่าทำมันอย่างนั้นเลย สงสารมัน"
เบื้องต้นทราบชื่อผู้ตาย คือ น.ส.เอ(นามสมมุติ) อายุ 15 ปี ชาวต.นครสวรรค์ตก ถูกยิงด้วยปืนลูกซองเข้ากกหูซ้ายและเหนือราวนมซ้าย พบมีรอยลูกปราย 24 รู
สอบสวนนายโอฬาร(ขอสงวนนามสกุล) อายุ 54 ปี บิดาผู้ตาย กล่าวว่า ตนกับลูกสาวมาช่วยงานวัดตั้งแต่เมื่อคืนแล้วนอนค้างที่วัด ตอนเช้าออกไปตัดไม้ไผ่และต้นกล้วยหลังวัดกับลูกสาว จากนั้นให้ลูกสาวมาตามพระที่วัดให้ขับรถของวัดไปเอาไม้ไผ่และต้นกล้วยมาตกแต่งสถานที่จัดงานประจำปี ที่จะมีในวันที่ 22 ตุลาคมนี้ แต่รอลูกสาวอยู่สักประมาณ 30 นาที ก็มีคนมาบอกว่าลูกสาวถูกพระพร หรือนายฟอน มิ่งเหล็ก อายุ 54 ปี พระลูกวัดวังไผ่ ยิงตายหน้าลานวัดจึงรีบมาดู
"พระพรเป็นญาติห่างๆของแม่ผู้ตายด้วย ไม่น่าจะทำถึงขนาดนี้ แต่ก่อนออกพรรษาพระพรเคยพูดไว้ว่า ก่อนที่จะไปจากวัด ต้องมีเรื่องอร่อยก่อนแล้วค่อยออกไป"
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้วิทยุสั่งการเจ้าหน้าที่ตามจุดต่างๆ และสามารถควบคุมตัวนายฟอนซึ่งสึกเองได้บริเวณหน้าป้อมตำรวจสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดนครสวรรค์ นำตัวไปสอบสวนที่ สภ.เมือง เบื้องต้นรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุจริง เนื่องจากตนรักผู้ตาย แต่ผู้ตายไม่เล่นด้วย ก่อนหน้านี้ก็พยายามโทรศัพท์ไปหาหลายครั้ง แต่ถูกปฏิเสธเรื่อยมา อีกทั้งพ่อเด็กยังห้าม ล่าสุดถูกผู้ตายต่อว่าด้วยถ้อยคำรุนแรง จนบันดาลโทสะ ก่อนเกิดเหตุเห็นพ่อผู้ตายพามาช่วยงานบุญที่วัด ด้วยความแค้นจึงไปหยิบปืนออกมายิง เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา พร้อมคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพต่อไป
ความคืบหน้ากรณีพระมหาพรชัย สังวโร อายุ 55 ปี เจ้าอาวาสวัดบ้านโคกมะขาม ต.โคกมะขาม อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ ชกต่อยกับพระวิชาญ วิสุทธรรมโม อายุ 35 ปี พระลูกวัด กลางลานวัดบ้านโคกมะขาม เมื่อวันที่ 15 ตุลาคมที่ผ่านมา และมีการเผยแพร่คลิปวิดีโอในสังคมออนไลน์ จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสม สร้างความเสื่อมเสียแก่วงการศาสนา
ล่าสุด พระครูสิริคณารักษ์ ปิยธรรมโม เจ้าคณะอำเภอประโคนชัย และคณะกรรมการสงฆ์ มีมติให้พระวิชาญออกจากวัดบ้านโคกมะขาม ไปอยู่ที่วัดละเวี้ยะ ต.ละเวี้ยะ อ.ประโคนชัย เพื่อระงับเหตุความขัดแย้งให้เบาลง ส่วนพระมหาพรชัย ยังให้อยู่ที่วัดเพื่อรอดูพฤติกรรม แต่ยังไม่มีการพิจารณาลงโทษตามพระธรรมวินัยว่าฝ่ายไหนถูกหรือผิด ขณะที่พนักงานสอบสวน สภ.ประโคนชัย เตรียมเรียกคู่กรณีไปเปรียบเทียบปรับข้อหาทะเลาะวิวาท
