แพทย์แถลงอาการสาวใหญ่เมืองลพบุรีจุดไฟเผาตัวเองพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่อาการอื่นต้องรอประเมินเป็นระยะ ทั้งความลึกบาดแผล-ปอด-ดวงตา ด้านน้องสาวเผยกู้ 2.5 แสน แต่ถูกทบสารพัดจนบานเป็น 3.5 ล้าน "ปนัดดา"เผยรับร้องทุกข์ปัญหาหนี้สินนอกระบบอันดับ 1 ยันรัฐบาลเร่งแก้ วอนอย่าเผาตัวเลียนแบบ กำชับตำรวจก็ต้องช่วยเป็นหูเป็นตา ไม่ให้มีการกู้หนี้นอกระบบ โวแก้ปัญหาประชาชนไปกว่า 70 เปอร์เซ็นต์แล้ว ขณะที่เจ้าหนี้ตะลึงข่าว ยอมยกหนี้ให้ทั้งหมด 1.5 ล้านบาท หลังผู้ว่าฯ ททหาร-ตร.บุกบ้านเจรจา ด้าน "หมอรัชตะ" ดอดเยี่ยมสาวใหญ่เมืองลพบุรีจุดไฟเผาตัวเอง กำชับแพทย์ดูแลเต็มที่ พร้อมส่งทีมสุขภาพจิตดูจิตใจลูกผู้ป่วย
จากณีกรณีนางสังเวียน รักษาเพ็ชร์ อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 7/4 หมู่ 2 ต.วังจั่น อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี ใช้น้ำมันราดใส่ตัวเองก่อนจุดไฟเผาบาดเจ็บสาหัส ภายในศูนย์บริการประชาชน สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน หลังมายื่นหนังสือร้องทุกข์ปัญหานี้สิน 1.5 ล้านบาท เหตุเกิดเช้าวันที่ 15 ตุลาคม ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
วันนี้ (16 ต.ค.) ที่โรงพยาบาลวชิรพยาบาล นพ.ผลเลิศ พันธุ์ธนกุล รองคณบดีฝ่ายบริการ ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการโรงพยาบาล เปิดเผยว่า คนเจ็บยังต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ และไม่ได้มีอาการต้านเครื่องช่วยหายใจ แต่ยังไม่เคลื่อนย้ายไปไหน โดยเบื้องต้นอาการพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ยังอยู่ในระดับทรงตัว และยังไม่สามารถระบุได้ว่าบาดแผลที่ถูกไฟไหม้ 50% ตั้งแต่ศีรษะลงมาถึงลำตัวว่ามีความลึกระดับไหน เนื่องจากแผลยังบวมอยู่
“จุดนี้แพทย์ยังเป็นห่วง ต้องรอผลหลังผ่าตัดอีกครั้งช่วงบ่ายนี้ เพื่อประเมินอาการต่อไป ส่วนจะกลับมาปกติ อวัยวะใช้งานได้เหมือนเดิมหรือไม่ ต้องประเมินผลกันอีกครั้ง”
นพ.ผลเลิศกล่าวว่า ตอนนี้แพทย์เป็นห่วงเรื่องปัสสาวะที่ขับออกมาน้อย เนื่องจากการไหลเวียนของเสียไปที่ไตน้อยกว่าปกติ ทำให้น้ำที่ให้คนไข้ไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย แต่จากการวิเคราะห์ระบบไตพบว่ามีเกณฑ์ใช้ได้ปกติ ตอนนี้คนเจ็บมีขวัญกำลังใจดี ชีพจรและความดันอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ปลายประสาทยังใช้ได้ ส่วนปอดต้องตรวจสอบอีกครั้งว่าต้องรับการเอกซเรย์หรือไม่ จากนี้ต้องคอยประเมินอาการอย่างใกล้ชิด
“สำหรับดวงตาเบื้องต้นพบว่าอาการบวมยุบลงเล็กน้อย แต่เนื่องจากคนเจ็บใช้เครื่องช่วยหายใจ จึงไม่สามารถสื่อสารกับแพทย์ผู้รักษาได้ ทำให้ยังประเมินเรื่องการมองเห็นได้ไม่ชัดเจน”
