ASTV ผู้จัดการรายวัน - อานิสงฆ์หุ้น IPO ร้อนจัด ส่งผลให้หลายบริษัทขนาดกลางขึ้นไปสนใจเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai แต่ติดปัญหาที่ปรึกษา และผู้ตรวจสอบบัญชีไม่เพียงพอ กรรมการผู้จัดการ mai ผุด 2 โครงกานช่วยผู้สนใจแต่งตัวเข้าตลาดฯ “ประพันธ์” คาดมาร์เก็ตแคปหุ้นใหม่ทะลุ 3 หมื่นล.ส่วนมูลค่าการซื้อขายปีนี้เฉลี่ย 3 พันล./วัน
นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ หรือ ตลาด mai คาดว่าปีนี้จะมีหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก หรือหุ้น IPO เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai 18-19 บริษัท ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 16 บริษัท พร้อมคาดมาร์เก็ตแคปของหุ้น IPO ที่จะเข้ามาใหม่จะมีมูลค่ากว่า 30,000 ล้านบาท
ขณะที่คาดว่ามูลค่าการซื้อขายต่อวันของ mai ปีนี้เฉลี่ยจะอยู่ที่ 3,000 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อนที่ 2,400 ล้านบาท โดยพบว่าปัจจุบัน มีนักลงทุนเข้ามาซื้อขายหุ้น mai มากขึ้น โดยมีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน ณ ปัจจุบันที่ 2,700-2,800 ล้านบาท ทั้งนี้ เป็นไปตามแผนการพัฒนาตลาด mai ให้มีความน่าสนใจและดึงดูดนักลงทุนมากขึ้น โดยมีทั้งการจัดการ mai forum ซึ่งได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี รวมถึงได้มีการร่วมมือกับ 11 บริษัทหลักทรัพย์เพื่อจัดทำบทวิเคราะห์สำหรับหุ้น mai โดยคาดว่าปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ 50 บริษัท โดยปัจจุบันมีบทวิเคราะห์เพิ่มขึ้นมาถึงกว่า 40 บริษัท จากก่อนหน้านี้ที่มีอยู่น้อยมาก
นอกจากนี้ บริษัทใน mai ได้มีการปรับปรุงและพัฒนาธุรกิจให้มีความน่าสนใจและมีกำไรเติบโตดีมากขึ้นทำให้นักลงทุนเข้ามาซื้อขายหุ้น mai มากขึ้น เนื่องจากจะมีผลตอบแทนที่สูงกว่าบริษัทขนาดใหญ่ที่อยู่ใน SET อย่างไรก็ตามแนะนำว่าให้นักลงทุนซื้อขายหุ้นด้วยปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก ประเมินพื้นฐานว่าเหมาะสมกับราคาหรือไม่ โดยหลีกเลี่ยงหุ้นเก็งกำไรที่ไม่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับ รวมถึงหุ้นที่มีข่าวลือ
นายประพันธ์ กล่าวถึงความคืบหน้าในการแบ่งบริษัทจดทะเบียนในตลาด mai ออกเป็น 8 กลุ่มอุตสาหกรรม ประกอบด้วย 1เกษตร อุตสาหกรรมอาหาร และธุรกิจการเกษตร มีประมาณ 29 บริษัท 2.ธุรกิจการเงิน 3.อสหังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง ประมาณ 13 บริษัท 4.สินค้าอุปโภคบริโภค 5.ทรัพยากรธรรมชาติ เป็นผู้ประกอบการพลังงานทดแทน 6.บริการ 7.สินค้าอุตสาหกรรม และ 8.เทคโนโลยี มีความจัดเจน และจะเริ่มต้นปี 2558 อย่างแน่นอน
กรรมการผู้จัดการตลาด mai ยอมรับว่าการที่ทั้งปี 2557 หุ้นที่เข้ามาจดทะเบียนล้วนประสบความสำเร็จในวันเปิดการซื้อขายทำให้มีหลายบริษัทที่สนใจจะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai เป็นจำนวนมาก แต่ด้วยศักยภาพของบริษัทที่ปรึกษาและที่ปรึกษาทางการเงิน หรือผู้ตรวจสอบบัญชีที่มีใบอนุญาตจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต.ที่มีจำนวนจำกัดทำให้ความสามารถในการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนอย่างเต็มที่นั้นอยู่ที่ 20 บริษัทต่อปี