ด้านพระมหาพรชัย เจ้าอาวาสวัดบ้านโคกมะขาม ชี้แจงว่า สาเหตุการทะเลาะวิวาทน่าจะมาจากเรื่องที่เคยตักเตือนพระวิชาญ ถึงการประพฤติตัวไม่เหมาะสมหลายครั้ง แต่อีกฝ่ายไม่เชื่อฟัง ก่อนเกิดเหตุพระลูกวัดได้เข้าไปเก็บข้าวของและจีวรในกุฏิของพระวิชาญ เพื่อจะเชิญให้ไปจำวัดที่อื่น ทำให้พระวิชาญเข้าใจว่าเป็นคนสั่งการให้ทำ ทั้งที่อาตมาไม่ใช่ต้นเหตุ
"คลิปวิดีโอที่ถูกนำไปเผยแพร่ถูกตัดต่อ ไม่ได้เผยแพร่ทั้งหมด จึงทำให้ดูเหมือนว่าอาตมาเป็นคนเริ่มก่อน ซึ่งขณะนี้ก็ได้ไปแจ้งความที่ สภ.ประโคนชัย ไว้เป็นหลักฐาน เพื่อไม่ให้มีการเผยแพร่คลิปดังกล่าวอีก แต่ส่วนตัวก็รู้สึกเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าสาเหตุจะเกิดจากเรื่องอะไรก็ตาม"
ขณะที่พระวิชาญ ชี้แจงว่า มาจำวัดอยู่ที่วัดโคกมะขามเกือบ 5 พรรษา ไม่เคยมีเรื่อง กระทั่งเมื่อ 2 ปีหลังจากที่พระมหาพรชัยมาเป็นเจ้าอาวาส ก็เริ่มเกิดปัญหาภายในวัด เพราะมีนักการเมืองท้องถิ่นเข้ามาใช้พระเป็นเครื่องมือใชักจูงญาติโยมให้เข้ามาเป็นพวกพ้อง จนนำไปสู่การแบ่งฝักแบ่งฝ่ายของผู้นำชุมชนและชาวบ้าน
ส่วนสาเหตุที่ทำให้เจ้าอาวาสไม่พอใจ เนื่องจากอาตมาไม่เห็นด้วยกับการกระทำหลายเรื่อง เช่น การใช้คำพูดในลักษณะที่ไม่สุภาพทั้งกับพระสงฆ์และญาติโยม ไกดขี่พระลูกวัด พระรูปไหนไม่ปฏิบัติตามจะถูกกลั่นแกล้งต่างๆนานา กระทั่งวันเกิดเหตุมีชายที่อ้างตัวว่าเป็นทหารของคสช. ใช้วาจาข่มขู่ให้ออกจากวัด โดยที่ไม่ชี้แจงเหตุผลให้ทราบ จากนั้นก็เรียกให้สามเณรเข้าไปงัดประตู และรื้อข้าวของภายในกุฏิไปกองไว้ประตูหน้าวัด และจุดไฟเผา อาตมาเชื่อว่าเป็นคำสั่งของเจ้าอาวาส จึงเป็นสาเหตุทำให้มีเรื่องทะเลาะชกต่อยกัน
"อาตมาขอความเป็นธรรม กรณีคณะสงฆ์มีมติให้ออกจากวัด แต่กลับไม่ดำเนินการกับเจ้าอาวาส ไม่เปิดโอกาสให้อาตมาชี้แจง จึงมองว่าไม่เป็นธรรม หากจะลงโทษควรจะลงโทษทั้งสองฝ่ายตามวินัยของสงฆ์ แต่ส่วนตัวอยากจะให้สึกจากการเป็นพระทั้งคู่ เพื่อจะได้ไม่เป็นเยี่ยงอย่างแก่พระหรือสามเณรวัดอื่น และจะได้ลดความแตกแยกของชาวบ้านในชุมชนด้วย"
ด้านพระใบฎีกาโชติภณ ธมมทีโล เลขานุการรองเจ้าคณะอำเภอประโคนชัย กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้ชี้ว่าฝ่ายไหนผิดหรือถูก ส่วนการลงโทษตามวินัยสงฆ์ ต้องรอให้คณะสงฆ์ประชุมพิจารณาอีกครั้ง"
นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) กล่าวว่า พศ.ได้รายงานปัญหาการร้องเรียนจากประชาชน เกี่ยวกับการเผยแพร่ภาพที่ไม่เหมาะสมของพระสงฆ์และสามเณรผ่านโซเชียลมีเดีย จึงได้กำชับให้พศ.ประสานงานกับสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด(พศจ.) ทำงานเชิงรุกในแก้ปัญหา ล่าสุดทราบว่าพศ.และมหาเถรสมาคม(มส.)ไม่ได้นิ่งนอนใจ แจ้งให้เจ้าคณะปกครองกำชับพระภิกษุ สามเณร ระมัดระวังการใช้โซเชียลมีเดียให้มากขึ้น ส่วนเรื่องร้องเรียนหรือคดีความที่เกี่ยวกับวัด พระสงฆ์ สามเณร ให้พศ.รายงานความคืบหน้าให้ทราบอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบางเรื่องมส.ตั้งคณะกรรมการดำเนินการ และได้รับการแก้ไขแล้วหลายเรื่อง จึงอยากให้พศ.อธิบายให้สังคมได้รับทราบด้วย
"ที่ผ่านมาประชาชนหรือสื่อมวลชน อาจจะมองว่าบางคดีเกี่ยวกับพระสงฆ์ไม่มีความคืบหน้า หรือเจ้าคณะปกครองละเลย ทั้งที่พศ.และคณะสงฆ์ได้แก้ไขมาโดยตลอด เพียงแต่วไม่ได้สื่อสารให้สังคมรับทราบเท่านั้น"
เมื่อเวลา 08.30 น. วานนี้ (20 ต.ค.) พ.ต.ท.พงษ์เทพ พรหมดี พนักงานสอบสวน สภ.เมือง จ.นครสวรรค์ รับแจ้งเหตุคนถูกยิงที่วัดวังไผ่ ต.นครสวรรค์ตก จึงไปตรวจสอบพร้อมแพทย์เวรโรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ และอาสาสมัครกู้ภัยจังหวัดนครสวรรค์ ที่เกิดเหตุลานหน้าวัดวังไผ่ พบศพผู้หญิงสวมนอนคว่ำหน้าจมกองเลือด ใกล้ศพพบปลอกกระสุนปืนลูกซอง 1 ปลอก และญาติผู้เสียชีวิตยืนกอดกันร้องไห้พูดกันว่า "มันยังเด็กอยู่ ไม่น่าทำมันอย่างนั้นเลย สงสารมัน"
เบื้องต้นทราบชื่อผู้ตาย คือ น.ส.เอ(นามสมมุติ) อายุ 15 ปี ชาวต.นครสวรรค์ตก ถูกยิงด้วยปืนลูกซองเข้ากกหูซ้ายและเหนือราวนมซ้าย พบมีรอยลูกปราย 24 รู
สอบสวนนายโอฬาร(ขอสงวนนามสกุล) อายุ 54 ปี บิดาผู้ตาย กล่าวว่า ตนกับลูกสาวมาช่วยงานวัดตั้งแต่เมื่อคืนแล้วนอนค้างที่วัด ตอนเช้าออกไปตัดไม้ไผ่และต้นกล้วยหลังวัดกับลูกสาว จากนั้นให้ลูกสาวมาตามพระที่วัดให้ขับรถของวัดไปเอาไม้ไผ่และต้นกล้วยมาตกแต่งสถานที่จัดงานประจำปี ที่จะมีในวันที่ 22 ตุลาคมนี้ แต่รอลูกสาวอยู่สักประมาณ 30 นาที ก็มีคนมาบอกว่าลูกสาวถูกพระพร หรือนายฟอน มิ่งเหล็ก อายุ 54 ปี พระลูกวัดวังไผ่ ยิงตายหน้าลานวัดจึงรีบมาดู
"พระพรเป็นญาติห่างๆของแม่ผู้ตายด้วย ไม่น่าจะทำถึงขนาดนี้ แต่ก่อนออกพรรษาพระพรเคยพูดไว้ว่า ก่อนที่จะไปจากวัด ต้องมีเรื่องอร่อยก่อนแล้วค่อยออกไป"