นพ.ผลเลิศกล่าวว่า ช่วงเช้าทาง ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้โทรศัพท์มาสอบถามอาการ ตอนนี้ทางโรงพยาบาลมุ่งรักษาคนเจ็บให้หาย โดยสามารถโอนสิทธิการรักษาที่ จ.ลพบุรี มารักษาที่โรงพยาบาลวชิรพยาบาลได้ตามสิทธิฉุกเฉินซึ่งตามกฎหมายสามารถรักษาได้ 72 ชั่วโมง หรือ 3 วัน ถ้านานกว่านั้นต้องประสานสิทธิกันอีกครั้ง และดูว่าคนเจ็บมีความพร้อมที่จะย้ายโรงพยาบาลได้หรือไม่ ถ้าไม่ไหวก็จะดูแลจนกว่าจะอยู่ในภาวะปลอดภัย
***วอนอย่าเผาตัวเลียนแบบ
ด้านม.ล.ปนัดดา ให้สัมภาษณ์ถึงการช่วยเหลือนางสังเวียนว่า เรื่องนี้นายกรัฐมนตรี แสดงความเป็นห่วงอย่างมาก สอบถามมาตลอดว่าสถานการณ์คืบหน้าอย่างไรบ้าง ซึ่งได้รายงานให้นายกฯทราบแล้วว่า อาการของนางสังเวียนดีขึ้น ตอบรับเครื่องช่วยหายใจแล้ว และสามารถช่วยเหลือตัวเองได้แล้ว โดยช่วงบ่าย (16 ต.ค.) แพทย์ศัลยกรรม จะไปดูรายละเอียดของแผลว่าสามารถรักษาช่วงไหนได้ก่อน หมอและพยาบาลดูแลอย่างดี
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีนางสังเวียน รัฐบาลเข้าไปช่วยเหลืออย่างไรบ้าง ม.ล.ปนัดดา กล่าวว่า ได้มีการประสานกับเจ้าหน้าที่จังหวัดให้ช่วยแก้ปัญหา ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการหารือเพื่อช่วยเหลือกันมาตลอด โดยมีอัยการมาร่วมหารือ เพื่อไกล่เกลี่ยกับเจ้าหนี้ให้ด้วย และจากนี้ไปหน่วยงานต้องมาดูว่า เรื่องหนี้สินของนางสังเวียนนั้น เป็นอย่างไรกันแน่
เมื่อถามว่า ทางศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์จะดำเนินการอย่างไร เพราะปัญหาเรื่องหนี้สินที่มาร้องเรียนมีจำนวนมาก ม.ล.ปนัดดา กล่าวว่า เรื่องนี้นายกฯสั่งการตั้งแต่เริ่มแรก และถือเป็นแนวนโยบายแห่งรัฐไปแล้ว โดยมอบหมายให้กระทรวงการคลัง ในส่วนของศูนย์อำนวยการปฏิบัติการแก้ไขปัญหาหนี้สินภาคประชาชน และจะมีการจำแนกไปยังศูนย์ของแต่ละกระทรวง เช่น กระทรวงมหาดไทย จะมีศูนย์ดำรงธรรมที่ดูแลปัญหาต่างๆ อยู่ โดยที่ผ่านมาจะพยายามดูแลในเรื่องการประนอมหนี้ โดยดึงในส่วนของอัยการ เข้ามาช่วยด้วย ซึ่งบางรายเจ้าหนี้ก็ยอมที่จะรับเฉพาะเงินต้นเท่านั้น แต่ก็ต้องยอมรับว่าปัญหานั้นยังไม่จบ
เมื่อถามว่า มีการพูดถึงงบประมาณในศูนย์ดำรงธรรมต่างๆ น้อยเกินไป ทำให้การแก้ปัญหาไม่ครอบคลุม จะมีการเพิ่มงบประมาณให้หรือไม่ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลกำลังจะมีการพิจารณาเพิ่มงบให้ ที่สำคัญจะมีการบูรณาการ นำข้าราชการทุกกระทรวง มานั่งประจำที่ศูนย์ดำรงธรรม เพื่อให้เข้าใจปัญหาประชาชนได้มากขึ้น
เมื่อถามว่า จากนี้ไปการช่วยเหลือประชาชนจะเป็นอย่างไร รัฐบาลจะผลักดันนโยบายอะไรได้บ้าง เพราะอาจจะมีกรณีทำตามแบบนางสังเวียน ม.ล.ปนัดดา กล่าวว่า อยากให้ทุกฝ่ายในพื้นที่โดยเฉพาะองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ช่วยกันดูว่าเมื่อเกิดปัญหาขึ้นจะช่วยกันแก้ปัญหาอย่างไร รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต้องช่วยกันเป็นหูเป็นตา อย่าให้มีการกู้หนี้ยืมสินนอกระบบ
