สวรรค์ของนักปั่นอีกแห่งหนึ่งที่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากกรุงเทพ “บางกระเจ้า” อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ พื้นที่สีเขียวรูปทรงกระเพาะหมูบริเวณชานเมืองหลวงฯ เปี่ยมล้นไปด้วยธรรมชาติแวดล้อมอุดมสมบูรณ์จนกลายเป็นแหล่งผลิตโอโซนติดลำดับโลกและถูกขนานนามว่าเป็นปอดของกรุงเทพฯ การันตีด้วยรางวัล The Best Urban Oasis of Asia (โอเอซิสของอากาศบริสุทธิ์ที่ดีที่สุดในเอเชีย) จาก นิตยสาร Time ฉบับ The Best of Asia 2006
ทีมงาม Feel Good จึงไม่รอช้า ขอบุกไปสูดอากาศสดชื่นให้เต็มปอด พร้อมเก็บบรรยากาศที่คุณผู้อ่านต้องลงมาสัมผัสด้วยตัวเองถึงจะเข้าใจ
เริ่มแรกของการเดินทางมาปั่นเรียกเหงื่อระยะทางรวม 14 กิโลเมตรในคราวนี้ กองทัพต้องเดินด้วยท้องเสียก่อน เพราะฉะนั้นขออนุญาตเริ่มต้นด้วยการช้อป ชิมให้สุขอุราใน “ตลาดน้ำบางนำผึ้ง” ก่อนจะต้องใช้พลังงาน โดยเส้นทางตลาดน้ำบางน้ำผึ้งนี้ แต่เดิมใช้เป็นเส้นทางสัญจรคมนาคมอยู่แล้ว จึงเกิดการรวมตัวสร้างแหล่งท่องเที่ยว แหล่งเรียนรู้วิถีชีวิตในชุมชนได้ไม่ยาก และชาวบ้านก็รวมใจเปิดตลาดค้าขายที่ยกของดีมาให้นักท่องเที่ยวควักสตางค์จ่ายกันจนกระเป๋าลีบ โดยตลาดน้ำแห่งนี้จะเปิดให้แวะช้อปกันแค่วันเสาร์ - อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 8.00 น. - 16.00 น.
เมื่อรับประทานอาหารกันเสร็จ หนังท้องตึงหนังตาหย่อนไม่ได้เชียว เพราะถึงเวลาสำคัญที่เราต้องไปปั่นกันแล้ว แต่จะทำยังไงดีถ้าไม่มีจักรยานมาด้วย?! ใครที่ประสบปัญหาเช่นเดียวกันนี้ไม่ต้องเป็นกังวลเพราะหลายจุดของบางกระเจ้ามีบริการจักรยานให้เช่าขี่กันตามอัธยาศัย ส่วนที่ทีมงานเลือกไปเช่าก็ไม่ไกลจากตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง เดินลัดเลาะมานิดเดียวก็จะเจอกับ “บ้านธูปหอมสมุนไพร” ที่มีจักรยานหลายรูปแบบให้เลือกตามใจชอบในราคาชั่วโมงละ 50 บาทต่อคัน ถ้าเหมาทั้งวันคิดไปเลย 100 บาท นอกจากนั้น หากใครกลัวหลงทาง ที่นี่ยังมีบริการมัคคุเทศก์นำปั่นพร้อมให้ความรู้อีกด้วย