ทางตลาด mai จึงจัดโครงการ One on One คลีนนิคให้คำแนะนำบริษัทที่สนใจเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัยพ์ โดยความร่วมมือจากบริษัทที่ปรึกษา และสถาบันผู้ตรวจสอบบัญชีตั้งโต๊ะให้คำแนะนำขั้นตอนการเตรียมความพร้อมนำบริษัทเข้าจดทะเบียนฯ กับผู้ประกอบการที่สนใจ
“เรากำลังช่ยเหลืออุตสาหกรรมด้วยการช่วยบริษัทที่มีความสนใจเตรียมความพร้อมเพื่อนำบริษัทเข้าจดทะเบียนฯ เพราะก.ล.ต.มีหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนว่าผู้ตรวจสอบบัญชีต้องมีใบอนุญาติซึ่งทั้งวงการมีไม่ถึง 200 คนทุกคนทำงานเต็มที่แล้ว การนำบริษัทเข้าจดทะเบียนฯ ในตลาด mai จึงทำได้แค่ 20 บริษัทต่อปีนี่ก็เต็มที่นะเพราะไม่รวมกลุ่มที่สนใจเข้า SET เพราะเมื่อเขาสนใจเขายังต้องใช้เวลาเตรียมความพร้อมอย่างน้อย 2-3 ปีเราก็ต้องช่วยเขาทำงานด้วย”
ส่วนกรณีคดีความของบริษัทไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ TSE ที่จะเข้าทำการซื้อ-ขายในวันพรุ่ง นายประพันธ์ กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ mai อยู่ระหว่างรอคำตัดสินของศาลเกี่ยวกับ ซึ่งหากศาลมีคำตัดสินยกฟ้องก็จะอนุมัติให้เข้าซื้อขายได้ตามกำหนดการเดิม โดยคาดว่าจะเข้าซื้อขายภายในปีนี้ แต่หากศาลมีคำตัดสินว่ามีความผิด TSE ต้องดำเนินการสะสางคดีความจนสิ้นสุดคดีถึงจะได้รับการอนุมัติเพื่อเข้าซื้อขาย ส่วนประเด็นที่ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับคดีความในไฟลิ่งตามกฎเกณฑ์สามารถเพิ่มเติมในภายหลังได้ ซึ่งได้มีการแจ้งไปทางบริษัทให้เพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อมูลคดีความในไฟลิ่งแล้ว
นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ หรือ ตลาด mai คาดว่าปีนี้จะมีหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก หรือหุ้น IPO เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai 18-19 บริษัท ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 16 บริษัท พร้อมคาดมาร์เก็ตแคปของหุ้น IPO ที่จะเข้ามาใหม่จะมีมูลค่ากว่า 30,000 ล้านบาท
ขณะที่คาดว่ามูลค่าการซื้อขายต่อวันของ mai ปีนี้เฉลี่ยจะอยู่ที่ 3,000 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อนที่ 2,400 ล้านบาท โดยพบว่าปัจจุบัน มีนักลงทุนเข้ามาซื้อขายหุ้น mai มากขึ้น โดยมีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน ณ ปัจจุบันที่ 2,700-2,800 ล้านบาท ทั้งนี้ เป็นไปตามแผนการพัฒนาตลาด mai ให้มีความน่าสนใจและดึงดูดนักลงทุนมากขึ้น โดยมีทั้งการจัดการ mai forum ซึ่งได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี รวมถึงได้มีการร่วมมือกับ 11 บริษัทหลักทรัพย์เพื่อจัดทำบทวิเคราะห์สำหรับหุ้น mai โดยคาดว่าปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ 50 บริษัท โดยปัจจุบันมีบทวิเคราะห์เพิ่มขึ้นมาถึงกว่า 40 บริษัท จากก่อนหน้านี้ที่มีอยู่น้อยมาก