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้วิทยุสั่งการเจ้าหน้าที่ตามจุดต่างๆ และสามารถควบคุมตัวนายฟอนซึ่งสึกเองได้บริเวณหน้าป้อมตำรวจสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดนครสวรรค์ นำตัวไปสอบสวนที่ สภ.เมือง เบื้องต้นรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุจริง เนื่องจากตนรักผู้ตาย แต่ผู้ตายไม่เล่นด้วย ก่อนหน้านี้ก็พยายามโทรศัพท์ไปหาหลายครั้ง แต่ถูกปฏิเสธเรื่อยมา อีกทั้งพ่อเด็กยังห้าม ล่าสุดถูกผู้ตายต่อว่าด้วยถ้อยคำรุนแรง จนบันดาลโทสะ ก่อนเกิดเหตุเห็นพ่อผู้ตายพามาช่วยงานบุญที่วัด ด้วยความแค้นจึงไปหยิบปืนออกมายิง เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา พร้อมคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพต่อไป
ความคืบหน้ากรณีพระมหาพรชัย สังวโร อายุ 55 ปี เจ้าอาวาสวัดบ้านโคกมะขาม ต.โคกมะขาม อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ ชกต่อยกับพระวิชาญ วิสุทธรรมโม อายุ 35 ปี พระลูกวัด กลางลานวัดบ้านโคกมะขาม เมื่อวันที่ 15 ตุลาคมที่ผ่านมา และมีการเผยแพร่คลิปวิดีโอในสังคมออนไลน์ จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสม สร้างความเสื่อมเสียแก่วงการศาสนา
ล่าสุด พระครูสิริคณารักษ์ ปิยธรรมโม เจ้าคณะอำเภอประโคนชัย และคณะกรรมการสงฆ์ มีมติให้พระวิชาญออกจากวัดบ้านโคกมะขาม ไปอยู่ที่วัดละเวี้ยะ ต.ละเวี้ยะ อ.ประโคนชัย เพื่อระงับเหตุความขัดแย้งให้เบาลง ส่วนพระมหาพรชัย ยังให้อยู่ที่วัดเพื่อรอดูพฤติกรรม แต่ยังไม่มีการพิจารณาลงโทษตามพระธรรมวินัยว่าฝ่ายไหนถูกหรือผิด ขณะที่พนักงานสอบสวน สภ.ประโคนชัย เตรียมเรียกคู่กรณีไปเปรียบเทียบปรับข้อหาทะเลาะวิวาท
ด้านพระมหาพรชัย เจ้าอาวาสวัดบ้านโคกมะขาม ชี้แจงว่า สาเหตุการทะเลาะวิวาทน่าจะมาจากเรื่องที่เคยตักเตือนพระวิชาญ ถึงการประพฤติตัวไม่เหมาะสมหลายครั้ง แต่อีกฝ่ายไม่เชื่อฟัง ก่อนเกิดเหตุพระลูกวัดได้เข้าไปเก็บข้าวของและจีวรในกุฏิของพระวิชาญ เพื่อจะเชิญให้ไปจำวัดที่อื่น ทำให้พระวิชาญเข้าใจว่าเป็นคนสั่งการให้ทำ ทั้งที่อาตมาไม่ใช่ต้นเหตุ
"คลิปวิดีโอที่ถูกนำไปเผยแพร่ถูกตัดต่อ ไม่ได้เผยแพร่ทั้งหมด จึงทำให้ดูเหมือนว่าอาตมาเป็นคนเริ่มก่อน ซึ่งขณะนี้ก็ได้ไปแจ้งความที่ สภ.ประโคนชัย ไว้เป็นหลักฐาน เพื่อไม่ให้มีการเผยแพร่คลิปดังกล่าวอีก แต่ส่วนตัวก็รู้สึกเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าสาเหตุจะเกิดจากเรื่องอะไรก็ตาม"