"อย่างไรก็ตามทุกศูนย์ที่รับเรื่องราวร้องทุกข์ ต้องหามาตรการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ขึ้นอีก และอาจจะต้องให้มีพยาบาลอยู่ประจำศูนย์ด้วย เผื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น ผมไม่อยากให้เกิดเป็นวัฒนธรรมที่ทำเลียนแบบกัน อยากจะขอร้อง และขอให้ทุกฝ่ายยึดถือเป็นอุทาหรณ์สอนใจ อะไรที่ควรทำ และไม่ควรทำ" ม.ล.ปนัดดา กล่าว
เมื่อถามว่า ความจริงปัญหาเกี่ยวกับหนี้นอกระบบเป็นนโยบายสำคัญที่นายกฯ พยายามจะแก้ปัญหา ม.ล.ปนัดดา กล่าวว่า นายกฯกำชับอยู่ตลอด และย้ำให้ทุกฝ่ายช่วยกันเต็มที่ เมื่อถามว่า ตั้งแต่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และรัฐบาลเข้ามา ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนมีจำนวนเรื่องเท่าไหร่แล้ว ม.ล.ปนัดดา กล่าวว่า จำนวนเยอะมาก รัฐบาลสามารถช่วยเหลือไปได้ไม่ต่ำกว่า 70 เปอร์เซ็นต์แล้ว โดยปัญหาที่ได้รับการร้องเรียนมากที่สุดคือ ปัญหาหนี้สิน การกู้ยืมนอกระบบ
"ที่ผ่านมาศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ข้าราชการเอง บางทีก็มีทะเลาะกัน เสียงดังเหมือนสงคราม ถึงขั้นใช้กำลังวังชากันก็มี ซึ่งมันก็ไม่น่าจะเกิดขึ้น” ม.ล.ปนัดดา กล่าว
ด้าน น.ส.จันทร์จ๋า ทองอร่าม อายุ 41 ปี น้องสาวผู้บาดเจ็บ กล่าวว่า เดินทางมาที่กรุงเทพฯ ตั้งแต่เมื่อวานนี้เพราะเป็นห่วงสุขภาพของพี่สาว เมื่อมาเห็นรู้สึกตกใจจนร้องไห้ออกมา อยากให้พี่สาวหายเร็วๆ วิงวอนขอความยุติธรรมให้พี่สาวด้วยว่าอย่าซ้ำเติม เพราะนิสัยของพี่สาวเป็นคนขี้กลัว คาดว่าที่ก่อเหตุคงจะมีความเครียดหาทางออกไม่ได้เพราะว่าถูกเจ้าหนี้ทวงถามอยู่ตลอดเวลา
น.ส.จันทร์จ๋ากล่าวว่า เวลาประมาณ 02.00 น.วันที่ 15 ตุบลาคม พี่สาวโทรศัพท์มาชวนให้เข้ากรุงเทพฯ เพื่อมาร้องทุกข์พร้อมกันซึ่งก็ได้พูดคุยกันตลอดเวลา พอเวลา 05.30 น.พี่สาวก็มาถึงอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิด้วยรถตู้ ก่อนจะต่อรถเมล์มาที่เกิดเหตุ ปกติจะเป็นคนพาพี่สาวมาที่ศูนย์มา 6 ครั้งแล้วแต่ไม่มีความคืบหน้าอะไร ครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 7 โดยพี่สาวมาคนเดียว
“ส่วนน้ำมันไม่ได้พกก่อนออกจากบ้าน น่าจะหาซื้อระหว่างทาง ส่วนมีดก็พกไว้ป้องกันตัว และที่นาทั้งหมดก็เป็นของเจ้าหนี้”
น.ส.จันทร์จ๋ากล่าวว่า จุดเริ่มต้นของการเป็นหนี้ครั้งนี้เกิดจาก 5 ปีก่อนได้ไปกู้เงินมาเรื่อยๆ รวม 250,000 บาท ก็เลยรับจ้างทวงหนี้เพื่อชดใช้หนี้เดิม แต่หลังๆทวงไม่ค่อยได้ เนื่องจากเศรษฐกิจไม่ค่อยดี และคิดว่า 2 ปีที่ผ่านมาทำนาก็หวังจะได้เงินมาชดใช้หนี้ แต่ไม่เป็นดังที่หวัง เจ้าหนี้ก็เลยทบหนี้ต่างๆ นานา ทำให้หนี้ทั้งหมดรวม 3.5 ล้านบาท แต่ไกล่เกลี่ยลดเหลือ 1.5 ล้านบาทซึ่งมากกว่าเงินต้นจำนวนมาก ทำให้เกิดความเครียดและมาก่อเหตุ