นอกจากนี้ บริษัทใน mai ได้มีการปรับปรุงและพัฒนาธุรกิจให้มีความน่าสนใจและมีกำไรเติบโตดีมากขึ้นทำให้นักลงทุนเข้ามาซื้อขายหุ้น mai มากขึ้น เนื่องจากจะมีผลตอบแทนที่สูงกว่าบริษัทขนาดใหญ่ที่อยู่ใน SET อย่างไรก็ตามแนะนำว่าให้นักลงทุนซื้อขายหุ้นด้วยปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก ประเมินพื้นฐานว่าเหมาะสมกับราคาหรือไม่ โดยหลีกเลี่ยงหุ้นเก็งกำไรที่ไม่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับ รวมถึงหุ้นที่มีข่าวลือ
นายประพันธ์ กล่าวถึงความคืบหน้าในการแบ่งบริษัทจดทะเบียนในตลาด mai ออกเป็น 8 กลุ่มอุตสาหกรรม ประกอบด้วย 1เกษตร อุตสาหกรรมอาหาร และธุรกิจการเกษตร มีประมาณ 29 บริษัท 2.ธุรกิจการเงิน 3.อสหังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง ประมาณ 13 บริษัท 4.สินค้าอุปโภคบริโภค 5.ทรัพยากรธรรมชาติ เป็นผู้ประกอบการพลังงานทดแทน 6.บริการ 7.สินค้าอุตสาหกรรม และ 8.เทคโนโลยี มีความจัดเจน และจะเริ่มต้นปี 2558 อย่างแน่นอน
กรรมการผู้จัดการตลาด mai ยอมรับว่าการที่ทั้งปี 2557 หุ้นที่เข้ามาจดทะเบียนล้วนประสบความสำเร็จในวันเปิดการซื้อขายทำให้มีหลายบริษัทที่สนใจจะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai เป็นจำนวนมาก แต่ด้วยศักยภาพของบริษัทที่ปรึกษาและที่ปรึกษาทางการเงิน หรือผู้ตรวจสอบบัญชีที่มีใบอนุญาตจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต.ที่มีจำนวนจำกัดทำให้ความสามารถในการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนอย่างเต็มที่นั้นอยู่ที่ 20 บริษัทต่อปี
ทางตลาด mai จึงจัดโครงการ One on One คลีนนิคให้คำแนะนำบริษัทที่สนใจเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัยพ์ โดยความร่วมมือจากบริษัทที่ปรึกษา และสถาบันผู้ตรวจสอบบัญชีตั้งโต๊ะให้คำแนะนำขั้นตอนการเตรียมความพร้อมนำบริษัทเข้าจดทะเบียนฯ กับผู้ประกอบการที่สนใจ
“เรากำลังช่ยเหลืออุตสาหกรรมด้วยการช่วยบริษัทที่มีความสนใจเตรียมความพร้อมเพื่อนำบริษัทเข้าจดทะเบียนฯ เพราะก.ล.ต.มีหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนว่าผู้ตรวจสอบบัญชีต้องมีใบอนุญาติซึ่งทั้งวงการมีไม่ถึง 200 คนทุกคนทำงานเต็มที่แล้ว การนำบริษัทเข้าจดทะเบียนฯ ในตลาด mai จึงทำได้แค่ 20 บริษัทต่อปีนี่ก็เต็มที่นะเพราะไม่รวมกลุ่มที่สนใจเข้า SET เพราะเมื่อเขาสนใจเขายังต้องใช้เวลาเตรียมความพร้อมอย่างน้อย 2-3 ปีเราก็ต้องช่วยเขาทำงานด้วย”
ส่วนกรณีคดีความของบริษัทไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ TSE ที่จะเข้าทำการซื้อ-ขายในวันพรุ่ง นายประพันธ์ กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ mai อยู่ระหว่างรอคำตัดสินของศาลเกี่ยวกับ ซึ่งหากศาลมีคำตัดสินยกฟ้องก็จะอนุมัติให้เข้าซื้อขายได้ตามกำหนดการเดิม โดยคาดว่าจะเข้าซื้อขายภายในปีนี้ แต่หากศาลมีคำตัดสินว่ามีความผิด TSE ต้องดำเนินการสะสางคดีความจนสิ้นสุดคดีถึงจะได้รับการอนุมัติเพื่อเข้าซื้อขาย ส่วนประเด็นที่ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับคดีความในไฟลิ่งตามกฎเกณฑ์สามารถเพิ่มเติมในภายหลังได้ ซึ่งได้มีการแจ้งไปทางบริษัทให้เพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อมูลคดีความในไฟลิ่งแล้ว