ขณะที่พระวิชาญ ชี้แจงว่า มาจำวัดอยู่ที่วัดโคกมะขามเกือบ 5 พรรษา ไม่เคยมีเรื่อง กระทั่งเมื่อ 2 ปีหลังจากที่พระมหาพรชัยมาเป็นเจ้าอาวาส ก็เริ่มเกิดปัญหาภายในวัด เพราะมีนักการเมืองท้องถิ่นเข้ามาใช้พระเป็นเครื่องมือใชักจูงญาติโยมให้เข้ามาเป็นพวกพ้อง จนนำไปสู่การแบ่งฝักแบ่งฝ่ายของผู้นำชุมชนและชาวบ้าน
ส่วนสาเหตุที่ทำให้เจ้าอาวาสไม่พอใจ เนื่องจากอาตมาไม่เห็นด้วยกับการกระทำหลายเรื่อง เช่น การใช้คำพูดในลักษณะที่ไม่สุภาพทั้งกับพระสงฆ์และญาติโยม ไกดขี่พระลูกวัด พระรูปไหนไม่ปฏิบัติตามจะถูกกลั่นแกล้งต่างๆนานา กระทั่งวันเกิดเหตุมีชายที่อ้างตัวว่าเป็นทหารของคสช. ใช้วาจาข่มขู่ให้ออกจากวัด โดยที่ไม่ชี้แจงเหตุผลให้ทราบ จากนั้นก็เรียกให้สามเณรเข้าไปงัดประตู และรื้อข้าวของภายในกุฏิไปกองไว้ประตูหน้าวัด และจุดไฟเผา อาตมาเชื่อว่าเป็นคำสั่งของเจ้าอาวาส จึงเป็นสาเหตุทำให้มีเรื่องทะเลาะชกต่อยกัน
"อาตมาขอความเป็นธรรม กรณีคณะสงฆ์มีมติให้ออกจากวัด แต่กลับไม่ดำเนินการกับเจ้าอาวาส ไม่เปิดโอกาสให้อาตมาชี้แจง จึงมองว่าไม่เป็นธรรม หากจะลงโทษควรจะลงโทษทั้งสองฝ่ายตามวินัยของสงฆ์ แต่ส่วนตัวอยากจะให้สึกจากการเป็นพระทั้งคู่ เพื่อจะได้ไม่เป็นเยี่ยงอย่างแก่พระหรือสามเณรวัดอื่น และจะได้ลดความแตกแยกของชาวบ้านในชุมชนด้วย"
ด้านพระใบฎีกาโชติภณ ธมมทีโล เลขานุการรองเจ้าคณะอำเภอประโคนชัย กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้ชี้ว่าฝ่ายไหนผิดหรือถูก ส่วนการลงโทษตามวินัยสงฆ์ ต้องรอให้คณะสงฆ์ประชุมพิจารณาอีกครั้ง"
นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) กล่าวว่า พศ.ได้รายงานปัญหาการร้องเรียนจากประชาชน เกี่ยวกับการเผยแพร่ภาพที่ไม่เหมาะสมของพระสงฆ์และสามเณรผ่านโซเชียลมีเดีย จึงได้กำชับให้พศ.ประสานงานกับสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด(พศจ.) ทำงานเชิงรุกในแก้ปัญหา ล่าสุดทราบว่าพศ.และมหาเถรสมาคม(มส.)ไม่ได้นิ่งนอนใจ แจ้งให้เจ้าคณะปกครองกำชับพระภิกษุ สามเณร ระมัดระวังการใช้โซเชียลมีเดียให้มากขึ้น ส่วนเรื่องร้องเรียนหรือคดีความที่เกี่ยวกับวัด พระสงฆ์ สามเณร ให้พศ.รายงานความคืบหน้าให้ทราบอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบางเรื่องมส.ตั้งคณะกรรมการดำเนินการ และได้รับการแก้ไขแล้วหลายเรื่อง จึงอยากให้พศ.อธิบายให้สังคมได้รับทราบด้วย
"ที่ผ่านมาประชาชนหรือสื่อมวลชน อาจจะมองว่าบางคดีเกี่ยวกับพระสงฆ์ไม่มีความคืบหน้า หรือเจ้าคณะปกครองละเลย ทั้งที่พศ.และคณะสงฆ์ได้แก้ไขมาโดยตลอด เพียงแต่วไม่ได้สื่อสารให้สังคมรับทราบเท่านั้น"