ถึงเวลาขึ้นอานเจ้าสองล้อ พร้อมทะยานไปข้างหน้าสัมผัสความเป็นธรรมชาติของบางกระเจ้า ออกตัวอาจจะโซเชไปนิดเพราะความไม่คุ้นชิน แต่สักพักก็เริ่มสบายและผ่อนคลายไปกับต้นไม้ร่มรื่นสองข้างทางแทรกสลับไปกับบ้านผู้คนที่ไม่แออัดอย่างในเมือง บางช่วงบางตอนอาจมีหวาดเสียวเพราะต้องขับเลาะถนนพร้อมๆ กับเจ้าถนนสี่ล้อ ดังนั้น อย่าเพลิดเพลินกับทิวทัศน์มากเกินไปจนประมาทอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้
ออกตัวไปได้ไม่ไกลนักก็ขอแวะพักไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อความเป็นสิริมงคลที่ “วัดบางน้ำผึ้งนอก” ในพระอุโบสถประดิษฐานพระประธานชื่อหลวงพ่อโต สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบางน้ำผึ้งต่างให้ความเคารพนับถือ จากนั้นก็ดื่มด่ำกับเส้นทางธรรมชาติกันต่อ เลาะเรียบตามถนนไปเรื่อยๆ ก่อนจะมาจอดพัก ณ “พิพิธภัณฑ์ปลากัดไทย” สถานที่รวบรวมปลากัดหลากสี โดยไม่เก็บค่าเข้าชมแต่เปิดโอกาสให้แวะมาทักทายแค่วันเสาร์ - อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ระหว่างเวลา 10.00 น. - 17.00 น. เท่านั้น
เสียงเบรกเอี๊ยดดังเบาๆ ก่อนขยับตัวลงมาจูงให้รถจอดเข้าทางอย่างเป็นระเบียบด้านหน้า จากนั้นก็เร่งสาวเท้าเข้าไปชมปลากัดตัวน้อยที่อวดสีสันรอคอยผู้มาเยี่ยมชม เป้าหมายหลักของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้คือเป็นพิพิธภัณฑ์เพื่อการเรียนรู้ และการพักผ่อนหย่อนใจ ซึ่งนอกจากจะมีปลากัดสายพันธุ์ต่างๆ ที่ได้จัดแสดงไว้ ยังมีสิ่งที่น่าสนใจอื่นๆ อาทิ เรือนไทยประยุกต์, การจัดแสดงพันธุ์ปลาที่มีแหล่งกำเนิดจากแม่น้ำเจ้าพระยา, สามล้อถีบ สัญลักษณ์ประจำเมืองพระประแดง ภายใต้บรรยากาศอิงแอบโอบล้อมด้วยธรรมชาติทำให้ความเหนื่อยล้าจากการปั่นมาเกือบครึ่งทางมลายหายไปสิ้น
ถึงเวลาโบกมือลาขี่สองล้อออกตัวไปต่อยัง “สวนศรีนครเขื่อนขันธ์” หรือสวนบางกระเจ้า โอเอซิสผลิตออกซิเจนของบางกระเจ้า พื้นที่กว่า 200 ไร่ สำหรับพักผ่อนหย่อนใจ สวนสาธารณะที่คงไว้ซึ่งความร่มรื่น อุดมสมบูรณ์ไปด้วยพรรณไม้นานาชนิด จนบางส่วนมีลักษณะเหมือนได้เข้าไปอยู่ในป่า รวมถึงมีสะพานไม้ทอดยาวให้เดินชมพื้นที่อันสงบร่มรื่น รวมถึงหอชมวิวสูง 7 เมตร สำหรับชมทิวทัศน์ของสวนศรีนครเขื่อนขันธ์ รวมถึงใช้สำหรับการดูนกอีกด้วย จุดนี้เป็นอีกแห่งหนึ่งที่ให้เช่าจักรยานชื่นชมสวนด้านใน คิดราคาชั่วโมงละ 50 บาท ทั้งวัน 100 บาท ต่อคันเท่านั้น