“หลังเกิดเหตุเจ้าหนี้โทรศัพท์มาหาบอกว่ารู้สึกตกตะลึง ไม่คิดว่าพี่สาวจะทำจริง ก็เลยบอกไปว่าอย่ามาซ้ำเติมอีก ก่อนจะวางสายไป หลังเกิดเหตุก็มีนักข่าวเดินทางไปที่บ้านของเจ้าหนี้ ซึ่งเจ้าหนี้ก็ปิดบ้านไม่ออกมาให้สัมภาษณ์ใดๆ เลย”
***เจ้าหนี้เหยื่อจุดไฟเผาตัวยอมยกหนี้ให้ทั้งหมด
ที่ จ.ลพบุรี นายธนาคม จงจิระ ผวจ.ลพบุรี และ พล.ต.พิชิต ฟูฟุ่ง ผบ.มทบ.13 เดินทางไปยังบ้านเลขที่ 7/4 หมู่ 2 ต.วังจั่น อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี ซึ่งเป็นบ้านของนางสังเวียน ลูกหนี้ของ น.ส.ธิดารัตน์ เทพอารักษ์ โดยบ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านครึ่งตึกครึ่งไม้ มีรถไถนาขนาดเล็กติดพ่วงท้ายจอดอยู่ 1 คัน ส่วนที่หน้าบ้านพบกับนายธงชัย รักษาเพ็ชร์ อายุ 60 ปี สามี โดย ผวจ.ลพบุรี ได้เข้าไปทักทาย และนำสิ่งของถุงยังชีพมอบให้กับนายธงชัย จากนั้นสอบถามถึงสาเหตุที่เกิดขึ้นนาน 30 นาที พร้อมกับได้ให้กำลังใจ และฝากให้สามีของนางสังเวียนได้ดูแลนางสังเวียนหลังจากที่กลับมารักษาตัวที่บ้านด้วย
นายธนาคม กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวได้มีการพูดคุยกับทางเจ้าหน้าที่แล้วเชื่อว่าจะออกมาในแนวทางที่ดี รวมทั้งได้กำชับให้ตำรวจช่วยดูแลในเรื่องของความปลอดภัย และดูแลเรื่องเงินกู้นอกระบบไม่ให้เกิดเรื่องดังกล่าวขึ้นอีก รวมทั้งฝากให้สื่อมวลชนช่วยอธิบายกับคนอื่น ๆ ด้วยว่าอย่าได้เอาเรื่องนี้เป็นตัวอย่าง
ต่อมาทางนายธนาคม พร้อม พล.ต.พิชิต และคณะ เดินทางไปยังบ้านเลขที่ 289/21 หมู่ที่ 4 ต.โคกสำโรง อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี บ้านของ น.ส.ธิดารัตน์ ที่ตั้งอยู่ภายใน บขส.โคกสำโรง โดยพบกับ น.ส.ธิดารัตน์ อยู่ภายในบ้าน โดยทางคณะผวจ.ลพบุรี ได้เข้าหารือกับ น.ส.ธิดารัตน์ โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไป ซึ่งมีการหารือพูดคุยนานราว 2 ชั่วโมง โดยนายธนาคม กล่าวเพียงสั้นว่า หลังพูดคุยกับน.ส.ธิดารัตน์ แล้วทราบว่าเจ้าหนี้ไม่ขอรับเงินที่ลูกหนี้ติดอยู่แล้ว 1.5 ล้านบาท เนื่องจากตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หากนางสังเวียนออกจากโรงพยาบาลแล้วก็ให้มาทำสัญญายกเลิกหนี้สินต่อไป สาวใหญ่เผาตัวเองแผลลึก ต้องให้ยาฆ่าเชื้อ "รัชตะ" สั่งดูแลเต็มที่
***"หมอรัชตะ" ดอดเยี่ยมสาวใหญ่เมืองลพบุรี
เมื่อเวลา 17.00 น. ศ.นพ.รัชตะ รัชะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้เดินทางมาเยี่ยมอาการของนางสังเวียน โดยมี นพ.ผลเลิศ พันธุ์ธนกุล รองคณบดีฝ่ายบริการ ปฏิบัติหน้าที่ ผอ.รพ.วชิรพยาบาล และแพทย์เจ้าของไข้ให้การต้อนรับ ทั้งนี้ ศ.นพ.รัชตะ ได้ให้สัมภาษณ์หลังเยี่ยมผู้ป่วยว่า แม้ผู้ป่วยจะไม่ได้เข้ารับการรักษาโรงพยาบาลในสังกัด สธ.แต่ตนก็มีความเป็นห่วง จึงเดินทางมาเยี่ยมอาการผู้ป่วยด้วยตนเอง โดยกำชับให้โรงพยาบาลดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ ยังได้ส่งทีมสุขภาพจิต ลงพื้นที่จังหวัดลพบุรีเพื่อดูแลสภาพจิตใจของลูกและญาติผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะลูกของผู้ป่วยที่สภาพจิตใจยังไม่ดีนัก