ผ่านไปแล้ว 7 กิโลเมตรแรก ยังเหลืออีก 7 กิโลเมตรเพื่อจะกลับไปยังบ้านธูปหอมสมุนไพร ช่วงเวลานี้วัดใจพอดูสำหรับมือใหม่ เพราะเป็นการปั่นแบบระยะยาวไม่มีจุดแวะพัก แต่ยังสามารถแวะเติมพลังอีกนิดหน่อยที่ร้าน “กาแฟในบ้าน” บริเวณปากซอยเพชรหึงษ์ 29 ความเด็ดของร้านนี้คือเอกลักษณ์ของเครื่องดื่มแบบปั่นอย่างกาแฟ และชาเขียวจะมีการใส่เนื้อมะพร้าวให้พอเคี้ยวกรุบๆ แถมได้รสชาติหอมมันละมุนลิ้น ซึ่งสิงห์นักปั่นทั้งหลายก็มักแวะมาเยี่ยมเยือนเป็นประจำ ถือเป็นสถานที่ที่อบอุ่นของบางกระเจ้าอีกแห่งหนึ่งที่ไม่ควรพลาด
จากนั้นก็ปั่นลัดเลาะเข้ามาในถนนเส้นเล็กๆ ผ่านเรือกสวนและบ้านคนที่ยังคงอนุรักษ์ความเป็นธรรมชาติ ต้นไม้ทั้งใหญ่เล็กต่างไหวเอนไปตามลมเหมือนโบกมือทักทายผู้ที่เข้ามาหา และบางช่วงของเส้นทางก็ทำเอาทีมงานแอบลุ้นหัวใจจะวายเพราะถนนแคบ หากพลาดร่วงลงไปมีหวังได้แผลติดตัวกลับบ้าน
ก่อนจะทะลุออกมายัง “เส้นทางมรกต” เส้นทางคอนกรีตเลาะเลียบคลองบางน้ำผึ้งไปจนจรดประตูน้ำทางออกไปสู่แม่น้ำเจ้าพระยา เบื้องหน้าฝั่งตรงข้ามคือวัดบางนานอก เส้นทางสายนี้ถูกเรียกขานว่าเส้นทางมรกตเหตุเพราะมีการทาสีเขียวไปบนพื้นถนนดูกลมกลืนไปกับธรรมชาติข้างทางที่เต็มไปด้วยต้นไม้ร่มรื่น ขณะปั่นไปก็รู้สึกได้สัมผัสกับลมเย็นๆ ที่โชยมาอยู่ตลอดเวลา ยิ่งพอมองเห็นแม่น้ำเจ้าพระยาความอิ่มสุขก็เพิ่มพูนเป็นเท่าตัว แต่ก็เป็นการย้ำเตือนด้วยเช่นกันว่าอีกไม่กี่ร้อยเมตรข้างหน้าจะหมดเวลาแห่งการปั่นลงเสียแล้ว
ฉะนั้น จึงขอลงมาชื่นชมบรรยากาศบนสะพานข้ามประตูน้ำ พร้อมสูดหายใจเข้าลึกๆ สะสมเอาไว้ใช้ต่อในวันทำงาน พร้อมโบกมือลาบางกระเจ้ากันอย่างจริงจัง ก่อนจะค่อยๆ ปั่นและนำจักรยานไปคืนยังที่เดิมให้มันได้พักผ่อนเช่นเดียวกับเรา ก่อนที่อีกไม่กี่วันข้างหน้ามันจะได้ทำหน้าที่อุปกรณ์ส่งความสุขไปยังนักปั่นคนอื่นๆ อีกครั้ง...
สำหรับการเดินทางไปบางกระเจ้านั้น สามารถทำได้หลายทาง อย่างแรกคือทางเรือสามารถนั่งเรือหางยาวข้ามฟากไปยังบางกระเจ้าได้ตาม 3 ท่าเรือ ดังนี้ ท่าเรือบางนา, ท่าเรือคลองเตยนอก และท่าเรือช่องนนทรี ทางรถยนต์ ขับรถมาทางถนนราษฎร์บูรณะ แล้วขึ้นสะพานภูมิพล (วงแหวนอุตสาหกรรม) หรือใช้เส้นทางพิเศษเฉลิมมหานครลงที่ถนนสุขสวัสดิ์ เลี้ยวซ้ายสู่ถนนนครเขื่อนขันธ์แล้วเลี้ยวเข้าสู่ถนนเพชรหึงษ์