จากณีกรณีนางสังเวียน รักษาเพ็ชร์ อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 7/4 หมู่ 2 ต.วังจั่น อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี ใช้น้ำมันราดใส่ตัวเองก่อนจุดไฟเผาบาดเจ็บสาหัส ภายในศูนย์บริการประชาชน สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน หลังมายื่นหนังสือร้องทุกข์ปัญหานี้สิน 1.5 ล้านบาท เหตุเกิดเช้าวันที่ 15 ตุลาคม ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
วันนี้ (16 ต.ค.) ที่โรงพยาบาลวชิรพยาบาล นพ.ผลเลิศ พันธุ์ธนกุล รองคณบดีฝ่ายบริการ ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการโรงพยาบาล เปิดเผยว่า คนเจ็บยังต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ และไม่ได้มีอาการต้านเครื่องช่วยหายใจ แต่ยังไม่เคลื่อนย้ายไปไหน โดยเบื้องต้นอาการพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ยังอยู่ในระดับทรงตัว และยังไม่สามารถระบุได้ว่าบาดแผลที่ถูกไฟไหม้ 50% ตั้งแต่ศีรษะลงมาถึงลำตัวว่ามีความลึกระดับไหน เนื่องจากแผลยังบวมอยู่
“จุดนี้แพทย์ยังเป็นห่วง ต้องรอผลหลังผ่าตัดอีกครั้งช่วงบ่ายนี้ เพื่อประเมินอาการต่อไป ส่วนจะกลับมาปกติ อวัยวะใช้งานได้เหมือนเดิมหรือไม่ ต้องประเมินผลกันอีกครั้ง”
นพ.ผลเลิศกล่าวว่า ตอนนี้แพทย์เป็นห่วงเรื่องปัสสาวะที่ขับออกมาน้อย เนื่องจากการไหลเวียนของเสียไปที่ไตน้อยกว่าปกติ ทำให้น้ำที่ให้คนไข้ไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย แต่จากการวิเคราะห์ระบบไตพบว่ามีเกณฑ์ใช้ได้ปกติ ตอนนี้คนเจ็บมีขวัญกำลังใจดี ชีพจรและความดันอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ปลายประสาทยังใช้ได้ ส่วนปอดต้องตรวจสอบอีกครั้งว่าต้องรับการเอกซเรย์หรือไม่ จากนี้ต้องคอยประเมินอาการอย่างใกล้ชิด
“สำหรับดวงตาเบื้องต้นพบว่าอาการบวมยุบลงเล็กน้อย แต่เนื่องจากคนเจ็บใช้เครื่องช่วยหายใจ จึงไม่สามารถสื่อสารกับแพทย์ผู้รักษาได้ ทำให้ยังประเมินเรื่องการมองเห็นได้ไม่ชัดเจน”
นพ.ผลเลิศกล่าวว่า ช่วงเช้าทาง ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้โทรศัพท์มาสอบถามอาการ ตอนนี้ทางโรงพยาบาลมุ่งรักษาคนเจ็บให้หาย โดยสามารถโอนสิทธิการรักษาที่ จ.ลพบุรี มารักษาที่โรงพยาบาลวชิรพยาบาลได้ตามสิทธิฉุกเฉินซึ่งตามกฎหมายสามารถรักษาได้ 72 ชั่วโมง หรือ 3 วัน ถ้านานกว่านั้นต้องประสานสิทธิกันอีกครั้ง และดูว่าคนเจ็บมีความพร้อมที่จะย้ายโรงพยาบาลได้หรือไม่ ถ้าไม่ไหวก็จะดูแลจนกว่าจะอยู่ในภาวะปลอดภัย
***วอนอย่าเผาตัวเลียนแบบ
ด้านม.ล.ปนัดดา ให้สัมภาษณ์ถึงการช่วยเหลือนางสังเวียนว่า เรื่องนี้นายกรัฐมนตรี แสดงความเป็นห่วงอย่างมาก สอบถามมาตลอดว่าสถานการณ์คืบหน้าอย่างไรบ้าง ซึ่งได้รายงานให้นายกฯทราบแล้วว่า อาการของนางสังเวียนดีขึ้น ตอบรับเครื่องช่วยหายใจแล้ว และสามารถช่วยเหลือตัวเองได้แล้ว โดยช่วงบ่าย (16 ต.ค.) แพทย์ศัลยกรรม จะไปดูรายละเอียดของแผลว่าสามารถรักษาช่วงไหนได้ก่อน หมอและพยาบาลดูแลอย่างดี
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีนางสังเวียน รัฐบาลเข้าไปช่วยเหลืออย่างไรบ้าง ม.ล.ปนัดดา กล่าวว่า ได้มีการประสานกับเจ้าหน้าที่จังหวัดให้ช่วยแก้ปัญหา ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการหารือเพื่อช่วยเหลือกันมาตลอด โดยมีอัยการมาร่วมหารือ เพื่อไกล่เกลี่ยกับเจ้าหนี้ให้ด้วย และจากนี้ไปหน่วยงานต้องมาดูว่า เรื่องหนี้สินของนางสังเวียนนั้น เป็นอย่างไรกันแน่
เมื่อถามว่า ทางศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์จะดำเนินการอย่างไร เพราะปัญหาเรื่องหนี้สินที่มาร้องเรียนมีจำนวนมาก ม.ล.ปนัดดา กล่าวว่า เรื่องนี้นายกฯสั่งการตั้งแต่เริ่มแรก และถือเป็นแนวนโยบายแห่งรัฐไปแล้ว โดยมอบหมายให้กระทรวงการคลัง ในส่วนของศูนย์อำนวยการปฏิบัติการแก้ไขปัญหาหนี้สินภาคประชาชน และจะมีการจำแนกไปยังศูนย์ของแต่ละกระทรวง เช่น กระทรวงมหาดไทย จะมีศูนย์ดำรงธรรมที่ดูแลปัญหาต่างๆ อยู่ โดยที่ผ่านมาจะพยายามดูแลในเรื่องการประนอมหนี้ โดยดึงในส่วนของอัยการ เข้ามาช่วยด้วย ซึ่งบางรายเจ้าหนี้ก็ยอมที่จะรับเฉพาะเงินต้นเท่านั้น แต่ก็ต้องยอมรับว่าปัญหานั้นยังไม่จบ
เมื่อถามว่า มีการพูดถึงงบประมาณในศูนย์ดำรงธรรมต่างๆ น้อยเกินไป ทำให้การแก้ปัญหาไม่ครอบคลุม จะมีการเพิ่มงบประมาณให้หรือไม่ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลกำลังจะมีการพิจารณาเพิ่มงบให้ ที่สำคัญจะมีการบูรณาการ นำข้าราชการทุกกระทรวง มานั่งประจำที่ศูนย์ดำรงธรรม เพื่อให้เข้าใจปัญหาประชาชนได้มากขึ้น
เมื่อถามว่า จากนี้ไปการช่วยเหลือประชาชนจะเป็นอย่างไร รัฐบาลจะผลักดันนโยบายอะไรได้บ้าง เพราะอาจจะมีกรณีทำตามแบบนางสังเวียน ม.ล.ปนัดดา กล่าวว่า อยากให้ทุกฝ่ายในพื้นที่โดยเฉพาะองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ช่วยกันดูว่าเมื่อเกิดปัญหาขึ้นจะช่วยกันแก้ปัญหาอย่างไร รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต้องช่วยกันเป็นหูเป็นตา อย่าให้มีการกู้หนี้ยืมสินนอกระบบ
"อย่างไรก็ตามทุกศูนย์ที่รับเรื่องราวร้องทุกข์ ต้องหามาตรการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ขึ้นอีก และอาจจะต้องให้มีพยาบาลอยู่ประจำศูนย์ด้วย เผื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น ผมไม่อยากให้เกิดเป็นวัฒนธรรมที่ทำเลียนแบบกัน อยากจะขอร้อง และขอให้ทุกฝ่ายยึดถือเป็นอุทาหรณ์สอนใจ อะไรที่ควรทำ และไม่ควรทำ" ม.ล.ปนัดดา กล่าว
เมื่อถามว่า ความจริงปัญหาเกี่ยวกับหนี้นอกระบบเป็นนโยบายสำคัญที่นายกฯ พยายามจะแก้ปัญหา ม.ล.ปนัดดา กล่าวว่า นายกฯกำชับอยู่ตลอด และย้ำให้ทุกฝ่ายช่วยกันเต็มที่ เมื่อถามว่า ตั้งแต่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และรัฐบาลเข้ามา ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนมีจำนวนเรื่องเท่าไหร่แล้ว ม.ล.ปนัดดา กล่าวว่า จำนวนเยอะมาก รัฐบาลสามารถช่วยเหลือไปได้ไม่ต่ำกว่า 70 เปอร์เซ็นต์แล้ว โดยปัญหาที่ได้รับการร้องเรียนมากที่สุดคือ ปัญหาหนี้สิน การกู้ยืมนอกระบบ
"ที่ผ่านมาศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ข้าราชการเอง บางทีก็มีทะเลาะกัน เสียงดังเหมือนสงคราม ถึงขั้นใช้กำลังวังชากันก็มี ซึ่งมันก็ไม่น่าจะเกิดขึ้น” ม.ล.ปนัดดา กล่าว
ด้าน น.ส.จันทร์จ๋า ทองอร่าม อายุ 41 ปี น้องสาวผู้บาดเจ็บ กล่าวว่า เดินทางมาที่กรุงเทพฯ ตั้งแต่เมื่อวานนี้เพราะเป็นห่วงสุขภาพของพี่สาว เมื่อมาเห็นรู้สึกตกใจจนร้องไห้ออกมา อยากให้พี่สาวหายเร็วๆ วิงวอนขอความยุติธรรมให้พี่สาวด้วยว่าอย่าซ้ำเติม เพราะนิสัยของพี่สาวเป็นคนขี้กลัว คาดว่าที่ก่อเหตุคงจะมีความเครียดหาทางออกไม่ได้เพราะว่าถูกเจ้าหนี้ทวงถามอยู่ตลอดเวลา
น.ส.จันทร์จ๋ากล่าวว่า เวลาประมาณ 02.00 น.วันที่ 15 ตุบลาคม พี่สาวโทรศัพท์มาชวนให้เข้ากรุงเทพฯ เพื่อมาร้องทุกข์พร้อมกันซึ่งก็ได้พูดคุยกันตลอดเวลา พอเวลา 05.30 น.พี่สาวก็มาถึงอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิด้วยรถตู้ ก่อนจะต่อรถเมล์มาที่เกิดเหตุ ปกติจะเป็นคนพาพี่สาวมาที่ศูนย์มา 6 ครั้งแล้วแต่ไม่มีความคืบหน้าอะไร ครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 7 โดยพี่สาวมาคนเดียว
“ส่วนน้ำมันไม่ได้พกก่อนออกจากบ้าน น่าจะหาซื้อระหว่างทาง ส่วนมีดก็พกไว้ป้องกันตัว และที่นาทั้งหมดก็เป็นของเจ้าหนี้”
น.ส.จันทร์จ๋ากล่าวว่า จุดเริ่มต้นของการเป็นหนี้ครั้งนี้เกิดจาก 5 ปีก่อนได้ไปกู้เงินมาเรื่อยๆ รวม 250,000 บาท ก็เลยรับจ้างทวงหนี้เพื่อชดใช้หนี้เดิม แต่หลังๆทวงไม่ค่อยได้ เนื่องจากเศรษฐกิจไม่ค่อยดี และคิดว่า 2 ปีที่ผ่านมาทำนาก็หวังจะได้เงินมาชดใช้หนี้ แต่ไม่เป็นดังที่หวัง เจ้าหนี้ก็เลยทบหนี้ต่างๆ นานา ทำให้หนี้ทั้งหมดรวม 3.5 ล้านบาท แต่ไกล่เกลี่ยลดเหลือ 1.5 ล้านบาทซึ่งมากกว่าเงินต้นจำนวนมาก ทำให้เกิดความเครียดและมาก่อเหตุ
“หลังเกิดเหตุเจ้าหนี้โทรศัพท์มาหาบอกว่ารู้สึกตกตะลึง ไม่คิดว่าพี่สาวจะทำจริง ก็เลยบอกไปว่าอย่ามาซ้ำเติมอีก ก่อนจะวางสายไป หลังเกิดเหตุก็มีนักข่าวเดินทางไปที่บ้านของเจ้าหนี้ ซึ่งเจ้าหนี้ก็ปิดบ้านไม่ออกมาให้สัมภาษณ์ใดๆ เลย”
***เจ้าหนี้เหยื่อจุดไฟเผาตัวยอมยกหนี้ให้ทั้งหมด
ที่ จ.ลพบุรี นายธนาคม จงจิระ ผวจ.ลพบุรี และ พล.ต.พิชิต ฟูฟุ่ง ผบ.มทบ.13 เดินทางไปยังบ้านเลขที่ 7/4 หมู่ 2 ต.วังจั่น อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี ซึ่งเป็นบ้านของนางสังเวียน ลูกหนี้ของ น.ส.ธิดารัตน์ เทพอารักษ์ โดยบ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านครึ่งตึกครึ่งไม้ มีรถไถนาขนาดเล็กติดพ่วงท้ายจอดอยู่ 1 คัน ส่วนที่หน้าบ้านพบกับนายธงชัย รักษาเพ็ชร์ อายุ 60 ปี สามี โดย ผวจ.ลพบุรี ได้เข้าไปทักทาย และนำสิ่งของถุงยังชีพมอบให้กับนายธงชัย จากนั้นสอบถามถึงสาเหตุที่เกิดขึ้นนาน 30 นาที พร้อมกับได้ให้กำลังใจ และฝากให้สามีของนางสังเวียนได้ดูแลนางสังเวียนหลังจากที่กลับมารักษาตัวที่บ้านด้วย
นายธนาคม กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวได้มีการพูดคุยกับทางเจ้าหน้าที่แล้วเชื่อว่าจะออกมาในแนวทางที่ดี รวมทั้งได้กำชับให้ตำรวจช่วยดูแลในเรื่องของความปลอดภัย และดูแลเรื่องเงินกู้นอกระบบไม่ให้เกิดเรื่องดังกล่าวขึ้นอีก รวมทั้งฝากให้สื่อมวลชนช่วยอธิบายกับคนอื่น ๆ ด้วยว่าอย่าได้เอาเรื่องนี้เป็นตัวอย่าง
ต่อมาทางนายธนาคม พร้อม พล.ต.พิชิต และคณะ เดินทางไปยังบ้านเลขที่ 289/21 หมู่ที่ 4 ต.โคกสำโรง อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี บ้านของ น.ส.ธิดารัตน์ ที่ตั้งอยู่ภายใน บขส.โคกสำโรง โดยพบกับ น.ส.ธิดารัตน์ อยู่ภายในบ้าน โดยทางคณะผวจ.ลพบุรี ได้เข้าหารือกับ น.ส.ธิดารัตน์ โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไป ซึ่งมีการหารือพูดคุยนานราว 2 ชั่วโมง โดยนายธนาคม กล่าวเพียงสั้นว่า หลังพูดคุยกับน.ส.ธิดารัตน์ แล้วทราบว่าเจ้าหนี้ไม่ขอรับเงินที่ลูกหนี้ติดอยู่แล้ว 1.5 ล้านบาท เนื่องจากตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หากนางสังเวียนออกจากโรงพยาบาลแล้วก็ให้มาทำสัญญายกเลิกหนี้สินต่อไป สาวใหญ่เผาตัวเองแผลลึก ต้องให้ยาฆ่าเชื้อ "รัชตะ" สั่งดูแลเต็มที่
***"หมอรัชตะ" ดอดเยี่ยมสาวใหญ่เมืองลพบุรี
เมื่อเวลา 17.00 น. ศ.นพ.รัชตะ รัชะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้เดินทางมาเยี่ยมอาการของนางสังเวียน โดยมี นพ.ผลเลิศ พันธุ์ธนกุล รองคณบดีฝ่ายบริการ ปฏิบัติหน้าที่ ผอ.รพ.วชิรพยาบาล และแพทย์เจ้าของไข้ให้การต้อนรับ ทั้งนี้ ศ.นพ.รัชตะ ได้ให้สัมภาษณ์หลังเยี่ยมผู้ป่วยว่า แม้ผู้ป่วยจะไม่ได้เข้ารับการรักษาโรงพยาบาลในสังกัด สธ.แต่ตนก็มีความเป็นห่วง จึงเดินทางมาเยี่ยมอาการผู้ป่วยด้วยตนเอง โดยกำชับให้โรงพยาบาลดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ ยังได้ส่งทีมสุขภาพจิต ลงพื้นที่จังหวัดลพบุรีเพื่อดูแลสภาพจิตใจของลูกและญาติผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะลูกของผู้ป่วยที่สภาพจิตใจยังไม่ดีนัก